ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 22 พบเจอ
หญิงสาวคือคุณหนูบ้านรองของจวนอันกั๋วกงนามฟางหวา จวนอันกั๋วกงมีเพียงนางเป็นคุณหนูอยู่ผู้เดียว จี้ฟางหวาจึงเป็นที่รักที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ในบ้านทุกคน ทำให้นางเป็นคนนิสัยที่ร่าเริงสดใส
เมื่อตอนที่เจียงซื่อไปอยู่จวนอันกั๋วกงชีวิตราวอยู่ในกรงอย่างไรอย่างนั้น จี้ฉงอี้ไม่ชอบหน้านาง ฮูหยินอันกั๋วกงจึงไม่ใคร่จะสนใจไยดีนางนัก ทุกวันจึงผ่านไปอย่างไร้ชีวิตชีวา
พอคิดถึงตรงนี้ ช่วงเวลาที่นางได้พูดเยอะที่สุดก็คือตอนที่จี้ฟางหวามาหานางในบางครั้งเท่านั้น
ถึงแม้ว่ามีความทรงจำอันแสนเลวร้ายกับจวนอันกั๋วกง แต่เจียงซื่อก็ไม่ได้มีความทรงจำที่แย่กับจี้ฟางหวา นางจึงยิ้มตอบกลับไป “ใช่แล้ว”
จี้ฟางหวาปลุกความใจกล้าของตนเอง “ไม่ทราบว่าพี่เจียงซื่อจำข้าได้หรือไม่ พวกเราเคยเจอกันที่งานชมดอกบัวเมื่อหน้าร้อนปีก่อน”
“จำได้แน่นอน”
จี้ฟางหวามองไปรอบๆ “ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก พี่เจียงซื่อจะไปเดินเล่นตรงนั้นกับข้าได้หรือไม่”
เจียงซื่อประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกไป
ทั้งสองเดินคู่กันไปตามทางริมคลอง
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเดินเล่นกับแม่นางเจียง” จี้ฟางหวากล่าวกับพวกบ่าวรับใช้ที่ตามมา
เจียงซื่อจึงส่งสายตาให้อาหมานกับอาจี๋หยุดรอ และเดินตามจี้ฟางหวาไป
ต้นหลิวริมคลองลมพัดใบไหวไปมา หมอกบางจางลอยล่องกระจายตัวไปทั่ว จี้ฟางหวาเดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นหลิวต้นหนึ่ง เจียงซื่อที่เดินตามมาจึงหยุดตาม
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองตระกูลก็ยกเลิกงานแต่งกันไปแล้ว จี้ฟางหวายังมีอะไรจะพูดคุยกับนางอีก
จี้ฟางหวายืนบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา ทันใดนั้นก็ยอบกายให้กับเจียงซื่อ
“แม่นางจี้เหตุใดจึงทำเช่นนี้” เจียงซื่อหมุนตัวหลบด้านข้าง
“เรื่องของพี่สาม…ข้ารู้สึกไม่สบายใจนักจึงอยากขอโทษพี่เจียงซื่อ” จี้ฟางหวาหน้าแดง เกรงว่าหากพูดชื่อจี้ฉงอี้ไปแล้วจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ จึงค่อนข้างที่จะตื่นกลัวเวลามองไปทางนาง
เจียงซื่อยกยิ้มขึ้น “แม่นางเจียงไม่ต้องขอโทษข้า ข้ามิได้ใส่ใจอันใดแล้ว”
แม้นางจะใส่ใจ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของจี้ฟางหวา
นางเองยังไม่อยากจะฟังคำขอโทษจากจี้ฉงอี้ สำหรับนางแล้วอยู่ให้ห่างได้ยิ่งไกลยิ่งดี
“ข้ารู้ว่าเพียงแค่คำขอโทษมันไม่มีความหมายอันใดหรอก แต่ว่า…ข้าอยากบอกกับพี่เจียงซื่อว่า จริงๆ แล้วพี่สามเขาเป็นคนดีมาก”
เจียงซื่อยิ้มพลางขัดจังหวะจี้ฟางหวาพูดขึ้นมา “ความหวังดีของแม่นางจี้ข้าเข้าใจทั้งหมด แต่สำหรับคนอื่นแล้วข้าขอร้องแม่นางจี้อย่ากล่าวถึงอีกเลย ข้าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่นิดจริงๆ ”
คำตอบของเจียงชื่อเหนือความคาดหมายของจี้ฟางหวาอยู่บ้าง
นางคิดว่าเจียงซื่อจะต้องโกรธมากแน่ๆ ทั้งยังเตรียมตัวเตรียมใจโดนก่นด่ามาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีปฎิกริยาเช่นนี้
พิจารณาใบหน้าเฉยชาของหญิงสาวทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว จี้ฟางหวาจึงได้แต่ลอบถอนใจ
พี่สามหนอท่านเสียสติไปแล้วจริงๆ
“แม่นางจี้ข้าออกมานานมากแล้ว ถ้ายังไม่กลับไปอีกคนที่บ้านจะเป็นห่วง ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทต้องขอตัวก่อน”
“พี่เจียงซื่อค่อยๆ เดินเจ้าค่ะ” จี้ฟางหวามองเจียงซื่อจนสุดสายตา แต่ยังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน
วันนี้นางตั้งใจออกมาเดินเล่น
ที่จวนกั๋วกงผู้หลักผู้ใหญ่เมตตาใจดี พี่น้องรักใคร่ นับแต่เกิดเรื่องพี่สามครั้งนั้นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
นางอยู่บ้านรองได้ยินท่านลุงท่านป้าถกเถียงกัน แม้แต่บรรยกาศในบ้านก็ดูหดหู่หายใจไม่ทั่วท้อง
ดังนั้นนางจึงชวนบรรดาบ่าวรับใช้ออกมาเดินเล่น นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณหนูสี่ตระกูลเจียงเข้าให้
พอเจอหน้าเจียงซื่อ จี้ฟางหวาไม่เพียงไม่ได้เดินเล่น กลับไม่สบายใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าพี่สามช่างเลอะเลือนเหลือเกิน
“คุณหนู พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” แม่นมกล่าวเตือน
“อืม” จี้ฟางหวาพยักหน้า บรรดาบ่าวรับใช้จึงพานางลับไปยังรถม้าที่จอดรอยู่ไม่ไกล
ริมคลองหลิวตีไม่นานนักก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง สายน้ำเรียบนิ่งมีเพียงเงาของต้นหลิวที่โยกไหวไปมาตามกระแสลม
เมื่อจี้ฟางหวากลับไปถึงจวนก็ใช้เวลานานโขกว่าจะทำให้จิตใจสงบลงได้
นางคิดไปคิดมาจึงขยับฝีเท้าเดินไปหาจี้ฉงอี้
จี้ฉงอี้ตกน้ำจึงทำให้ถูกความเย็นแทรก จนบัดนี้ร่างกายยังไม่ค่อยหายดีนัก พอเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นยาสมุนไพรฉุนกึกเตะจมูกเข้ามา
“น้องสาวมาแล้ว” พอเห็นหน้าจี้ฟางหวา จี้ฉงอี้ก็แสดงใบหน้ายิ้มแย้มออกมา
จวนกั๋วกงมีสองครอบครัวและมีจี้ฟางหวาเป็นเด็กสาวอยู่ผู้เดียว ดังนั้นบ้านรองถึงแม้จะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง แต่จี้ฉงอี้ก็รักจี้ฟางหวาดังน้องสาวแท้ๆ
“พี่สามดีขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ” อยู่ต่อหน้าจี้ฉงอี้ จี้ฟางหวาไม่จำเป็นต้องมีระเบียบอะไรมากมายนัก จึงค่อยๆ ลากเก้าอี้ออกมานั่งตรงข้ามกับเขา
“ดีขึ้นมากแล้ว” จี้ฉงอี้เลื่อนจานผลไม้บนโต๊ะไปตรงหน้าของจี้ฟางหวา “เจ้าลองชิมผลไม้นี่ดู รสชาติหวานอร่อยไม่เลวเลย”
จี้ฟางหวาหยิบลูกเหมยขึ้นมาลูกหนึ่ง แสดงท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา
“เจ้ามีเรื่องอะไรในใจหรือไม่” จี้ฉงอี้เห็นนางท่าทางไม่ปกติ จึงเอ่ยถามขึ้นมา
จี้ฟางหวามองหน้าจี้ฉงอี้แวบหนึ่งจึงตัดสินใจพูดออกมา “พี่สามท่านจะแต่งงานกับเฉี่ยวเหนียงจริงหรือ”
จี้ฉงอี้นิ่งอึ้งและขมวดคิ้วสงสัย “ข้ากับแม่นางเฉี่ยวรักกัน ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่ก็อนุญาตแล้ว เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้เล่า”
“แต่ว่าพี่สามไม่รู้สึกหรือว่าแม่นางเฉี่ยวไม่คู่ควรกับจวนของเรา”
“น้องสาวพี่ แม่นางเฉี่ยวนางเป็นคนดี ถึงแม้เกิดมาในตระกูลต่อยต่ำแต่ก็ไม่ใช่ความผิดของนาง อีกไม่นานนางก็จะเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้าแล้ว พี่สามหวังว่านางกับเจ้าจะเข้ากันได้ดี และไม่ได้มองแค่ฐานะของนาง”
จี้ฟางหวาเม้มปากถูกดุจนน้อยใจ “พี่สาม เหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าเช่นนี้ ฐานะไม่คู่ควรกันไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ ถึงแม้เรื่องนี้ข้าไม่พูดออกมาก็ไม่ทำให้เรื่องนี้หายไปหรอกนะ มันเกี่ยวกับข้าไปดูถูกฐานะของนางตรงไหน”
“เอาเถอะ น้องพี่ เรื่องนี้เราจะไม่เอามาคุยกันอีกแล้ว” จี้ฉงอี้พูดปัดอย่างรำคาญใจ
เพื่อให้ได้อยู่กับแม่นางเฉี่ยวดังใจหวัง เขาโดนผู้ใหญ่ในบ้านกดดันมามากมาย เอาตามจริงตอนนี้เขาไม่สนใจใครอีกต่อไปแล้ว
“แต่ว่าวันนี้ข้าเจอคุณหนูสี่ตระกูลเจียง”
จี้ฉงอี้เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม “น้องพี่เจ้าไปฟังคำพูดไร้สาระจากคุณหนูสี่ตระกูลเจียงมาอีกแล้วใช่หรือไม่”
จี้ฟางหวาโยนลูกบ๊วยทิ้งลงในจานและลุกยืนขึ้น “พี่สามอย่ามาคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้านะเจ้าคะ คุณหนูสี่ตระกูลเจียงยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นข้าต่างหากที่รู้สึกว่านางเป็นคนดีมาก”
“น้องพี่เจ้าไปเจอคุณหนูสี่ตระกูลเจียงมาจากที่ใด” จี้ฉงอี้ถามกลับอย่างสงสัย
“บังเอิญเจอแถวริมคลองหลิวตีตอนเดินเล่น”
จี้ฉงอี้ยิ้มเยาะ “เจ้าใส่ซื่อเกินไปแล้ว เจ้าลองคิดดูให้ดี ในโลกนี้ไหนเลยจะมีเหตุบังเอิญเช่นนี้ได้”
จี้ฟางหวายิ้มเย็นตอบ “พี่สามท่านคงป่วยจนเลอะเลือนไปเสียแล้วสินะ ท่านกับคุณหนูสี่ตระกูลเจียงยกเลิกงานแต่งกันไปแล้ว ท่านคงไม่คิดว่าตระกูลเรามีสืบทอดตำแหน่งในราชสำนัก จนทำให้คนอื่นคิดสารพัดวิธีเพื่อมาพบน้องสาวของท่าน”
“ฟางหวา เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร คำพูดพวกนี้เจ้าถึงกับกล้าเอ่ยออกมา” จี้ฉงอี้โกรธจนไอออกมาตัวโยน
จี้ฟางหวาพอเห็นเช่นนั้นก็ได้สติแล้วจึงโต้กลับไป “ช่างเถอะ พี่สามเลอะเลือนไปแล้ว ตอนนี้ยังมองอะไรไม่ออก ในอนาคตท่านเองนั่นแหละจะรู้สึกเสียใจ”
พอนางพูดจบก็รีบวิ่งจากไป จี้ฉงอี้ไอจนใช้แรงที่มีทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง
เขาก็แค่อยากอยู่กับคนที่เขารักเหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้
เมื่อเจียงซื่อกลับถึงจวนก็พบว่าสีหน้าของอาเฉี่ยวดูผิดปกติไป
“อาเฉี่ยว ตอนที่ข้าออกไปข้างนอกมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ”