ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 162 ฆาตกรอีกคน
หญิงสาวนิ่งงันไปคล้ายนึกไม่ถึงว่าไฉ่จูจะพูดเช่นนี้ออกมา ครู่ต่อมาจึงได้มีปฏิกิริยา ฟาดไปยังไฉ่จูด้วยความรวดเร็ว “เจ้าพูดอะไรน่ะ อกตัญญูเลี้ยงไม่เชื่อง!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เจินซื่อเฉิงขมวดคิ้วตะคอกขึ้น ทันใดนั้นก็มีเจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการไปขวางหญิงสาวเอาไว้
หญิงสาวยังคงแยกเขี้ยวกางเล็บ “ให้เจ้ากิน ให้เจ้าดื่ม นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะพูดเช่นนี้ออกมาได้ เจ้ามีจิตใจคุณธรรมอยู่บ้างหรือไม่!”
ไฉ่จูที่นั่งอยู่กับพื้นร้องไห้เอ่ยว่า “คนที่ให้ข้ากินข้าดื่มคือพี่สาวข้า ไม่ใช่เจ้า!”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก! เจ้ามันนางแพศยาไร้จิตคุณธรรม ลืมมารดาเจ้าไปแล้วหรือไร”
ไฉ่จูนิ่งงัน ปิดหน้าเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “อย่างไรเสียท่านแม่ก็ใกล้จะแย่เต็มที ยัง…ยังมีอะไรให้ข้าต้องกลัวอีก…”
นางร้องไปพลางโขกหัวให้เจินซื่อเฉิง “ใต้เท้า บ่าวเคยได้ยินเรื่องท่านมาก่อน ท่านนำฉังซิงโหวซื่อจื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ช่างเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ยุติธรรมยิ่ง ได้โปรดทวงความเป็นธรรมให้พี่สาวข้าด้วย อย่าให้พี่สาวข้าตายไปแล้วยังต้องโดนป้ายความผิดอย่างอยุติธรรมเลยเจ้าค่ะ…”
หญิงสาวเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ “นังแพศยา เจ้ารอข้าก่อนเถิด พอกลับไปแล้วต้องมีสักวันที่ได้จัดการเจ้าแน่!”
“ปิดปากนางไว้” เจินซื่อเฉิงสั่งเสียงเรียบ
พร้อมกับผ้ายัดเข้าไปในปากของหญิงสาวนั้น สถานการณ์พลันเงียบงันลง ได้ยินเพียงเสียงร้องห่มร้องไห้เบาๆ ของเด็กสาวเท่านั้น
เจินซื่อเฉิงทอดถอนใจ พยุงไฉ่จูขึ้นมาด้วยตัวเอง “ข้าจะไม่ปล่อยคนชั่วนี้ไว้แน่ และจะไม่ให้คนดีโดนใส่ร้าย แม่นางน้อย เจ้าอย่าร้องเลย เล่าเรื่องพี่สาวของเจ้าดีกว่า”
“เจ้าค่ะ” ไฉ่จูเช็ดน้ำตา มองหญิงสาวแวบหนึ่งอย่างตัดไมตรี
หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก ดวงตาทั้งสองข้างถลึงโตเต็มไปด้วยแววข่มขู่อย่างชัดเจน
ไฉ่จูไม่กล้ามองนางอีก สูดหายใจลึกเอ่ยว่า “อันที่จริงทุกคนในจวนต่างทราบดี ครอบครัวพวกเรามีเพียงพี่สาวที่รับภาระอยู่คนเดียว เงินกินดื่มใช้สอยรวมถึงเงินหาหมอของท่านแม่ล้วนเป็นพี่สาวที่มอบให้ เดิมทีคิดว่าร่างกายแม่ดีขึ้นมาหน่อยตัวข้าก็จะกลับมาทำงานที่จวน ใครจะคิดว่าร่างกายของแม่แย่ลงทุกวัน ห้าวันก่อนก็สลบไปอย่างไม่คาดคิด หมอที่เชิญมาบอกว่าต้องใช้เงินจำนวนมากมารักษา หลังจากที่พี่สาวทราบเรื่อง เพียงไม่นานก็นำเงินก้อนนั้นไป…”
“เงินก้อนนั้นจำนวนเท่าใดหรือ” เจินซื่อเฉิงเอ่ยถาม
โดยปกติแล้วสาเหตุของคดีฆาตกรรมมีอยู่สามอย่างคือความแค้น เงินทอง หรือไม่ก็อารมณ์ความรู้สึก ประเภทที่ไล่หาคนมาฆ่าตามอำเภอใจนั้นมีน้อยมาก ไม่ได้อยู่ในหลักทำนองคลองธรรม
“ห้าสิบตำลึงเจ้าค่ะ”
“เงินเดือนของชิวลู่มีเท่าใดหรือ”
ผู้ดูแลรีบเอ่ยว่า “ชิวลู่เป็นสาวใช้ใหญ่ที่รับใช้ฮูหยิน ได้เงินเดือนอันดับสองในบรรดาคนรับใช้ คือสองตำลึงครึ่งขอรับ”
“สองตำลึงครึ่งก็ไม่น้อยแล้ว” เจินซื่อเฉิงเอ่ยเสียงเรียบ
ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา เงินไม่กี่ตำลึงก็เพียงพอที่จะใช้จ่ายไปกว่าครึ่งปีแล้ว
“แต่เนื่องจากชิวลู่ต้องเลี้ยงคนทั้งครอบครัว ยามปกติคงจะไม่ได้เก็บหอมรอมริบไว้ แล้วเงินห้าสิบตำลึงนี้มาจากที่ใดกัน”
ไฉ่จูหน้าขึ้นสีแดงก่ำ เอ่ยด้วยปากสั่นๆ ว่า “ตอนนั้นพี่สาวไม่ได้บอกเจ้าค่ะ แค่ให้พวกเราเอาเงินไปรักษาท่านแม่เท่านั้น แต่ว่า…”
พูดถึงตรงนี้ ไฉ่จูก็มองหญิงสาวอย่างโกรธแค้น ร้องไห้เอ่ยว่า “แต่ว่าเมื่อวานจู่ๆ ท่านแม่ก็กระอักเลือด ข้ารีบไปตามพี่สาวให้กลับมา พี่สาวไล่ต้อนถามจึงได้รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้นไปซื้อยาให้ท่านแม่ ยาที่ข้าป้อนแม่เป็นสิ่งที่พวกเขาเอาอย่างอื่นมาเพิ่มให้ครบ”
“อื้อ อื้อ…” หญิงสาวฟังถึงตรงนี้ก็ดิ้นรนสุดชีวิต
“เอาผ้าในปากนางออก” เจินซื่อเฉิงเอ่ยสั่ง
พอปากของหญิงสาวเป็นอิสระก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาทันที “ใส่ร้ายกันชัดๆ ใต้เท้า เงินก้อนนั้นข้าไม่ได้ใช้สอยส่วนตัวเลยแม้แต่น้อยนะเจ้าคะ ล้วนโดนไอ้คนสมควรตายนั่นเอาไปใช้หนี้พนันจนหมด…”
เจินซื่อเฉิงอดทนฟังหญิงสาวก่นด่าบุรุษอยู่นานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา[1] พี่ชายของชิวลู่เป็นคนอย่างไรก็พอจะรู้ได้บ้างแล้ว
บ่อโคลนตมที่ติดพนันดั่งชีวิต
“แล้วพอพี่สาวเจ้ารู้เรื่องนี้เข้ามีปฏิกิริยาอย่างไรหรือ”
“พี่สาวกอดแม่ร้องไห้เสียอกเสียใจ สุดท้าย…สุดท้ายแม่บอกว่านางรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เป็นนางที่ยอมให้พี่ชายเอาเงินก้อนนี้ไป ตอนนั้นพี่สาวได้ฟังก็เสียใจหนักกว่าเดิม ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป…” พูดถึงตรงนี้ ไฉ่จูก็สะอึกสะอื้นพูดอะไรต่อไม่ได้อีก
“แต่นั้นมาเจ้าก็ไม่ได้พบพี่สาวอีกเลยรึ”
ไฉ่จูพลันเงยหน้าขึ้น มองตรงไปยังเจินซื่อเฉิง “ไม่เจ้าค่ะ ข้าวิ่งตามไป…”
เจินซื่อเฉิงใจกระตุก
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เด็กสาวตรงหน้าอาจจะรู้อะไรบางอย่าง
เขากลับไม่ได้เร่งเร้า สายตาอบอุ่นมองไฉ่จู
ไฉ่จูกัดริมฝีปาก “ข้าไม่เคยเห็นพี่สาวเสียใจเพียงนั้นมาก่อน แต่ไหนแต่ไรมาพี่สาวล้วนเป็นเสาหลักของบ้าน ตอนนั้นให้ข้าลาหยุดยาวกลับไปดูแลแม่ก็เป็นการตัดสินใจของพี่สาว ข้าจำได้อยู่ตลอดว่าพี่สาวบอกกับข้าว่าตราบใดที่มีนางอยู่ ปัญหาหนักหนาสาหัสของบ้านต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อวานพี่สาวร้องไห้อย่างสิ้นหวังมาก บางทีอาจเพราะตอนนั้นนางเสียใจเกินไป พอข้าไล่ต้อนถามสุดท้ายจึงบอกสาเหตุออกมา”
ไฉ่จูพูดพลางมองไปยังหย่งชังปั๋วอย่างอดไม่ได้
หย่งชังปั๋วถอนใจเอ่ยว่า “เจ้าว่ามาเถิด แต่ไหนแต่ไรมาข้ากับฮูหยินล้วนเป็นคนที่แบ่งแยกถูกผิดได้อยู่แล้ว”
“พี่สาวบอกว่าเงินห้าสิบตำลึงนั่นเป็นนางขโมยมาจากหีบแต่งหน้าของฮูหยิน เดิมทีแค่อยากเอามาแก้วิกฤตเร่งด่วนก่อนค่อยทยอยคืนให้ ใครจะไปรู้จู่ๆ ฮูหยินก็อยากจะหาปิ่นหยกดอกกล้วยไม้ไหวที่หลายปีก่อนเคยปัก สุดท้ายจึงรู้เรื่องที่นางขโมยเอาเงินไป ฮูหยินถามถึงสาเหตุที่พี่สาวขโมยเงินไปอย่างชัดเจนกลับไม่ได้ซักถามถึงเงินก้อนนั้น แต่บอกพี่สาวว่าไม่อาจปล่อยนางให้อยู่ข้างกายได้อีกแล้ว ฮูหยินมีเมตตา บอกว่าอย่างไรเสียพี่สาวก็อยู่กับนางมาหลายปี จู่ๆ ให้ไล่ออกไปจะใช้ชีวิตยากลำบาก จึงให้พี่สาวอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง หาคนที่เหมาะสมกับนางให้แต่งออกไป”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงบอกว่าพี่สะใภ้บีบบังคับพี่สาวเจ้าให้ตายด้วยเล่า”
ไฉ่จูยิ้มเศร้า “พี่สาวภาคภูมิใจกับการรับใช้ฮูหยินมาโดยตลอด แต่เพื่อแม่จึงแอบเอาเงินของฮูหยินไป หากแม่ใช้เงินก้อนนั้นรักษาร่างกายให้หายดีก็แล้วไปเถิด สุดท้ายเงินก้อนนั้นกลับโดนพี่ชายเอาไปใช้หนี้พนัน ปิดหูปิดตาข้ากับพี่สาวไว้ แม่ยังออกหน้าแทนพี่ชาย…ตอนนั้นพี่สาวบอกว่า หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้นางก็คงไม่ทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนั้นหรอก ทั้งเสียงานไป ทั้งไม่ได้รักษาแม่ ที่สำคัญคือทรยศต่อความรักความเมตตาของฮูหยิน ไม่สู้ตายไปอย่างบริสุทธิ์ดีกว่า ข้านึกว่าพี่สาวพูดเพราะความโกรธ ใครจะคิดว่านางจะทำเรื่องโง่ๆ ขึ้นมาจริงๆ…”
เจินซื่อเฉิงมองไปยังหย่งชังปั๋ว “ปกติแล้วปั๋วฮูหยินมีสาวใช้เฝ้ายามตอนกลางคืนหรือไม่”
หย่งชังปั๋วพยักหน้า
“หากเป็นเช่นนั้น มีแค่เมื่อวานที่ปั๋วฮูหยินไล่ชิวลู่ออกไป” เจินซื่อเฉิงลูบเครา ถอนใจเอ่ยว่า “เงินที่ชิวลู่แอบขโมยไปโดนพี่ชายเอาไปใช้หนี้ มารดาป่วยหนักกระอักเลือดแต่มีใจเอนเอียงรักแต่ลูกชาย ต่อมาปั๋วฮูหยินก็ไม่อยากเข้าใกล้นางอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่นนั้นแล้ว นางคิดไม่ตกจึงปลิดชีพตัวเองก็สมเหตุสมผลแล้ว”
ทุกคนเงียบงันลง มีเพียงความคิดเดียวผุดขึ้นมาในใจนั่นคือ ไฉ่จูพูดถูก ชิวลู่โดนพี่สะใภ้บีบบังคับให้ตายจริง บอกอย่างถูกต้องแม่นยำว่าคนที่บีบบังคับให้ชิวลู่ตายยังมีมารดาของนางอีกคน…
“ในเมื่อชิวลู่ละอายจึงปลิดชีพตน แล้วคนที่ทำร้ายแม่ข้าตายเป็นใครกันล่ะ” เซี่ยชิงเหยาพึมพำ
เจินซื่อเฉิงกลับไม่ถอดใจ
คดีมากมายก็เป็นเช่นนี้ เผยเบาะแสออกมาให้ตรวจพบสุดท้ายกลับไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่ทำไปจะเปล่าประโยชน์ วิเคราะห์ไปทีละขั้นทีละตอนอย่างละเอียดรอบคอบ ความจริงก็จะปรากฏขึ้นมาเอง
“ใต้เท้าเจิน ในเมื่อตกค่ำเมื่อวานนี้ในตู้เสื้อผ้ายังไม่มีตัวคนอยู่ หมายความว่าฆาตกรอยู่ในหมู่คนภายในจวนปั๋วเหล่านี้อย่างนั้นหรือ” เจียงซื่อเอ่ยถาม
—————————————–
[1] หนึ่งถ้วยชา หน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 15 นาที