ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 127 ได้พบแสงสว่างอีกครั้ง
ฉังซิงโหวรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า กว่าจะได้สติกลับคืนมาก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก้าวเท้ากว้างไปข้างหน้า “ใต้เท้าเจิน นี่ นี่มันอะไรกัน”
เจินซื่อเฉิงใช้ผ้าเช็ดหน้าทำความสะอาดมือ พลางเอ่ยด้วยหน้าเข้ม “ท่านโหวรอพวกข้าจัดการเสร็จแล้วค่อยคุยกันอีกทีเถิด”
“เอ่อ คือว่า…” ฉังซิงโหวเหงื่อไหลพรากราวกับฝนตก ภายในใจมีความคิดเกิดขึ้นมากมาย
เขาไม่ใช่คนโง่ เพราะท่าทีของบุตรชายที่แสดงออกมาเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะแสดงออกมากเกินไป คล้ายว่ารู้อยู่แล้วว่าจะขุดเจอศพ…
ลูกชายของเขาเป็นฆาตกรงั้นหรือ
ฉังซิงโหวฮูหยินเดินมาตามเสียง พอเห็นศพคนตายพลันหมดสติทันที
สาวรับใช้ที่ตามมาด้วยตกใจมาก สวนดอกไม้ในเวลานี้วุ่นวายไปหมด
เจียงเชี่ยนหลบอยู่ท่ามกลางตรงนั้นด้วยสีหน้าซีดเผือดเหมือนผี
นางรู้แต่แรกแล้วว่าคนวิปริตนั่นฆ่าคนมาแล้วมากมาย อย่างไรเสียก็ต้องถูกเปิดเผยในสักวัน!
นางเหลือบมองฉังซิงโหวซื่อจื่อ แต่สิ่งที่เห็นคือสีหน้านิ่งเรียบกำลังมองมาที่นาง พร้อมกับแววตาอันเยือกเย็นที่แฝงไว้ด้วยสัญญาณเตือน
เจียงเชี่ยนหลบสายตาอย่างรวดเร็ว
ฉังซิงโหวซื่อจื่อขยับมุมปาก
หญิงโง่คนนี้ช่วยเหลือเขาปกปิดไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นกับตนคิดหรือว่าจะหนีพ้น
ข้างๆ พุ่มดอกไม้ เจียงเชี่ยวแตะเจียงซื่อเบาๆ “น้องสี่…”
“ว่าอย่างไร” เจียงซื่อมองเจียงเชี่ยว
เจียงเชี่ยวริมฝีปากซีดขาว “ศพนั่น…”
นางรู้สึกไม่ควรถาม จึงส่ายหัว “ช่างเถิด ไว้ออกจากตรงนี้แล้วค่อยคุยกัน”
เวลานี้ ถึงแม้หญิงชนชั้นสูงหลายคนต่างคิดเหมือนกัน แต่นอกเหนือจากความกลัวแล้ว ก็ไม่มีใครเสนอว่าจะเดินทางกลับ
เรื่องน่าสะพรึงปรากฏต่อหน้าทุกคนท่ามกลางแสงแดดอันแรงกล้า ความน่ากลัวจึงต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่าสงสัยแทน
มีศพถูกขุดขึ้นมาเพิ่มอีกหนึ่งศพ
เจินซื่อเฉิงนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วออกคำสั่งกับผู้ติดตาม “ไปเรียกเจ้าหน้าที่ทางการมา!”
แม้ออกคำสั่งให้ไปเรียกเจ้าหน้าที่ที่ศาลาว่าการ แต่ความเป็นจริงเจินซื่อเฉิงได้จัดสายลับไว้ด้านนอกจวนฉังซิงโหวแล้วตั้งแต่แรก หากมีการพบศพในจวนโหวจริง เพียงแค่สายลับนั่นเห็นผู้ติดตามเดินออกจากจวน เขาต้องกลับไปเรียกคนมาเพิ่มทันที เพื่อป้องกันไม่ให้จวนฉังซิงโหวที่กลายเป็นสุนัขจนตรอกทำเสียเรื่องได้
โชคดีที่มาทันงานเลี้ยงชมดอกไม้ที่จวนฉังซิงโหวจัดขึ้น นอกเสียจากว่าจวนโหวฆ่าปิดปากหญิงชนชั้นสูงเหล่านี้ทั้งหมด ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีใครกล้าขัดขวางเขาแน่
“ใต้เท้าเจิน…” เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฉังซิงโหวไม่รู้จะกล่าวอย่างไรอีก
เขาอยากขัดขวางแต่ไม่มีเหตุผลมากพอ แต่ถ้าไม่ขัดขวางแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ ชื่อเสียงของจวนโหวก็จะจบสิ้นทั้งหมด
“ท่านโหว ตอนนี้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น แถมยังมีศพถึงสองศพ ท่านให้ความร่วมมือกับทางการในการดำเนินคดีเถอะ” เจินซื่อเฉิงกล่าวอย่างนิ่งเรียบพร้อมกับประสานมือ
ผู้ติดตามสองคนถือเสียมรอคำสั่งต่อไปของเจินซื่อเฉิง
และในเวลานี้ สุนัขตัวใหญ่พลันกระโจนเข้ามาและเริ่มตะกุยดินตรงหลุมลึกอีกครั้ง
เจินซื่อเฉิงพลันใจเต้นพร้อมออกคำสั่งทันที “ขุดต่อไป!”
“ขอรับ!” ผู้ติดตามสองคนยกเสียมขึ้นและเริ่มขุด เวลาผ่านไปไม่นานต่างก็เหงื่อโชกไปทั้งตัว
“ท่านโหว ให้บ่าวรับใช้หยิบจอบมาหน่อยเถิด จอบใช้ดีกว่าเสียมน่ะ”
สีหน้าฉังซิงโหวเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า
คนขุดหลุมทำการเปลี่ยนหัวขุดเสร็จ ความเร็วการขุดก็เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เวลาผ่านไปไม่นาน ก็ขุดศพขึ้นมาได้อีกหนึ่งศพ
แม้เป็นศพไปแล้ว เห็นกระดูกขาวโพลน แต่บนกระดูกยังมีเนื้อติดอยู่ด้วย
จากนั้น ก็ขุดเจออีกหนึ่งศพ
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ผู้คนนิ่งจนแทบลืมหายใจ ต่างมองดูศพที่ถูกขุดขึ้นมาศพแล้วศพแล้ว รู้สึกเพียงเนื้อตัวเย็นวาบ
เจ้าหน้าที่ศาลาว่าการมารับช่วงต่อจากผู้ติดตามสองคน
แปลงดอกโบตั๋นถูกขุดจนเละเทะไปหมด และส่งกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปทั่วทั้งสวน
สร้างความน่าตกใจให้กับเหล่าหญิงตระกูลชั้นสูงที่รอดูความสนุกจนหน้าซีดเผือด บางคนตกใจหมดสติจนสาวรับใช้ข้างกายต้องพากลับจวน บางคนที่ใจกล้ายังคงรอดูอย่างใจจดใจจ่อด้วยสีหน้าซีดขาว
มีศพมากมายเพียงนี้ ใครเป็นคนลงมือกันนะ!
ฉังซิงโหวซื่อจื่อสินะ?
โลกนี้คงไม่ขาดหญิงฉลาด สาวน้อยที่แสดงสีหน้านิ่งเรียบเมื่อครู่นี้ กำลังมองไปที่ฉังซิงโหวซื่อจื่อ
แม้ยังไม่มีหลักฐาน แต่นางรู้สึกว่าคนๆ นี้คือฆาตกร
แล้วก็ถึงเที่ยงวันอย่างรวดเร็ว คนขุดหลุมผลัดเปลี่ยนกันแล้วหลายรอบ แต่จอบที่ง้างขึ้นกลับไม่เคยได้หยุด
ในที่สุดดินที่ถูกขุดจนเละก็ขุดไม่เจอสิ่งใดอีกและเจ้าหน้าที่หลายคนก็ได้ยืนตัวตรงเสียที
ศพที่หนึ่ง ศพที่สอง ศพที่สาม…
มีทั้งหมดสิบศพนอนอยู่ที่พื้น ศพหลังๆ ที่ถูกขุดขึ้นมาเป็นศพที่เน่าจนเห็นถึงกระดูก มีเพียงกะโหลกที่ทำให้รู้ว่านี่เคยเป็นสิ่งมีชีวิตมาก่อน บางทีอาจเคยเป็นหญิงสาวรูปงามก็เป็นได้
เจินซื่อเฉิงนิ่งเงียบ
เขารู้ว่าจิตใจของคนนั้นโหดร้าย แต่ความจริงก็มักจะทำลายจินตนาการของคนด้วยเช่นกัน
สิบศพ ผู้ถูกกระทำสิบคน
หากวิญญาณบุตรสาวของซิ่วเหนียงจื่อกับฉือหยวนวั่ยไม่มาเข้าฝัน หากเขาไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ทำ คนเหล่านี้ก็จะไม่มีวันได้พบแสงสว่างตลอดไป แล้วยังต้องกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงดอกโบตั๋น
สวนดอกไม้ทั้งสวนมีแต่เสียงทำงานหนักของนักชันสูตรศพ ส่วนคนที่เหลือ อยู่ในความสงบทั้งหมด
ฉังซิงโหวเงียบต่อไปไม่ไหว พลันทำลายความเงียบลง
“ใต้เท้าเจิน ข้าไม่รู้เรื่อง ท่านต้องเชื่อข้านะ…”
เจินซื่อเฉิงยิ้ม “ข้าเชื่อว่าท่านโหวไม่รู้เรื่อง อย่างไรเสียก็ต้องดูหลักฐานกันก่อน”
“ต้องเป็นบ่าวรับใช้ใจกล้า ที่ทำเรื่องชั่วๆ เช่นนี้แน่ๆ!” ฉังซิงโหวกล่าวออกไปอย่างรีบร้อน
“ท่านโหว ข้าเคยพูดแล้วว่า ฆาตกรเป็นใครนั้นต้องดูหลักฐานก่อน”
“หลักฐาน?” ฉังซิงโหวหรี่ตาลง “คนกลายเป็นแบบนี้แล้วจะหาหลักฐานจากไหนได้อีกเล่า หากไม่พบหลักฐาน ใต้เท้าเจินคงไม่สงสัยเจ้าของจวนโหวหรอกใช่หรือไม่”
เจินซื่อเฉิงหัวเราะเบาๆ “ท่านโหวอย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้าไขคดีมาหลายปี ไม่เคยตัดสินผิดเลยสักครั้ง ข้าเชื่อมาตลอดว่าแค่ได้ลงมือ ก็ย่อมมีร่องรอยเหลืออยู่เป็นแน่ แม้ว่าฆาตกรจะรอบคอบเพียงไหน ผู้ถูกกระทำก็จะเป็นคนบอกข้อมูลแก่พวกเราเอง”
“ว่าอย่างไรนะ? คนตายพูดได้?” คำอธิบายที่แปลกใหม่ของเจินซื่อเฉิงสร้างเสียงวิพากษ์ขึ้นมากมาย จนผู้คนลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ
“คนตายพูดได้อยู่แล้ว แต่มีเพียงคนที่ต้องการทำความเข้าใจกับพวกเขาจริงๆ ถึงจะเข้าใจได้!” เจินซื่อเฉิงย่ำเท้าเข้าใกล้ศพแต่ละศพ และพูดกับนักชันสูตรศพ “ตรวจสอบศพใหม่ๆ ศพนี้ก่อน!”
นักชันสูตรศพหยุดการตรวจสอบสาเหตุการตายของทุกศพ และวิ่งมาตรวจสอบศพที่ถูกขุดขึ้นศพแรกแทน
กลิ่นเหม็นจากศพนี้ เป็นกลิ่นที่รับไม่ได้ที่สุด
แต่ไม่มีผลกระทบใดๆ กับนักชันสูตรศพ พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ของตัวอย่างเต็มที่ และเริ่มตรวจสอบจากส่วนศีรษะถึงส่วนล่าง
เจียงซื่อมองดูนิ่งๆ อยู่ไม่ไกล พลางกุมมือแน่นอย่างเงียบๆ
กระดุมหยกเขียวมรกตในมือของศพหญิงสาวจะถูกตรวจพบใช่หรือไม่
ในที่สุด นักชันสูตรศพก็ตรวจสอบถึงบริเวณมือของศพหญิงที่กำไว้แน่น เขารีบคลายมือนั้นออกอย่างระมัดระวังตามประสบการณ์ แล้วเขาก็ตาสว่าง
“ใต้เท้า ตรวจพบอะไรบางอย่างขอรับ!” นักชันสูตรศพตะโกนเรียกอย่างตื่นเต้น
“ตรวจพบสิ่งใด”
นักชันสูตรศพแบมือนั้นออก ก็พบว่ามีกระดุมหนึ่งเม็ดอยู่ในนั้น
นั่นเป็นกระดุมหยกลายค้างคาว ภายใต้แสงแดดที่เจิดจ้า มันส่องแสงเจิดจรัสดูเป็นของราคาแพง
กระดุมแบบนี้ บ่าวรับใช้ในจวนไม่มีทางมีแน่นอน
เจินซื่อเฉิงจ้องกระดุมเม็ดนั้นไม่ละสายตา พลันเผยอปาก
เขาเห็นกระดุมแบบนี้เมื่อสักครู่นี่!
เจินซื่อเฉิงมองไปที่ฉังซิงโหวซื่อจื่ออย่างช้าๆ
ฉังซิงโหวซื่อจื่อกุมเสื้อแน่นทันที