ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 151 พบกันโดยบังเอิญ
เจียงซื่อไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่ออวี้จิ่นเลยสักครั้ง
แต่เพราะชัดเจนในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เลยยิ่งทำให้นางกลัวว่าตัวเองจะเข้าไปพัวพันกับเขา
ในชาตินี้นางไม่ขอเป็นตัวแทนของสตรีหน้าไหน และไม่อยากกลายเป็นผีอายุขัยสั้นโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอีกแล้ว และเพื่อความปลอดภัยของบิดา พี่ชายและพี่สาวคนโต นางจึงต้องมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป
นางชอบอวี้จิ่นจริง ทว่าไม่คิดจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาอีก
นี่คือสิ่งที่เจียงซื่อคิดมาตลอด แต่นางเองไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับพี่ชายอย่างไร
นางไม่อาจบอกว่าตนเองและอวี้ชีเคยแต่งงานกันมาก่อน เขาดีทุกเรื่อง ติดอย่างเดียวคือ ในใจของเขามีคนอื่น
“กลับจวนไปกับข้า” เจียงจั้นคว้าข้อมือเจียงซื่อหวังจะดึงให้นางเดินตามไป
“พี่รอง?”
“กลับจวนไปแล้วข้าจะบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ ท่านพ่อจะได้ไปสืบเรื่องพี่อวี๋ชี หากว่า…” เจียงจั้นไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด แต่ครั้นคิดถึงความรู้สึกของน้องสาวก็กลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป “หากว่าท่านพ่อเห็นด้วย ก็ให้ผู้ใหญ่ฝ่ายพี่อวี๋ชีรีบมาสู่ขอ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจียงจั้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก “จะมาคิดว่าเจ้ายังเด็กไร้เดียงสาไม่ได้แล้ว มิฉะนั้นคงได้ถูกคนพวกนี้เอาเปรียบเข้าสักวัน!”
สาเหตุที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนน้องสี่ เขาถึงได้ดูแคลนพี่อวี๋ชีแบบนั้น
เจียงซื่อน้ำท่วมปาก “พี่รอง พี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากออกเรือนเร็วปานนั้นเจ้าคะ”
เจียงจั้นขมวดคิ้วมุ่น พลางเผยสีหน้าไม่ไว้วางใจ “ก็หมั้นหมายเอาไว้ก่อน แต่เจ้าก็ยังไม่ต้องรีบแต่งออกไปให้ตัวเองลำบากเร็วขนาดนั้น”
“พี่รอง ความหมายของข้าคือ ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณชายอวี๋”
“เจ้าไม่ชอบเขาหรือ” เจียงจั้นชะงักไป
หรือว่าเขาคิดมากไปเอง
เป็นไปไม่ได้ เขาเคยผ่านหอโคมเขียวมาแล้ว ย่อมมีประสบการณ์มาก่อน!
เจียงซื่อไม่ทราบว่าพี่ชายของนางไปร่ำเรียนประสบการณ์เหล่านี้มาจากที่ไหน นางยืนกรานอย่างแน่วแน่ว่า “หากข้าต้องแต่งงานกับบุรุษสักคน ข้าก็จะไม่แต่งกับเขาแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ได้แกล้งทำ เจียงจั้นจึงเริ่มลังเล “จริงรึ”
“จริงสิเจ้าคะ” เจียงซื่อพยักหน้ารับ
เจียงจั้นเริ่มทำตัวไม่ถูก
ที่แท้ก็เป็นเพราะเขาคิดมากไปเอง เขาว่าแล้วเชียว น้องสี่กับพี่อวี๋ชีเพิ่งเคยพบกันเพียงไม่กี่หน นางจะถูกล่อให้หลงกลได้อย่างไร
แม้ว่าพี่อวี๋ชีจะหน้าตาหล่อเหลา แต่หน้าตาของเขาก็มิได้น้อยหน้า น้องสี่เห็นหน้าหล่อๆ ของพี่ชายทุกวัน จะไปใจเต้นกับชายอื่นเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างไรกัน
ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ น้องสาวเขาต้องไม่ใช่สตรีที่สนใจแต่เรื่องผิวเผินพรรค์นั้น
แต่พอนึกถึงท่าทีแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งของน้องสาว เจียงจั้นจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “น้องสี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าจากนี้ไปจะไม่ไปที่บ้านของพี่อวี๋ชีอีก”
แม้ว่าเจียงจั้นจะรู้แจ้งแก่ใจ แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้
ลึกๆ แล้วเจียงจั้นรู้ว่าอวี้จิ่นเป็นพวกไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หากน้องสี่ชอบอวี้จิ่นก็ว่าไปอย่าง แต่หากไม่แล้ว การอยู่ห่างคนเช่นนั้นไว้จะเป็นการดีที่สุด
“อื้อ” เจียงซื่อพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
สองวันที่ผ่านมาเป็นเพราะนางทำตัวไม่ถูกไม่ควร การไปดูแลเอ้อร์หนิวก็เรื่องหนึ่ง แท้จริงแล้วเป็นเพราะนางหักห้ามหัวใจตนเองไม่ได้ต่างหาก
เพราะจู่ๆ เล่นหายหน้าไปเช่นนี้ นางจึงอดเป็นห่วงไม่ได้…
แต่เมื่อตกดึกไร้ผู้คน นางถึงได้ว่าตัวเองว่าไม่ได้ความที่มัวแต่เป็นห่วงคนพรรค์นั้น
“แล้วก็ห้ามไปพบหน้าพี่อวี๋ชีอีก” ยิ่งเจียงจั้นนึกถึงก๋วยเตี๋ยวเหลียงผีที่อยู่กับอวี้จิ่นก็ยิ่งโมโห
ในเมื่อน้องสี่ไม่ได้ชอบพี่อวี๋ชี ก็ต้องคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา ต่อให้เป็นสหายที่ประเสริฐเพียงใดก็ต้องไม่เอาน้องสาวเข้ามาเอี่ยวด้วยเด็ดขาด
เจียงซื่อลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ”
เชื่อฟังพี่รองน่ะดีแล้ว เพราะแค่เห็นหน้าคนๆ นั้นใจของนางก็พลอยสั่นไปทั้งดวง แตกต่างจากตอนที่เพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่แรกๆ ในตอนนั้นนางคิดเพียงว่าจะแก้ไขปัญหาตรงหน้าอย่างไร แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าความทุกข์ทรมานที่พัวพันยุ่งเหยิงเมื่อชาติที่แล้วกำลังจะถูกลืม
“พี่รอง พวกเรากลับจวนกันเถิดเจ้าค่ะ”
เดินไปได้ครึ่งทาง ท่าทีของเจียงจั้นก็เริ่มอึกอักขึ้นมา
“พี่รองยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเจ้าคะ”
เจียงจั้นหัวเราะแห้ง “น้องสี่พอจะมีเงินไหม”
เจียงซื่อยิ้มพราว บอกใบ้ให้อาหมานส่งเหอเปาให้เจียงจั้น “พอไหมเจ้าคะ”
เจียงจั้นเปิดดู ใบหูขึ้นสีแดงจางๆ “ดูเหมือนจะไม่พอ”
เจียงซื่อพิจารณาท่าทีของเจียงจั้นระคนขมวดคิ้วเอ่ยว่า “พี่รอง คงไม่ได้จะเอาเงินไปถลุงที่หอนางโลมปี้ชุนหรอกใช่ไหมเจ้าคะ”
ปกตินางให้อาหมานพกเงินไว้ในเหอเปาสิบกว่าตำลึงก็เพียงพอสำหรับการไปดื่มกินที่โรงเตี้ยมดีๆ สักมื้อแล้ว
เจียงจั้นหน้าแดงขึ้นมาทันที และรีบบอกปัด “น้องสี่พูดอะไรน่ะ ข้ามิใช่คนเช่นนั้นเสียหน่อย!”
ถ้าเขาจะไปเริงร่าที่หอโคมเขียว เขาจะมีหน้ามาขอเงินน้องสาวหรือ คนที่ทำเช่นนั้นได้เป็นคนแบบไหนกัน
“งั้นพี่รองต้องการเงินเท่าไหร่เจ้าคะ” เดิมทีเจียงซื่อไม่อยากเซ้าซี้ว่าเจียงจั้นจะนำเงินไปทำอะไร แต่ครั้นนึกถึงเรื่องที่พี่ชายไปมั่วสุมกับพวกลูกผู้ดีมีเงินเมื่อชาติที่แล้วจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย นางก็อดหวั่นใจไม่ได้
ไม่ได้ นางต้องถามให้แน่ใจ หากพี่รองจะเอาเงินไปใช้กับคนพวกนั้น นางห้ามตอบตกลงเด็ดขาด
เมื่อได้ยินเจียงซื่อถามถึงเหตุผล เจียงจั้นจึงต้องยอมรับสารภาพ “ข้าอยากไปซื้อโสมภูเขาจากเหอชี่ถังมาให้พี่อวี๋ชีสักหน่อย เพราะเขาบาดเจ็บนี่หน่า”
“บาดเจ็บ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ช้ำในหนักเอาการ”
เจียงซื่อ “…” ว่าแล้วเชียวสาเหตุที่พี่รองไม่ได้ทะเลาะกับอวี้ชีแล้วตามมาคิดบัญชีกับนางแทนเป็นเพราะไอคนชั่วนั่นปั้นเรื่องโกหกนี่เอง!
ฉวยโอกาสจากนางยังไม่พอ ยังให้นางต้องมารับผิดชอบอีก เหตุใดถึงได้หน้าหนาเพียงนี้
ในสมองของเจียงซื่อมีภาพของชายผู้นั้นแวบเข้ามา เป็นภาพเขาที่แสนอ่อนโยนเมื่อชาติก่อน ตัดสลับกับภาพของเขาที่แสนเจ้าเล่ห์เพทุบายในชาตินี้ แล้วภาพทั้งสองก็ซ้อนทับเป็นหนึ่งเดียว ทำให้นางเริ่มสับสนเรื่องราวระหว่างทั้งสองชาติ ความเจ็บปวดแผ่วเบาในใจเริ่มซึมซาบขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย
การจะลืมคนที่อยู่ในหัวใจก็ไม่ต่างอะไรกับการเอามีดตัดเนื้อส่วนที่คนๆ นั้นซ่อนตัวอยู่ เพราะสุดท้ายแล้วก็หลีกหนีความเจ็บปวดไม่พ้น
“เป็นอะไรไปหรือ น้องสี่”
เจียงซื่อฝืนยิ้ม “เปล่าเจ้าค่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเหอชี่ถังก็ไม่ได้ไกลจากตรงนี้ ข้าจะไปกับพี่รองด้วยก็แล้วกัน จะว่าไปแล้ว ที่อาหมานยังมีตั๋วเงินอีกถุงหนึ่งเจ้าค่ะ”
อาหมานเหลือบมองเจียงซื่อด้วยความประหลาดใจ
คุณหนูไม่ได้บอกว่ารอคุณชายอวี๋กลับมาก็จะนำถุงเงินไปคืนหรอกรึ เหตุใดถึงยังให้นางพกถุงเงินติดตัวไปเสียทุกที่ ไม่รู้ว่าวันนี้ระหว่างคุณหนูกับคุณชายอวี๋เกิดอะไรขึ้นถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ครั้นมาตอนนี้คุณหนูจะเอาเงินนี่ไปซื้อโสมภูเขาอีกงั้นหรือ
ดูเหมือนเจียงซื่อจะไม่รู้สึกผิดบาปในใจเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อคนชั่วนั่นกล้าหลอกพี่รอง งั้นก็ใช้เงินของเขาซื้อโสมภูเขานั่นแหละถูกแล้ว
“พี่รองดูว่าพอหรือไม่เจ้าคะ”
เจียงจั้นเปิดดูด้านใน แล้วดวงตาก็พลันลุกวาว
บ้าไปแล้ว พ่อก็พ่อเดียวกัน เหตุใดน้องสี่ถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้ ว่าแต่ตอนนี้เขายังเป็นหนี้อยู่อีกเท่าไหร่นะ
สองพี่น้องพากันเดินไปที่เหอชี่ถัง หลังจากเลือกโสมภูเขาชั้นดีเรียบร้อยแล้ว เจียงจั้นก็ส่งถุงเงินคืนให้เจียงซื่อ “น้องสี่ ถ้าพี่เก็บเงินได้ครบเมื่อไหร่จะรีบเอามาใช้คืนให้”
เจียงซื่อไม่ได้รับถุงเงินนั้นมา “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ไหนๆ แล้วก็ฝากพี่รองเอานี่ให้คุณชายอวี๋ด้วยแล้วกัน”
เจียงจั้นฉงน
“พี่อวี๋ชีเป็นผู้มีพระคุณของพี่รอง บาดเจ็บช้ำในสาหัสถึงเพียงนั้น เมื่อข้าทราบแล้วก็มิอาจนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงอยากมอบค่าหยูกยาเป็นการตอบแทน เพราะทั้งสะดวกและก็ไม่ต้องมานั่งคิดให้ยุ่งยาก”
เจียงจั้นพยักหน้า
น้องสี่พูดมีเหตุผล สตรีนี่ช่างถี่ถ้วนเสียจริง
สองพี่น้องเดินกลับไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ “อาซื่อ ช่างบังเอิญเหลือเกิน!”
เจียงซื่อหันไปมองต้นเสียง แล้วพบวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งยืนห่างออกไปไม่ไกล
เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับนาง ใบหน้าทรงผลผิงกั่วส่งยิ้มหวานละไมจึงเห็นลักยิ้มปรากฏชัดบนแก้มทั้งสองข้าง เด็กสาวผู้นั้นคือเซี่ยชิงเหยา บุตรีคนโตแห่งตระกูลหย่งชังปั๋วซึ่งอยู่เรือนติดกัน และเด็กหนุ่มซึ่งยืนหน้าเคร่งขรึมข้างๆ คือเซี่ยอินโหลว ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของเซี่ยชิงเหยา