ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 197 ภัยที่ไม่มีเค้ามาก่อน
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเหล่าบุตรชายที่คุกเข่าเรียงรายอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง
ต้องให้เวลาพวกเขาคิดทบทวนตัวเองสักหน่อย!
องค์ชายทุกคนหยดเหงื่อเต็มศีรษะ อยู่ดีๆ เสด็จพ่อก็เรียกพวกเขามาทำอะไร ดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่ได้เรียกมาชมเชยแน่ แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างมากก็แค่หัวเราะเยาะเรื่องที่เจ้าเจ็ดวิ่งไปฟ้องที่ศาลาว่าการพระนคร
ช่วงเวลาที่หัวใจของเหล่าองค์ชายเต้นตุบๆ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้น “วันนี้พวกเจ้าทำอะไรมาบ้าง”
องค์ชายทุกคนมองหน้าซึ่งกันและกัน
เสด็จพ่อเอ่ยถามอย่างคลุมเครือเช่นนี้ มันน่าหวาดกลัวเสียจริง
พระเนตรของจิ่งหมิงฮ่องเต้ตกอยู่ที่องค์ชายใหญ่
องค์ชายใหญ่หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ภายในใจหนึ่งที ปริปากเอ่ยตอบอย่างรีบร้อน “ลูกอยู่ในจวนตลอดพ่ะย่ะค่ะ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ไปเดินที่สวน จากนั้นอ่านหนังสืออีกพักหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังไท่จื่อ
“ลูกอยู่ในตงกงตลอดพ่ะย่ะค่ะ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ไปเดินที่สวน และอ่านหนังสืออีกพักหนึ่งเหมือนกัน…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พลันตรัสแทรก “นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว ไม่ได้ทำเรื่องอื่นเลยหรือ”
หยดเหงื่อหนึ่งเส้นไหลจากหน้าผากของไท่จื่อลงไป… ไม่ขนาดนั้นหรอกกระมัง เขาเห็นนางกำนัลรูปงามคนหนึ่งที่สวนดอกไม้เมื่อตอนเช้า ก็เลยพานางไปหลับนอนที่พุ่มดอกไม้ เสด็จพ่อถึงกับต้องลงโทษครั้งใหญ่เชียวหรือ
“หืม?” เมื่อเห็นไท่จื่ออ้ำอึ้งไม่ตอบ จิ่งหมิงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
ไท่จื่อนึกถึงองครักษ์จิ่นหลิน จึงดับความคิดที่จะโกหก และกล่าวอย่างอู้อี้ “ลูก…พูดคุยความในใจกับนางกำนัลคนหนึ่ง…”
พรวด ไม่รู้ว่าใครกลั้นขำไม่อยู่ เหล่าองค์ชายก้มหัวต่ำกว่าเดิม
ความกริ้วของจิ่งหมิงฮ่องเต้ที่มีต่อเรื่องที่เจ้าเจ็ดถูกลอบฆ่าไม่ได้ตกอยู่ที่ไท่จื่อ อย่างไรเสียไท่จื่อก็เป็นองค์รัชทายาท และไม่มีส่วนร่วมกับการทะเลาะวิวาทในครั้งนั้น ยังไงก็ไม่มีเหตุให้ต้องลงมือกับเขา
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึง ก็คือไท่จื่อมักมากในตัณหาถึงเพียงนี้!
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลั้นความโมโหเอาไว้แล้วทอดพระเนตรไปยังองค์ชายสาม “เจ้าสาม เจ้าล่ะ”
พระมารดาขององค์ชายสามมีตำแหน่งต่ำ จึงทำให้เขากลายเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ หลังจากได้ยินจึงทูลตอบ “ลูกพาฝูเกอเอ๋อร์ไปขี่ม้าในสนามซ้อมรบในจวนพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เกิดความสนใจขึ้นมา “อื้ม ฝูเกอเอ๋อร์ขี่ม้าเป็นแล้วหรือ”
องค์ชายท่านอื่นแอบเบ้ปาก
เจ้าสามเก่งเรื่องเอาอกเอาใจ แต่เสียดายที่พระมารดาเป็นเพียงนางกำนัล ถึงจะพยายามอย่างไรก็ได้แค่นั้น
“เพิ่งหัดเรียนพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้า
มีคนน่าไว้ใจสักคนเสียที นอกจากไท่จื่อแล้ว พระองค์ไม่ได้ตั้งความหวังกับลูกชายคนอื่นไว้สูงมาก ขอเพียงไม่เที่ยวก่อกรรมทําชั่วตามอําเภอใจโดยไม่หวั่นเกรงก็เพียงพอ จากนั้นจิ่งหมิงฮ่องเต้ถามองค์ชายสี่ต่อ ส่วนองค์ชายห้าได้เตรียมคำตอบไว้แล้ว แต่จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับข้ามเขาไปแล้วถามองค์ชายหกกับองค์ชายแปดแทน
องค์ชายห้าใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ทันทีทันใด เหตุใดเสด็จพ่อถึงข้ามเขาไป จากความเข้าใจในตัวเสด็จพ่อ เป็นไปได้ยากมากที่ทำเช่นนี้เพราะไว้ใจเขา แต่เป็นไปได้สูงมากว่าเป็นการเหลือเขาไว้เพื่อจัดการคนสุดท้าย…
แล้วก็เป็นไปตามคาด หลังจากจิ่งหมิงฮ่องเต้สอบถามองค์ชายทุกคนจนเสร็จ พระองค์ทอดพระเนตรมายังองค์ชายห้า สีพระพักตร์พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม “ไหนเจ้าลองพูดมา วันนี้เจ้าทำอะไรไปบ้าง!”
คนอื่นที่ได้ยิน มองเห็นอาการและสีหน้าขององค์ชายห้าก็รู้สึกประหลาดใจ
วุ่นวายกันมาครึ่งค่อนวัน ที่แท้ต้นเหตุคือเจ้าห้า!
“ลูก ลูกไม่ได้ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ” พอองค์ชายห้ารู้สึกตื่นเต้นสมองก็จะว่างเปล่า
อวี้จิ่นคุกเข่าอยู่ตรงมุม มุมปากพลอยเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา
เขาเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรกับคนที่คิดถึงอาซื่อ แต่ขอเก็บดอกเบี้ยก่อนเล็กน้อยก็ไม่เลว
“ไม่ได้ทำอะไร แล้วเจ้าถึงไปปรากฏตัวใกล้ๆ ตรอกซอยเชวี่ยจื่อถนนชิงถงด้วยเหตุใด”
องค์ชายห้าตกใจตะลึงงัน
ตรอกซอยเชวี่ยจื่อถนนชิงถงอะไรกัน เขาไปแถวจวนตงผิงปั๋วต่างหาก
“พูด!”
เสียงตะโกนของจิ่งหมิงฮ่องเต้ทำให้องค์ชายห้าตกใจจนพลั้งปาก “ลูกไม่ได้ไปพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินยิ่งโมโห ความสงสัยที่มีเพียงสองส่วนในตอนแรกพลันพุ่งเป็นห้าส่วนทันที “จนถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังแกล้งโง่อยู่อีกรึ เจ้าคิดว่าองครักษ์จิ่นหลินเป็นเพียงของประดับหรืออย่างไร”
องค์ชายห้ารู้สึกถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง “ลูกไม่ได้ไปตรอกซอยเชวี่ยจื่อถนนชิงถงจริงๆ…”
เดี๋ยวนะ ตรอกซอยเชวี่ยจื่อ ฟังดูคุ้นๆ
องค์ชายห้ากลอกตาพลางนึกคิด สุดท้ายสายตาก็กวาดไปตกอยู่ที่อวี้จิ่นที่อยู่ไม่ไกล พลันชะงักและสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีทันใด
เขานึกออกแล้ว ที่พักของเจ้าเจ็ดอยู่ที่นั่น หลังจากวันที่ออกจากฝ่ายข้าราชการพลเรือนเขาเคยส่งคนไปสืบ คิดไว้ว่าจะหาโอกาสจัดการเจ้านั่นให้สาสมเสียหน่อย
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์ชายห้าอย่างผิดหวัง ตรัสนิ่งๆ “วันนี้เจ้าเจ็ดถูกลอบฆ่าใกล้ๆ ที่พัก พวกเจ้าได้ข่าวหรือไม่”
“ลูกได้ข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าองค์ชายเอ่ยตอบ แต่สีหน้าที่มององค์ชายห้านั้นพูดยาก
องค์ชายห้าเริ่มเข้าใจสถานการณ์และได้สติ “เสด็จพ่อ เรื่องน้องเจ็ดถูกลอบฆ่าไม่เกี่ยวกับลูกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ทำไมพอเจอเจ้านั่นแล้วซวยเช่นนี้ องค์ชายห้ามองไปยังอวี้จิ่น
อวี้จิ่นกลอกตาและยิ้มอ่อนให้เขา
สมองขององค์ชายห้าพลันเกิดเสียงวิ๊ง
ซวยแล้วๆ ถึงจะกระโดดลงแม่น้ำหวงเหอเพื่อชำระล้าง แต่ก็คงล้างไม่สะอาดแล้วล่ะ
จิ่งหมิงฮ่องเต้โกรธจัดเมื่อบุตรชายคนที่ห้าไม่ยอมรับผิด “ข้าถามเจ้าว่าเจ้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร!”
หากต้องการตรวจสอบให้กระจ่างแจ้ง พระองค์จะให้องครักษ์จิ่นหลินรับเรื่องไว้ทำไมกันเล่า เจ้าห้า เจ้าลูกไม่มีสมอง!
“ลูก…” องค์ชายห้าอ้าปากพะงาบ คิดข้ออ้างที่เหมาะสมไม่ออกไปชั่วขณะ
ความผิดลอบฆ่าเจ้าชีเขายอมรับไม่ได้แน่นอน เพราะเขาก็ไม่ได้เป็นคนทำตั้งแต่แรก ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนดีคนไหนที่ทำแทนฟ้า แล้วเรื่องที่เขาชอบคุณหนูจวนปั๋วก็ยิ่งพูดออกมาไม่ได้เด็ดขาด
“ลูกแค่…แค่ว่างไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปดูงานไว้ทุกข์จวนหย่งชังปั๋วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้ารีบอธิบายเมื่อเห็นสีพระพักตร์ของจิ่งหมิงฮ่องเต้ตึงแน่นไปหมด “ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อทรงได้ข่าวหรือไม่ หย่งชังปั๋วสองสามีภรรยาเสียชีวิตวันเดียวกัน ลูกรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ก็เลย…”
“พอได้แล้ว!” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสแทรกองค์ชายห้าเพราะทนฟังต่อไม่ไหว “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าขอกักบริเวณเจ้าให้อยู่แต่ใจนวนหลู่อ๋องเป็นเวลาสามเดือน หักเงินเดือนหนึ่งปี!”
“เสด็จพ่อ ลูกถูกกล่าวหา ลูกสาบานต่อฟ้าดิน ลูกไม่ได้ส่งใครไปฆ่าน้องเจ็ดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลั้นความยากเตะองค์ชายห้าให้กระจุยเอาไว้ แล้วตรัสตำหนิ “เจ้าโง่ ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายพี่น้องกันเอง เจ้าคิดหรือว่าข้าจะลงโทษเจ้าเพียงเท่านี้”
องค์ชายท่านอื่นส่ายหัวกันลับๆ
ขอบใจในความโง่ของเจ้าห้าที่ทำให้พวกเขาถูกตำหนิน้อยกว่า
“จำเอาไว้ ข้าลงโทษที่เจ้าขาดศีลธรรม! ครอบครัวผู้อื่นมีคนเสียชีวิต เจ้าไม่เพียงแต่ไม่มีความเห็นใจแต่กลับไปดูเพราะความแปลกใจ นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องควรจะทำรึ”
“ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายห้าแสดงอาการหมดอาลัยตายยาก มีความรู้สึกเหมือนความซวยตกลงมาจากฟ้า
“พวกเจ้าด้วยอีกคน!” จิ่งหมิงฮ่องเต้กวาดสายพระเนตรเหล่าองค์ชายไปด้วยสีพระพักตร์ที่นิ่งดุนน้ำนิ่ง “พึงระมัดระวังในวาจาและการกระทำ เป็นคนสุภาพและประหยัดมัธยัสถ์ ให้ความเคาพต่อพี่น้องและมิตรสหาย คุณสมบัติเหล่านี้ อย่าลืมเด็ดขาด!”
“น้อมฟังคำสอนของเสด็จพ่อ”
เหล่าองค์ชายเข้าใจสักที ว่าจุดประสงค์ที่เรียกมาลงโทษด้วยการคุกเข่าคือให้พึงระมัดระวังในวาจาและการกระทำ เป็นคนสุภาพและประหยัดมัธยัสถ์ ให้ความเคาพต่อพี่น้องและมิตรสหาย
นี่เสด็จพ่อกำลังสงสัยว่าคนที่ทำร้ายเหล่าชีคือหนึ่งในพวกเขา พูดไปพูดมาก็เพื่อบอกเป็นนัยน์ๆ ว่าอย่าหาทำอีก
นี่ถึงเรียกว่าประสบภัยที่ไม่มีเค้าลาง!
ภายในใจของเหล่าองค์ชายพลันเกิดความคิดนี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แต่พอเห็นองค์ชายห้าที่ร้องห่มร้องไห้ ก็รู้สึกโล่งใจ
มีตัวเปรียบเทียบสิถึงจะดี เมื่อเทียบกับพวกเขา เห็นชัดแล้วว่าเป้าหมายหลักที่เสด็จพ่อสงสัยคือเจ้าห้า
“ออกไปกันเถอะ ไท่จื่อ…เจ้าอยู่ก่อน!”
วินาทีนี้ สภาพจิตใจของเหล่าองค์ชายเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย
อืม ขอแค่ไท่จื่อซวย พวกเขาก็สบายใจ
ไท่จื่อ “…” ซวยท้างงปี คงต้องหาวันไปถวายธูปสักหน่อยแล้ว!