ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 117 เมืองเยี่ยนจื่อ
เมืองเยี่ยนจื่ออยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเป่าเฉวียน เจียงซื่อและพรรคพวกใช้เวลาเพียงชั่วยามเดียวก็มาถึงที่นี่แล้ว
ผู้คนในเมืองสัญจรไปมาขวักไขว่ คึกคักมาก
อวี้จิ่นมองสำรวจผู้คนที่สัญจรไปมา พลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ดูท่าคนที่คิดถึงเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงนั้นมีมากอยู่เหมือนกันนะ”
เจียงจั้นที่เห็นเมืองเล็กๆ ที่คึกคักและมีชีวิตชีวากว่าที่คิดก็ตื่นเต้นมาก “ข้าจะไปสอบถามว่าที่นี่มีสินค้าพิเศษอะไรบ้าง”
การที่ได้ค้นหาอาหารอร่อยประจำท้องถิ่นและของเล่นกระจุกกระจิกให้กับเจียงซื่อนับว่าเป็นความอภิรมย์ของเจียงจั้น
อวี้จิ่นฉวยโอกาสตอนที่เจียงจั้นจากไป เดินเข้าไปใกล้เจียงซื่อหนึ่งก้าว
อาหมานที่สายตาคมเห็นเข้า จึงหยิกเอวพร้อมกับถลึงตา หวังว่าคนบ้าตัณหาที่จ้องคุณหนูของตัวเองตาเป็นมันจะรับรู้ว่าลำบากแล้วถอยออกไป
ทว่าอวี้จิ่นเมินเฉยต่อการมีอยู่ของอาหมานโดยสิ้นเชิง เขาลดเสียงลงแล้วถามว่า “บุตรสาวของนายท่านฉือที่หายตัวไป ก็คือผู้เคราะห์ร้ายอีกคนหนึ่งงั้นหรือ”
เจียงซื่อรู้ว่าไม่อาจปิดบังเขาได้ จึงพยักหน้า
“ยังจะแกล้งปลอมเป็นผี?”
เจียงซื่อพยักหน้าอีกครั้ง
หากคิดให้นายท่านฉือแจ้งทางการ นางก็ไม่สามารถใช้ฐานะทั่วไปมาเปิดเผยเรื่องนี้ให้ชัดเจนได้
คนแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกว่าลูกสาวของเจ้าถูกขุนนางในเมืองหลวงฆ่าตาย เจ้ารีบแจ้งทางการเพื่อแก้แค้นแทนลูกสาวของเจ้าเถอะ
หะ? หลักฐาน? ไม่มีหลักฐาน ข้าจะรู้ได้อย่างไร? เอ่อ จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้
นอกเสียจากว่าสมองของอีกฝ่ายจะเลอะเลือน ถึงจะยอมทำตาม
แน่นอนว่าบุตรสาวของนายท่านฉือหายตัวไปจริงๆ เรื่องนี้อาจจะเชื่อมั่นได้ แต่หากเขาต้องเผชิญหน้ากับขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง อาศัยเพียงคําพูดข้างเดียวของคนอื่นที่เป็นคนธรรมดาก็ยากที่จะมีความกล้าหาญเช่นนี้
วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการใช้หิ่งห้อยมายามาปรากฏในแบบที่แม่นางฉือเข้าฝัน
จากคําพูดของแม่นางหลี่ ทำให้รู้ว่าแม่นางฉือเป็นคนมีชีวิตชีวาและตรงไปตรงมา หญิงสาวเช่นนี้ย่อมต้องโตมาด้วยการถูกตามใจแน่ นางน่าจะมีบิดาที่รักและเอ็นดูนางอย่างที่สุด
“กลางดึก?”
เจียงซื่อชําเลืองมองอวี้จิ่นแวบหนึ่ง
ไม่เช่นนั้นจะลงมือตอนไหน หากลงมือตอนกลางวันแสกๆ มิเท่ากับการไปหาเรื่องยุ่งยากหรอกหรือ
“พาข้าไปด้วย” ใครบางคนพูดอย่างตรงไปตรงมา
เจียงซื่อหน้าขรึมทันควัน
อวี้จิ่นระบายยิ้มเต็มใบหน้า “พาข้าไปด้วย ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดพล่ามทำเพลง ถ้าเจ้าอยากฆ่าคน ข้าจะส่งมีดให้เจ้า ถ้าเจ้าอยากแกล้งปลอมเป็นผี ข้าก็สามารถใช้พัดพัดลมเย็นได้ มีประโยชน์มากกว่าสาวรับใช้ของเจ้าอย่างแน่นอน”
ใบหน้างดงามของสาวรับใช้บิดเบี้ยวและรู้สึกถึงอันตรายลึกๆ
การเป็นสาวรับใช้ที่เจ้านายโปรดปรานนั้นง่ายหรือ คิดจะแย่งตำแหน่งข้าไปเสียได้!
“แล้วถ้าไม่พาไปด้วยล่ะ?”
อวี้จิ่นกวักมือเรียกเจียงจั้นที่กําลังซื้อขนมแป้งเย็นอยู่ไม่ไกล แล้วยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ข้าจะบอกพี่รองของเจ้า”
เจียงซื่อ “…” นางอยากจะฆ่าคนหน้าไม่อายนี้ให้ตายนัก!
“ว่าอย่างไร จะพาข้าไปหรือให้บอกพี่รองของเจ้า”
“คุณชายอวี๋…” เจียงซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
“อืม เจ้าว่ามาสิ”
“ท่านทำเช่นนี้ ข้ายิ่งจะเกลียดท่านมากขึ้น”
อวี้จิ่นสงบ “ยอมให้เจ้าเกลียดข้า ดีกว่าให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว”
“ไม่มีความมั่นใจถึงจะเรียกว่าเสี่ยงอันตราย…”
อวี้จิ่นพูดตัดบทเจียงซื่อทันที “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นอกจากนี้ต่อให้เจ้าจะคิดว่าไม่มีอันตราย แต่ถ้าข้ารู้สึกว่ามีอันตรายก็ไม่ได้”
เจียงซื่ออ้าปากพะงาบๆ โกรธจนพูดไม่ออก แล้วจึงเบือนหน้าหนีไม่สนใจเสียเลย
“น้องเจียงเอ้อร์กลับมาแล้ว” อวี้จิ่นเตือนพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ถ้าท่านอยากตามไปด้วยก็ไปเอะ…”
อวี้จิ่นอดหัวเราะไม่ได้
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่ ถึงได้ดูน่าสนุกขนาดนี้”
“ข้าเล่าเรื่องตลกให้แม่นางเจียงฟังน่ะ”
เจียงจั้นที่ถือขนมแป้งเย็นทำหน้าบึ้ง
นี่ ฉวยโอกาสตอนที่เขาซื้อขนมแป้งเย็นให้น้องสี่มาแอบมากล่อมให้น้องสี่ดีใจ เกิดขึ้นบ่อยจนยากที่จะป้องกันแล้วนะ!
“ข้ายังมีเรื่องตลกที่น่าสนใจอีกเรื่อง น้องเจียงเอ้อร์ก็ฟังด้วยสิ…” อวี้จิ่นที่พยายามคิดมุกตลกลอบถอนหายใจเงียบๆ
ทั้งเอาใจอาซื่อ แถมยังต้องเอาใจว่าที่พี่เมียอีก ชีวิตเขาง่ายเสียที่ไหน
เมืองเยี่ยนจื่อเป็นเมืองที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นัก เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวก จึงมักมีนักท่องเที่ยวจากเหนือจรดใต้มาพักที่นี่เป็นประจำ ทั้งโรงน้ำชา โรงเตี๊ยมหรือร้านค้าที่ขายสินค้าต่างๆ ล้วนมีหมด ด้านข้างของเมืองยังมีบ่อบัวขนาดใหญ่ ตอนนี้เป็นช่วงที่ดอกบัวกำลังเบ่งบานพอดี
เจียงจั้นสืบถามจนรู้ว่ามีสถานที่ดีๆ แห่งนี้อยู่ จึงอยากชวนเจียงซื่อกับอวี้จิ่นไปด้วย
เจียงซื่อที่รับปากอวี้จิ่นว่าจะให้ลงมือด้วยกันอย่างจนปัญญา ซึ่งได้ปรึกษาหารือกันแล้ว โดยให้อวี้จิ่นออกหน้าไปสืบเรื่องราวภายบ้านของนายท่านฉือก่อน ดังนั้นอวี้จิ่นจึงหาข้ออ้างปฏิเสธข้อเสนอของเจียงจั้น
เจียงจั้นดีใจมากที่อวี้จิ่นอยู่ห่างจากน้องสาวตัวเองไปหน่อย เขาพาเจียงซื่อไปชมดอกบัวอย่างตื่นเต้น และเดินทางกลับอย่างสนุกสนาน เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
โต๊ะสี่เหลี่ยมริมหน้าต่างเต็มไปด้วยอาหาร อวี้จิ่นเรียกทั้งสองคนมา กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คาดว่าพวกเจ้าน่าจะกลับมาแล้ว อาหารเพิ่งมาถึง ยังร้อนๆ อยู่เลย”
เจียงจั้นมองจานเนื้อบนโต๊ะ ดวงตาเป็นประกาย “พี่อวี๋ชีรู้ใจข้าดีที่สุด”
อวี้จิ่นยิ้มพลางส่งตะเกียบให้ทั้งสองคน “วันนี้เหนื่อยกันแล้ว กินเสร็จก็พักผ่อนกันเร็วเถิด มีอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
เขาพูดจบก็คีบไก่ต้มสับชิ้นวางในจานตรงหน้าเจียงซื่อ “แม่นางเจียงลองชิมดูสิ”
เจียงซื่อเงยหน้ามองก็เห็นอีกฝ่ายกะพริบตาปริบๆ
เจียงซื่อคีบไก่ต้มสับชิ้นขึ้นมาเคี้ยวช้าๆ รู้สึกสงสัยตงิดๆ หรือว่าการที่เอาให้นางกินไก่นั้นมีนัยยะอื่นแอบแฝงอยู่
หลังจากกินข้าวเสร็จต่างคนต่างกลับห้อง อาหมานกำลังจะเตรียมเครื่องอาบน้ำ แต่เจียงซื่อก็ห้ามไว้เสียก่อน “อย่าเพิ่งรีบ”
นางคิดไปคิดมา ที่อวี้จิ่นคีบไก่ต้มสับชิ้นให้นางหนึ่งตะเกียบย่อมมีความหมายบางอย่าง น่าจะบอกเป็นนัยถึงช่วงเวลาที่เขาจะมาหานาง
เมื่อถึงยามโหย่ว เขาก็น่าจะถึงแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นเบาๆ
อาหมานอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเจียงซื่อ
“ไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา”
เอี๊ยด อาหมานรีบเดินไปเปิดประตู
อวี้จิ่นเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว
“ท่าน…”
อาหมานกําลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เสียงของเจียงซื่อก็ดังขึ้นมา “อาหมานปิดประตูให้สนิท”
อาหมานจำต้องปิดประตูให้สนิท สายตาจ้องเขม็งทุกการเคลื่อนไหวของอวี้จิ่น
อวี้จิ่นก้าวเท้าเดินไปนั่งข้างๆ เจียงซื่อ เล่าถึงสถานการณ์ที่ไปสืบมาได้ “ข้ารู้แล้วว่าบ้านของนายท่านฉืออยู่ที่ไหน ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งจะเล่าให้เจ้าฟัง บางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อความเคลื่อนไหวของพวกเรา”
“เรื่องอะไรหรือ” สำหรับพฤติกรรมที่คุ้นเคยของใครบางคนนั้น เจียงซื่อไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว
“ในทุกปีของช่วงนี้นายท่านฉือจะออกไปทำการค้าขาย อย่างเร็วที่สุดก็จะกลับมาถึงในปลายฤดูร้อน ที่ครานี้กลับมาเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เพราะคนในบ้านพบว่าจดหมายคุณหนูที่คุณหนูส่งให้เขาหายไป แต่เป็นเพราะเขาฝันร้ายติดๆ กันหลายคืน ฝันว่าลูกสาวร้องไห้ร้องขอความช่วยเหลือ นายท่านฉือรู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายก็รีบจบการค้าขายแต่เนิ่นๆ แล้วรีบกลับมา คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะหายตัวไปจริงๆ เรื่องนี้นับว่าแปลกประหลาด และเรื่องนี้ก็กระจายออกไปจากปากของบ่าวรับใช้ตระกูลฉือ”
เจียงซื่อฟังเงียบๆ จู่ๆ ก็นึกถึงบิดาขึ้นมา
ก่อนออกเดินทาง บิดาดึงหูพี่ชายรองพร้อมทั้งกําชับอะไรมากมาย ลูกซิ่งตากแห้งที่ซื้อใจเณรน้อยในวัดหลิงอู้ล้วนเป็นของที่ท่านพ่อเตรียมไว้ให้นาง
“บางทีพ่อลูกอาจจะมีหัวใจเชื่อมกันกระมัง” เจียงซื่อใจเต้นแรง
อวี้จิ่นยิ้มน้อยๆ “ในเมื่อนายท่านฉือสามารถเร่งเดินทางกลับมาพบลูกสาวเพราะฝันร้ายได้ เรื่องของเจ้าก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น แล้ววางแผนว่าจะลงมือเมื่อไหร่ล่ะ”
“ยามจื่อเถอะ”
“ได้ หากถึงเวลาแล้วข้าจะมาหาเจ้า”
เมื่อเห็นอวี้จิ่นกําลังจะไป เจียงซื่อถามเพื่อพิสูจน์การคาดเดาในใจว่า “ตอนกินข้าวที่ท่านคีบไก่มาหนึ่งชิ้น หมายความว่าพบกันยามโหย่วใช่ไหม”
อวี้จิ่นอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่รู้สึกว่าไก่ต้มสับชิ้นอร่อยมาก”
เจียงซื่อ “…..”