ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 111 มีปัญหา
เจียงซื่อหันมาเล็กน้อยเป็นมารยาท “ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ ข้าน้อยบังเอิญตามคดีฆาตกรรมนี้อยู่พอดี การพยายามช่วยอย่างเต็มที่เพื่อให้ความจริงปรากฏออกมานั้นถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
“ถึงกระนั้นก็เถอะ โชคดีที่ได้แม่นางช่วยไว้ถึงได้หาหลักฐานสำคัญมาชี้ตัวเสวียนฉือได้” ผู้บัญชาการยิ้มขึ้น “ตอนนี้ดึกมาแล้ว ท่านทั้งสามรีบไปพักผ่อนเถิด รอข้าพาตัวฆาตกรกลับไปที่ศาลในวันพรุ่งนี้ ข้าอยากจะเลี้ยงข้าวท่านทั้งสามในภัตตาคารที่อำเภอฟู่ซิ่ง ไม่ทราบว่าท่านทั้งสามพอจะมีเวลาหรือไม่”
อวี้จิ่นมองไปที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นต้องทำให้มันยุ่งยากหรอกเจ้าค่ะ พวกเรายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการอีก พรุ่งต้องออกไปจากที่นี่แล้ว”
“เช่นนั้น ข้าก็ขออวยพรให้ท่านทั้งสามเดินทางปลอดภัย” ผู้บัญชาการเหมือนมีอะไรจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา
เมื่อผู้บัญชาการเดินจากไป เจียงจั้นก็เอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ “น้องสี่ เจ้าช่วยอะไรผู้บัญชาการกันแน่”
“ลูกประคำ” เจียงซื่อพูดออกมา ทว่ายังเห็นเจียงจั้นไม่เข้าใจจึงอธิบายขึ้น “ลูกประคำของเสวียนฉือมีกลิ่นคาวเลือด”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” เจียงจั้นนึกขึ้นได้ เขาหรี่ตาคู่สวยลง “น้องสี่ จมูกเจ้านี่มันอะไรกัน ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันไวกว่าเอ้อร์หนิว…”
อวี้จิ่นวางมือลงที่บ่าของเจียงจั้นแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้เจียงซื่อ “ดึกแล้ว พี่รีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ พวกข้าจะไปพักผ่อนแล้วเช่นกัน”
เจียงซื่อพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่ห้อง
หลังจากที่เจียงจั้นเดินเข้าห้องไปถึงได้รู้สึกตัว น้ำเสียงที่พี่อวี๋ชีพูดมันคืออะไรกัน ทำไมมันถึงดูเหมือนทั้งสองสนิทสนมกันมาก กลับกันพี่ชายอย่างข้ากลายเป็นคนนอกซะงั้น
การค้นพบนี้ทำให้คุณชายเจียงเอ้อร์นอนไม่หลับทันที
มีปัญหา ต้องมีปัญหาแน่!
เจียงจั้นนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงราวกับขนมเล่าปิ่ง ไม่รู้ว่าพลิกตัวไปมาอยู่นานเท่าไหร่สุดท้ายก็ดีดตัวลุกขึ้นมาเหมือนปลาหลี่ จากนั้นก็เดินจ้ำอ้าวออกไปหาอวี้จิ่น
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ เสียงเปิดประตูดังตามออกมา
“มีเรื่องอะไรหรือ” อวี้จิ่นยืนอยู่หน้าประตู บนตัวมีเสื้อคลุมอยู่ตัวเดียว เป็นเสื้อสีขาวคอเสื้อเปิดอ้ากว้าง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าได้อย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ กล้ามเนื้อที่แลบออกมาด้านนอกยังคงเปียกอยู่ เนื่องจากนอนค่อนข้างดึก เสียงที่พูดจึงเบากว่าปกติ
เจียงจั้นมองขึ้นไปบนฟ้า
แค่ก แค่ก ผู้ชายอกสามศอกทำท่าทางแบบนี้มันไม่เข้าท่าเลย!
“ถ้าไม่มีอะไรข้าจะปิดประตู” ที่จริงอวี้จิ่นง่วงนอนแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญ
“มี เข้าไปในห้องแล้วค่อยพูด” เจียงจั้นดันประตูไว้แล้วมุดเข้าไป
อวี้จิ่นขมวดคิ้วขึ้น ปิดประตูลงแล้วเดินกลับไปนั่งรอให้เจียงจั้นเอ่ยปากพูดก่อน
เจียงจั้นเอามือยันโต๊ะไว้ “พี่อวี๋ชี ข้ารู้สึกว่าท่านผิดปกติเล็กน้อย!”
“หืม”
“น้ำเสียงที่ท่านพูดกับน้องสี่ของข้าดูสนิทสนมกันมาก”
“งั้นหรือ” อวี้จิ่นแอบตกใจที่จู่ๆ เจียงจั้นก็รู้จักใช้สมองขึ้นมาได้ เขาจึงตั้งใจทำหน้าไขสือ
“ใช่!” จู่ๆ เจียงจั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้า แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมวางตาแม้แต่น้อย เขาจ้องอยู่พักหนึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร
หรือว่าข้าคิดมากไปเอง
ไม่ เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคงจะเก็บความรู้สึกเก่ง จึงซ่อนความรู้สึกได้อย่างมิดชิด!
“พี่อวี๋ชี ท่านคิดอะไรกับน้องสี่ของข้าใช่หรือไม่”
อวี้จิ่นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ทำไมจู่ๆ เจียงจั้นถึงพูดเข้าประเด็น
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ในหัวอย่างรวดเร็ว เขาก็ตอบออกไปตามตรง “อืม”
สู้เพื่อคว้าโอกาสทุกทาง แล้วชัยชนะจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เจียงจั้นไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เขาชี้ไปที่อวี้จิ่น “ท่าน ท่านพูดอีกที!”
อวี้จิ่นหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “หญิงสาวที่สวยสดงดงาม มีคุณสมบัติผู้ดี เฉลียวฉลาด จิตใจดีงาม สุภาพอ่อนโยน สง่างาม…”
พอเจียงจั้นได้ยินคำบรรยายที่ไหลออกมาเป็นสายก็พยักหน้ารัวๆ
ไม่นึกเลยว่าพี่อวี๋ชีจะดูคนแม่นขนาดนี้…
“น้องเจียงเอ้อร์ การที่ข้าพบเจอผู้หญิงแบบนี้แล้วเกิดความรักขึ้นมาในใจ นี่มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”
“ปกติสิ” เจียงจั้นพูดโพล่งออกมา
เขาเป็นใคร เขาพูดอะไรออกไป
ช้าก่อน เขารู้สึกมึนเล็กน้อยราวกับถูกกระชาก!
อวี้จิ่นเผยรอยยิ้มปลื้มใจออกมาพลางตบลงที่ไหล่ของเจียงจั้นอย่างแรง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องเจียงเอ้อร์จะเข้าใจและสนับสนุนข้า!”
“ข้า…” เจียงจั้นอ้าปากค้าง จู่ๆ ก็ตบฉาดลงบนโต๊ะ “ไม่ใช่ แม้การที่พี่มีความคิดแบบนี้จะเป็นเรื่องธรรมดาของคนปกติ และน้องสี่ก็ดีจริงๆ ทว่านี่มันไม่มีคำสั่งของท่านพ่อกับท่านแม่ แถมยังไม่มีพ่อสื่อแม่ชักอีก พี่ทำแบบนี้มันถือเป็นการไม่รับผิดชอบต่อน้องสี่ของข้า!”
“ที่แท้น้องเจียงเอ้อร์ก็กังวลเรื่องพวกนี้ เช่นนั้นเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะกลับไปคุยกับครอบครัว แล้วเชิญพวกท่านไปสู่ขอตามพิธี”
“ช้าก่อน” เจียงจั้นตะโกนลั่นพลางนวดขมับไปมา “ข้าไม่ได้ต้องการให้คนตระกูลท่านมาสู่ขอ…”
“ถ้างั้นน้องเจียงเอ้อร์หมายความว่าอย่างไร”
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้การที่ท่านเข้ามาใกล้ชิดกับน้องสี่ของข้ามันไม่ถูก!”
อวี้จิ่นถอนหายใจแรง “น้องเจียงเอ้อร์ทั้งไม่ยอมให้ข้าส่งคนไปสู่ขอ และก็ไม่พอใจที่ข้ามีความรู้สึกดีๆ ต่อน้องสาว เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
เจียงจั้นอ้าปากพะงาบๆ
ทำไมเหมือนเขากลายเป็นคนไร้เหตุผลเลยนะ
“น้องเจียงเอ้อร์ลองคิดดู อย่างไรน้องสาวของเจ้าก็ต้องแต่งงานออกเรือนอยู่แล้ว หรือเจ้าวางใจให้นางไปแต่งงานกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่รู้ลักษณะนิสัย ไม่รู้ถึงความสามารถ อาศัยเพียงแค่คำสั่งของท่านพ่อกับท่านแม่เท่านั้น?”
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้”
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้ข้ามีความรู้สึกดีๆ ต่อน้องสาวของเจ้า ถ้านางสนใจข้าเหมือนกัน ข้าก็จะไปสู่ขอนางทันที แต่ถ้านางไม่ได้สนใจข้า…” เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา อวี้จิ่นก็รู้สึกเหมือนมีมีดมาปักอก สีหน้าเรียบเฉยดูเหม่อลอย “กระนั้นข้าก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรไปรบกวนอีก ข้ารู้สึกมาโดยตลอดว่าการที่ไม่คำนึงถึงความคิดภายในใจของสตรี การตกลงเรื่องแต่งงานหลังจากที่มีการเจรจาระหว่างพ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่ายนั้นมันไม่ยุติธรรมกับฝ่ายหญิง ยังไงถ้าฝ่ายชายไม่ได้แต่งงานกับหญิงที่ถูกใจก็สามารถมีภรรยาเพิ่มได้จนถึงขั้นไปเสพสุขที่ซ่องนางโลม ทว่าหากฝ่ายหญิงได้สามีที่ไม่ตรงใจ ชีวิตของนางก็จะพังทลายไปชั่วชีวิต”
เจียงจั้นลูบคางไปมา
ที่พูดมาก็มีเหตุผล
“อีกอย่าง น้องเจียงเอ้อร์กับข้าก็รู้จักกันดี หากข้าไม่ดีตรงไหน เจ้าก็ดูออกอยู่แล้ว มีเจ้าอยู่ทั้งคน น้องสาวเจ้าไม่มีทางเสียเปรียบหรอก”
“ก็จริง” พอได้ยินอวี้จิ่นพูดแบบนี้ จู่ๆ เจียงจั้นก็รู้สึกว่าที่จริงคนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมาะจะเป็นตัวเลือกที่ดี
ความคิดในหัวแล่นขึ้นภายในชั่วพริบตา เขาเริ่มคิดถึงเรื่องข้อดีข้อเสียของอวี้จิ่นในการเป็นสามีของน้องสาวตัวเอง
ว่ากันด้วยเรื่องวิทยายุทธ พี่อวี๋ชีก็ไม่เป็นรองผู้ใด ปกป้องน้องน้องสี่ได้อย่างแน่นอน ทว่าข้อเสียคือเขามีวิทยายุทธแกร่งกล้าเกินไป เขาสู้ไม่ไหว ถ้าหากในอนาคตน้องสี่โดนรังแกก็ต้องไปขอคนอื่นมาช่วย
ว่ากันด้วยเรื่องรูปร่างหน้าตา พี่อวี๋ชีกับน้องสี่ก็พอๆ กัน ในอนาคตถ้าเกิดว่ามีลูกจะต้องเยี่ยมมากแน่นอน…ถุย นี่เขาคิดไปถึงไหนแล้ว!
อืม ข้อเสียชัดเจนมาก พี่อวี๋ชีหน้าตาดีขนาดนี้จึงดึงดูดคนได้ง่าย
ส่วนเรื่องนิสัย พี่อวี๋ชีเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นคนที่ยื่นมือออกมาให้ความช่วยเหลือได้ คงไม่มีนิสัยเลวร้ายหรอก
ข้อเสียนั้น…ครั้งนี้เจียงจั้นคิดดูอย่างละเอียด
เก็บความรู้สึกเก่งแบบนี้ ไม่นึกเลยว่าจะแอบคิดอะไรกับน้องสี่ โชคดีที่เขาสายตาเฉียบแหลมก็เลยค้นพบ
แล้วถ้าว่ากันตามชาติตระกูล…
จู่ๆ เจียงจั้นก็มองไปที่อวี้จิ่น
พวกเขารู้จักกันมานานขนาดนี้ เขายังไม่เคยถามเลยว่าตระกูลของพี่อวี๋ชีทำอะไร!
คุณชายเจียงเอ้อร์มีมิตรภาพอยู่ทั่วแดนไกล เขาดูแค่เพียงนิสัยใจคอ ไม่เคยสนใจภูมิหลังของอีกฝ่าย ทว่าหากมองในมุมของพี่เมีย จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ชาติตระกูลก็สำคัญมากนี่นา
“ไม่ทราบว่าครอบครัวของพี่อวี๋ชีเป็นอย่างไร”
มุมปากของอวี้จิ่นยกขึ้นเล็กน้อย
เข้าสู่บทบาทพี่เมียได้เร็วดีจริงๆ