ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 119 กลับเมืองหลวง
นายท่านฉือสั่นสะท้านไปทั้งตัว จ้องเขม็งไปยังเงาร่างที่จู่ๆ ก็โผล่มา
ประตูถูกลมพัดจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ในเวลานี้เขาไม่รู้สึกแสบแก้วหูอีกต่อไป จิตใจทั้งหมดถูกดึงดูดโดยหญิงสาวที่อยู่ข้างโต๊ะ
“เจียวเจียว เจ้าเองหรือ” นายท่านฉือรีบก้าวเข้าไปด้านใน แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวจู่ๆ ก็เวียนหัว อ่อนแรงจนล้มไปข้างหน้า
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะลุกขึ้นยืนและค่อยๆ หันกลับ
“เจียวเจียว ยัยหนู นี่เจ้าหายไปไหนมา รู้หรือเปล่าว่าพ่อเป็นห่วงแทบแย่!” หลังจากตื่นเต้นดีใจในครั้งแรก สีหน้าของนายท่านฉือก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว
หญิงสาวกะพริบตาเบาๆ และน้ำตาก็ไหลออกมา
“เจียวเจียว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” นายท่านฉือร้อนใจมาก
ในสายตาของเขา ลูกสาวมีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชาย น้อยนักที่จะร้องไห้
“ท่านพ่อ ลูกตายแล้วเจ้าค่ะ…”
“นายท่านฉือตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โมโหขึ้นมา “เหลวไหล! ยัยเด็กซน คิดว่าแค่พูดแบบนี้ก็จะไม่โดนตีแล้วหรือ”
เขาพูดพลางมองไปรอบๆ หยิบไม้ขนไก่ขึ้นมาแล้วเดินไปทางหญิงสาว แต่เดินไปได้แค่สองก้าวก็ต้องตกตะลึง
น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของหญิงสาว ไหลอาบไปตามแก้มที่สวยงามของนาง
เสียงหนึ่งดังขึ้น สักพักไม้ขนไก่ในมือของนายท่านฉือตกลงสู่พื้น
“ท่านพ่อ ท่านฟังข้านะ…” ดวงตาของหญิงสาวมีน้ำตาไหลพราก ค่อยๆ เล่าถึงเรื่องที่ตนเองได้เผชิญมา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลมกระโชกแรงพัดเข้ามา พัดเสื้อผ้าบางๆ ของนายท่านฉือขยับไปมา
สายลมอบอุ่น ทว่าแผ่นหลังของนายท่านฉือมีเหงื่อเย็นๆ พอถูกลมพัดก็เย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ
เขากลับมามีสติและพบว่าหญิงสาวหายไปนานแล้ว
“เจียวเจียว…” นายท่านฉือรีบเดินไปที่โต๊ะ แต่ที่นั่นไม่มีอะไรมีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ เท่านั้นที่ยังคงอยู่
นั่นคือกลิ่นน้ำหอมที่ลูกสาวใช้ประจำ
นายท่านฉือคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหมุนตัวเดินไปทางประตู กลับพบว่าประตูห้องปิดอยู่
“เจียวเจียว เจียวเจียว!” นายท่านฉือตะโกนด้วยใจระทึก
ไม่นานบ่าวรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาถึง “นายท่าน มีอะไรหรือขอรับ”
“เห็นคุณหนูหรือยัง” นายท่านฉือคว้าแขนเสื้อของบ่าวรับใช้แล้วถามเสียงดัง
บ่าวรับใช้ทำหน้างงๆ “นายท่าน ท่านว่าอะไรนะขอรับ คุณหนูไม่อยู่บ้านไม่ใช่หรือขอรับ”
นายท่านฉือคลายมือออก เดินโซซัดโซเซถอยหลัง สุดท้ายก็ล้มลงไปนั่งกับพื้น พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่ เป็นไปไม่ได้ เจียวเจียวจะไม่เป็นอะไร”
เขายากที่จะยอมรับความจริงที่ว่าลูกสาวของเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่เมื่อคิดถึงฝันร้ายติดๆ ที่อยู่ข้างนอก เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ นายท่านฉือก็วิ่งไปที่โต๊ะอีกครั้งเพื่อเสาะหาอย่างละเอียด
คราวนี้เขาพบเส้นผมสีดำยาวจากข้างแท่นฝนหมึก
เขากําผมยาวเส้นนั้นเอาไว้ แล้วนายท่านฉือก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
คนทั้งสองที่ประสบความสำเร็จได้ถอยกลับเดินไปตามถนนที่ปราศจากแสงสว่าง อวี้จิ่นยิ้มพลางถามว่า “เป็นอย่างไร ข้ามีประโยชน์มากกว่าสาวรับใช้เจ้ากระมัง”
เจียงซื่อเบ้ปาก
เมื่อเทียบกับสาวรับใช้แล้ว เขาก็โดดเด่นจริงๆ นั่นแหละ
“ยอมรับแล้วหรือ” เห็นเจียงซื่อไม่พูดไม่จา อวี้จิ่นจงใจหยอกล้อนาง
ธุระก็ทำเสร็จแล้ว พวกเขากำลังจะกลับเมืองหลวงในไม่ช้า เมื่อคิดว่าเหลือเวลาติดต่อกันอีกไม่นานแล้ว เขาย่อมที่จะถนอมช่วงเวลานี้ไว้อย่างดีที่สุด
“อย่าคะนองให้มันมากนัก อาหมานปูเตียงพับผ้าห่มได้ ยกน้ำชารินน้ำ หวีผมเขียนคิ้วได้…นางยังทำอะไรได้อีกเยอะ” อาศัยแสงดาวสลัว เจียงซื่อเห็นดวงตาของอีกฝ่ายโค้งเป็นเส้นโค้งงดงาม ภายในมีแสงระยิบระยับ
ชายหนุ่มยิ้มตาหยี “ข้าก็ทำเป็นเช่นกัน ข้ายังทำอะไรได้อีกเยอะ ทั้งยังเป็นสิ่งสาวรับใช้ของเจ้าไม่มีทางทำได้แน่นอน”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ใบหน้าของเจียงซื่อก็ร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก โพล่งออกมาว่า “ไร้ยางอาย!”
เขาเคยพูดทำนองนี้ แต่เป็นบนเตียงที่อยู่ในห้อง…
อวี้จิ่นทำหน้าใสซื่อ “ทำไมถึงไร้ยางอายล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็นับว่าเป็นทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าสาวรับใช้คนหนึ่งกระมัง”
ทันใดนั้นก็พบว่าแก้มของหญิงสาวแดงปลั่งราวกับแสงตะวัน อวี้จิ่นกะพริบตาปริบๆ “เฮ้อ เจ้าคิดไปถึง
ไหนต่อไหนแล้ว”
เจียงซื่ออาย ถลึงตาใส่อวี้จิ่นแล้วกระแทกเท้าเดินจากไป
อวี้จิ่นรีบตามไป ยื่นมือไปจับมือหญิงสาว แต่บรรยากาศตอนนี้เป็นไปอย่างพอดี เขากลัวว่าจะความบุ่มบ่ามทำลายทุกอย่าง จำใจต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ อาศัยความมืดยามราตรีแอบยิ้มกริ่ม
ดูเหมือนว่าอาซื่อจะไม่เย็นชากับเขาอีกแล้ว
แต่ว่าอาซื่อคิดจะไปที่ไหนกันแน่
วันถัดมา ทั้งหมดก็อยู่เมืองเยี่ยนจื่ออีกครึ่งวัน
เจียงซื่อได้ยินว่านายท่านฉือพาบ่าวรับใช้สองสามคนออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ถือว่าสบายใจได้ครึ่งหนึ่ง แล้วจึงชวนเจียงจั้นกลับบ้าน
เจียงจั้นที่เดินทางออกจากสายตาของเจียงอันเฉิงเปรียบได้กับนกที่หลุดออกจากกรง เขาเล่นเตร็ดเตร่อย่างสนุกสนาน พอเห็นเจียงซื่ออยากกลับบ้านก็ตอบตกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เดิมทีที่เดินทางครั้งนี้ก็เพราะได้รับอานิสงส์จากน้องสี่ แน่นอนว่าต้องทำตามใจน้องสี่
ตอนขามาก็เดินทางบ้างหยุดบ้าง ตอนขากลับกลับเดินทางได้เร็ว เดินทางเพียงไม่กี่วันทุกคนก็กลับมาถึงเมืองหลวง
เจียงจั้นที่ยืนอยู่บนถนนที่คึกคักถอนหายใจ “แม้จะดีใจที่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอก แต่พอรู้ว่าต้องกลับบ้านก็ดีใจมากกว่า”
เจียงซื่อที่พิงหน้าต่างรถ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่ชายรองต้องคิดถึงท่านพ่อแน่ๆ”
เจียงจั้นหน้าย่น “เหลวไหล”
ยามที่ท่านพ่อเห็นเขามักมีสองทางเลือกให้เลือก ไม่เป็นไม้ไผ่ ก็เป็นแส้หนังชุบน้ำเกลือ เขาไม่คิดถึงหรอก
“น้องเจียงเอ้อร์ ข้าขอตัวก่อน ว่างแล้วไปดื่มสุรากับข้านะ” อวี้จิ่นประสานมือแล้วยิ้มน้อยๆ ให้เจียงซื่อ จากนั้นก็ควบม้าจากไป
เจียงจั้นแอบเบ้ปาก
หมายความว่าอย่างไร ยิ้มให้น้องสี่ด้วยรอยยิ้มงดงาม เห็นเจตนาชัดว่าอยากสร้างความประทับใจให้น้องสี่ด้วยความหล่อของตัวเอง
ยังดีที่น้องสี่ไม่ใช่คนที่คิดอะไรตื้นเขินเช่นนี้!
เจียงจั้นมองเจียงซื่ออย่างเป็นห่วง ทว่ากลับเห็นสายตาของน้องสาวที่ไม่คิดอะไรตื้นเขินกําลังมองตามชายหนุ่มรูปงามที่จากไป
เจียงจั้นกระแอมไอเสียงดัง “น้องสี่ มองอะไรอยู่หรือ”
เจียงซื่อถอนสายตากลับมาอย่างใจเย็น “รู้สึกว่าคุณชายอวี๋ดูลึกลับมาก พี่ชายรองอย่าให้เขาหลอกนะเจ้าคะ”
ได้ยินเจียงซื่อพูดเช่นนี้ เจียงจั้นก็วางใจลงทันที อดแก้ต่างแทนอวี้จิ่นไม่ได้ “น้องสี่วางใจเถอะ พี่อวี๋ชีเป็นคนดีแน่นอน”
เจียงซื่อยิ้มแล้วปล่อยผ้าม่านลง
พยายามเก็บเงินให้เยอะเถอะ วันไหนที่อวี้ชีขายพี่ชายรองยังต้องใช้เงินไถ่คนกลับมาอีก
เมื่อกลับมาถึงจวนตงผิงปั๋ว เจียงซื่อและพี่ชายก็ไปคารวะที่เรือนฉือซินก่อน อาหมานที่ได้รับคำสั่งจากเจียงซื่อก็แอบบอกให้เหล่าฉินไปตามอาเฟยมา
ครั้งนี้ที่อาเฟยออกไปไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเจียงจั้นอย่างเปิดเผย ก็เพราะว่าหลังจากได้ข่าวคุณหนูฉือที่วัดหลิงอู้แล้ว เจียงซื่อจึงส่งเขากลับเมืองหลวงก่อน
ใกล้จะถึงวันที่สิบเก้าเดือนห้าแล้ว เจียงซื่อต้องการให้อาเฟยและเหล่าฉินคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของเต้าหู้ไซซี คนหนึ่งจับตามองที่จุดพักรถม้า แน่นอนว่าต้องเตรียมการล่วงหน้า
ระหว่างทางไปเรือนฉือซินก็บังเอิญพบกับคุณหนูห้าเจียงลี่และคุณหนูหกเจียงเพ่ย
“พี่ชายรอง พี่สี่” เจียงลี่ยอบตัวลงทักทาย
จากนั้นเจียงเพ่ยก็ทักทาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สี่กลับมาแล้ว ข้าคิดว่าถ้าท่านกลับมาแล้วจะพาพี่สามไปเล่นด้วยอีก ไม่คิดว่าท่านจะออกไปคนเดียว”
“จะบอกว่าน้องสี่ไปคนเดียวได้อย่างไร พี่ชายรองของพวกเจ้าไม่ใช่คนหรือ” เจียงจั้นไม่ชอบน้องสาวที่พูดจาแปลกๆ เช่นนี้ เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
แม้ในใจของเจียงเพ่ยจะไม่ชอบเจียงจั้น แต่ก็ไม่กล้าเถียง นางกลอกตาแล้วกล่าวว่า “ตอนที่พวกเรากลับมาพี่รองกับโหวฮูหยินให้รางวัลมากมาย น่าเสียดายที่พี่สี่พลาดไป พี่สี่ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ประเดี๋ยวท่านไปดูที่เรือนของข้า ถ้าชอบก็เอาไปใช้เถอะ”
เจียงซื่อยิ้ม “ไม่จําเป็นหรอก น้องหกมีความสุขก็พอแล้ว”