ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 163 สาวใช้อุ่นเตียงคนเก่าของหย่งชังปั๋ว
“นี่มีความเป็นไปได้มากที่สุด” เจินซื่อเฉิงไม่ได้เอ่ยปลายปิด จุดสำคัญของการสอบสวนคือคนเหล่านี้
ตระกูลใหญ่ล้วนมีกฎมีธรรมเนียม คนรับใช้เรือนหน้าไม่มีธุระเป็นกรณีพิเศษก็ไม่อาจมาเรือนท้ายได้ แต่เรือนที่นายหญิงอาศัยอยู่มีคนเข้าออกตลอด หากอยากจะหลบซ่อนตัวในนั้นหลังตะวันตกดิน คนๆ นี้จะต้องปรากฏตัวที่เรือนหลัก ถูกคนพบเห็นและจะต้องเป็นคนที่ไม่มีใครคิดแปลกใจด้วย
เช่นนี้แล้ว ขอบเขตจะได้เล็กลงมาหน่อย คนในเรือนหลักยิ่งน่าสงสัย
“เหตุใดฮูหยินจึงไม่ให้ผู้ดูแลจวนปั๋วนำบัญชีรายชื่อเรือนท้ายมาตรวจสอบกับคนดูเล่า ตรวจดูเสียหน่อยว่ายามนี้มีใครที่ไม่ได้อยู่ในจวน รวบรวมคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้มาในลานบ้าน ให้ใต้เท้าได้สอบถามได้ตอลดเวลา”
เจินซื่อเฉิงแย้มยิ้มบาง “ข้าก็คิดเช่นนี้พอดี”
คนเรือนท้ายทั้งหมดในจวนหย่งชังปั๋วมีไม่น้อย หากจะตรวจสอบต้องใช้เวลาไม่น้อย เรื่องนี้ให้เหล่าผู้ดูแลจวนปั๋วมาทำ เจินซื่อเฉิงเอาบัญชีรายชื่อฉบับคัดลอกมาดูทั้งหมด
ในบัญชีรายชื่อเขียนรายนามของคนในเรือนท้ายแต่ละเรือนเอาไว้ชัดเจน คนพวกนี้ทำหน้าที่อะไร ได้เงินเดือนไปเท่าใด บางคนมีบันทึกไว้แม้กระทั่งจุดเด่น อย่างเช่นสาวใช้คนหนึ่งชื่อหงซิ่ว[1]ก็ให้นางไปรับใช้หวีผมโดยเฉพาะ
เห็นได้ว่านายหญิงบ้านนี้เป็นคนจัดการเรื่องราวภายในบ้านได้ดีมากเพียงใดจากบัญชีรายชื่อชุดนี้
เจินซื่อเฉิงดูบัญชีไปสองรอบ สายตาตกอยู่บนชื่อสองชื่อแถวบนสุด
นั่นคือสาวใช้อุ่นเตียงสองนางของหย่งชังปั๋ว
สมาชิกในจวนหย่งชังปั๋วเรียบง่าย นอกจากหย่งชังปั๋วกับภรรยาและบุตรธิดาอย่างละคนแล้ว สาวใช้อุ่นเตียงสองนางนี้สามารถเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเจ้านายอีกคน
เขากวาดตามองพี่น้องเซี่ยอินโหลวแล้วชี้ไปยังหน้าประตู “ท่านปั๋ว พวกเราเข้าไปพูดคุยอะไรกันเสียหน่อย”
หย่งชังปั๋วเดินตามเจินซื่อเฉิงเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ เห็นการตกแต่งอันคุ้นตาในใจก็อึดอัดขึ้น เขาทอดถอนใจว่า “ใต้เท้าเจินถามมาเลยเถิด”
“ไม่ทราบว่าอนุสองนางของท่านปั๋วมีบุตรธิดาหรือไม่”
ในบัญชีรายชื่อไม่ได้เขียนชื่อผู้เป็นนายของจวนเอาไว้ เจินซื่อเฉิงจึงตัดสินใจถามให้ชัดเจน
หย่งชังปั๋วยิ้มขื่น “ไม่มีขอรับ”
เจินซื่อเฉิงเอ่ยถามต่อว่า “บอกเหตุผลหน่อยได้หรือไม่”
“เหตุผลหรือ” หย่งชังปั๋วโดนถามก็นิ่งอึ้งไป
“อนุทั้งสองอยู่กับท่านปั๋วมาหลายปีแล้วกระมัง ไม่มีบุตรธิดาเลยดูเหมือนจะแปลกไปหน่อย”
“ข้าเข้าใจความหมายของใต้เท้าเจิน” หย่งชังปั๋วขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณ แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยวและกระอักกระอ่วนใจ
ที่โกรธไม่ได้มีสาเหตุมาจากเจินซื่อเฉิง แต่เพราะคำถามของอีกฝ่ายทำให้เขาเกิดความสงสัยต่ออนุทั้งสองจึงได้มีโทสะ
“พวกนางสองคน คนหนึ่งรับมาตอนได้บุตรชาย อีกคนรับมาตอนได้บุตรสาว ข้าไม่อยากมีลูกสายรองมาทำให้จวนปั๋วเกิดความวุ่นวาย จึงได้ให้พวกนางดื่มน้ำแกงคุมกำเนิดเอาไว้ตลอด”
เจินซื่อเฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นอนุทั้งสองก็ไม่เคยตั้งครรภ์โดยสุดวิสัยเลยหรือ”
หย่งชังปั๋วเงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยว่า “เฉาอวิ๋นเคยตั้งครรภ์เมื่อสามปีก่อน แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่จะเอาไว้”
ตอนนั้นเขาเคยลังเล อย่างไรเสียบุตรธิดาสายตรงก็โตกันหมดแล้ว มีน้องชายหรือน้องสาวสายรองมาเพิ่มสักคนไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ว่า…
เจินซื่อเฉิงช่างเฉียบแหลมนัก มองสีหน้าผิดปกติของหย่งชังปั๋วออกโดยพลัน จึงไล่ต้อนถามว่า “อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านปั๋ว ในเมื่อมาด้วยเหตุสุดวิสัย เหตุใดท่านปั๋วจึงไม่เก็บไว้เล่า”
หย่งชังปั๋วลังเล
เจินซื่อเฉิงเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านปั๋วมีคำพูดใดอยากจะบอกก็บอกมาได้เลย ยามนี้ฆาตกรยังไม่ปรากฏตัว หากท่านปิดบังไว้ก็จะเป็นการช่วยเหลือฆาตกรไปโดยไม่รู้ตัว”
“ตอนนั้นภรรยาข้าล้มป่วย”
พอหย่งชังปั๋วเอ่ยขึ้น เจินซื่อเฉิงก็มีสีหน้ากระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที
ความรักของหย่งชังปั๋วและภรรยา หลังจากสาวใช้อุ่นเตียงตั้งครรภ์ฮูหยินก็ล้มป่วย แน่นอนว่าไม่อาจให้สาวใช้อุ่นเตียงเก็บเด็กเอาไว้ได้
“ภรรยาข้าล้มป่วยลงจริงๆ ไม่ใช่จงใจป่วยให้ข้าเห็นเพราะโกรธเฉาอวิ๋นที่ตั้งครรภ์” หย่งชังปั๋วรีบอธิบาย
เขาไม่อยากบอก เพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจภรรยาผิดว่าเป็นคนใจแคบ
เจินซื่อเฉิงเห็นหย่งชังปั๋วทอดถอนใจ “ท่านปั๋วเข้าใจปั๋วฮูหยินยิ่ง รู้ว่าตอนนั้นฮูหยินล้มป่วยจริงๆ เช่นนั้นแล้วอนุเล่า”
หย่งชังปั๋วนิ่งอึ้ง สีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมาแล้ว “ใต้เท้าเจิน เจ้าจะบอกว่าเป็นไปได้มากที่เฉาอวิ๋นอาจจะเคียดแค้นต่อภรรยาข้าเพราะแท้งลูก คิดว่าภรรยาข้าแกล้งป่วยจึงทำให้นางเสียลูกไปอย่างนั้นหรือ”
“คุณชายกับคุณหนูของท่านล้วนโตกันหมดแล้ว ในเมื่อท่านปั๋วรับอนุทั้งสองมาตอนพวกเขาเกิดกันตามลำดับ เมื่อสามปีก่อนพวกนางก็คงไม่ได้อ่อนเยาว์แล้วกระมัง”
“อืม ตอนนั้นพวกนางต่างสามสิบกว่ากันแล้ว”
เจินซื่อเฉิงแย้มยิ้ม “ท่านปั๋วอย่าได้ประเมินความเจ็บปวดของสตรีที่ไร้บุตรมาหลายปี พอจู่ๆ ตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วโดนบังคับให้ทำแท้งต่ำเกินไป ความเจ็บปวดนี้เพียงพอที่จะทำให้คนเกิดความเคียดแค้นจนน่าตกใจได้เลย”
“เป็นเฉาอวิ๋นทำร้ายภรรยาข้าหรือ” หย่งชั่งปั๋วสีหน้าเขียวคล้ำ
ตอนนั้นเขาสั่งให้เฉาอวิ๋นทำแท้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิด แต่กลับกระจ่างแจ้งในใจดี หากกินน้ำแกงคุมกำเนิดอยู่ดีๆ เหตุใดจะตั้งครรภ์ได้ เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลอย่างไรไม่ต้องคิดก็รู้
อย่างไรเสียเฉาอวิ๋นก็อยู่กับเขามาหลายปี ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดให้ตั้งครรภ์ได้ ในเมื่อไม่มีลูกแล้ว เขาก็ไม่อยากไปไต่ถาม ตรงกันข้ามเพราะสงสารจึงได้มอบของกำนัลให้นางไปไม่น้อย
เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะนึกว่าภรรยาตนไม่ยอมให้มีลูกจึงให้ทำแท้งไป แต่นั้นมานางจึงเกิดความแค้นใจต่อภรรยา สุดท้ายโอกาสมาถึงจึงทำร้ายภรรยาจนตาย
หย่งชังปั๋วยิ่งคิดสีหน้าก็ยิ่งดูไม่ได้
“ท่านปั๋วอย่าได้หวั่นไหวเกินไป นี่บอกได้แค่ว่าเฉาอวิ๋นมีเหตุจูงใจฆ่าฮูหยินเท่านั้น แต่ไม่อาจบอกได้ว่านางเป็นฆาตกร ทั้งหมดนี้ยังต้องใช้หลักฐานมาพูดคุย ที่ข้าต้องการทำก็คือหาผู้ต้องสงสัยออกมาทีละคน จากนั้นตัดทิ้งหรือไม่ก็หาหลักฐานว่าพวกเขาเป็นฆาตกรหรือไม่”
หย่งชังปั๋วยังคงไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะคราหนึ่ง
“หลังจากที่เฉาอวิ๋นเสียลูกไป ท่านปั๋วใกล้ชิดกับนางไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรหรือ”
หย่งชังปั๋วส่ายหน้า “บีบคอเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองต้องเสียใจแน่ แต่นั้นมาข้าก็แทบไม่ก้าวเข้าไปในเรือนของสาวใช้อุ่นเตียงทั้งสองคนอีกเลย ดังนั้นนางมีสิ่งผิดปกติใดก็ยากที่จะรู้ได้”
เจินซื่อเฉิงลุกขึ้น “เอาอย่างนี้แล้วกัน เรียกตัวอนุทั้งสองมาสอบถามดูก่อน ท่านปั๋วต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้”
หย่งชังปั๋วพยักหน้าอย่างฝืนทน
ทั้งสองเดินออกมา หย่งชังปั๋วก็รีบสั่งให้คนไปเชิญสาวใช้อุ่นเตียงมาทันที
ไม่นานสตรีวัยกลางคนก็เดินตามกันมา สตรีที่เดินอยู่ด้านหน้ารูปร่างอวบอิ่มเล็กน้อย แม้ว่าสีหน้าจะกระวนกระวาย แต่เส้นโค้งเว้าบนใบหน้ากลับทำให้นางดูอ่อนโยน
สตรีด้านหลังผ่ายผอมมาก เปลือกตาหลุบลงเล็กน้อย สีผิวซีดขาวคล้ายสุขภาพไม่แข็งแรง แต่นึกไม่ถึงว่าผมของนางกลับเริ่มหงอกขาวบ้างแล้ว
เจินซื่อเฉิงอดนึกไปถึงผมสองเส้นนั้นที่ปรากฏในตู้เสื้อผ้าไม่ได้
“ข้างหน้าคือชุนเหมย ข้างหลังคือเฉาอวิ๋น” หย่งชั่งปั๋วพยายามอย่างยิ่งที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบ
ยามนี้เขามองสาวใช้อุ่นเตียงด้วยสายตาเย็นชา นึกไม่ถึงว่าจะค่อนข้างแปลกหน้าไป พอมองให้ละเอียดดีๆ แล้ว นานมากจริงๆ ที่ไม่ได้ไปหาพวกนาง
ทุกคนภายในลานบ้านเห็นสาวใช้อุ่นเตียงทั้งสองของท่านปั๋วโดนเรียกตัวมา แม้จะไม่กล้าเอ่ยขึ้น ทว่าแต่ละคนก็ใช้สายตาสนทนากัน
สวรรค์ หรือคนที่ทำร้ายฮูหยินตายจะเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านปั๋ว
ความสนใจของเจียงซื่อเดิมทีตกอยู่ในฝูงชนที่ทยอยกันรวมตัวตรงลานบ้าน เห็นสาวใช้อุ่นเตียงทั้งสองที่เจินซื่อเฉิงเรียกมาค่อยๆ พากันเดินมาอย่างช้าๆ
นางก็นึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้ อาศัยใต้เท้าผู้นั้นที่แทบจะสามารถตัดสินได้ว่าใครคือฆาตกร เช่นนั้นก็ให้นางได้ดูเสียหน่อยว่าสาวใช้อุ่นเตียงทั้งสองนี้บริสุทธิ์หรือไม่ก็แล้วกัน
———————————-
[1] หงซิ่ว หมายถึงสตรีงาม