ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 227 ยินดี
ในแม่น้ำจินสุ่ย ฝูงชนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ต่างทยอยแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการพระนคร และกลุ่มคนจากจวนที่ออกมาตามหาหยางเซิ่งไฉและเจียงจั้นเท่านั้น
แน่นอนว่าคนที่มาตามหาเจียงจั้นมีเพียงคนจากจวนตงผิงปั๋วเท่านั้น ส่วนคนจากจวนอื่นๆ ล้วนมาตามหาหยางเซิ่งไฉ
เหล่าคุณชายออกมาสังสรรค์กัน สามคนในนั้นถูกช่วยชีวิตได้สำเร็จ ส่วนอีกคนยังไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ตระกูลของคุณชายทั้งสามที่รอดชีวิตจึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
แม่น้ำจินสุ่ยกว้างใหญ่ไพศาล แสงตะวันยามเช้าไกลลิบลิ่วโผล่พ้นแนวราบทีละเล็กทีละน้อย สะท้อนสีส้มอ่อนบนผิวน้ำ ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น แม่น้ำจินสุ่ยที่เงียบสงบในช่วงเวลากลางวัน ในเวลานี้กลับมีเสียงโหวกเหวกวุ่นวาย
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป กลุ่มคนที่มาช่วยกันตามหาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ประกายสีทองบนผิวน้ำแตกคลื่นเป็นระลอกๆ เนื่องจากมีนักดำน้ำลงไปช่วยกันค้นหา
หยางเซิ่งไฉไม่เพียงแต่เป็นหลานเสนาบดีกรมพิธีการ เขายังมีศักดิ์เป็นพระอนุชาของพระชายาเอกในไท่จื่ออีกด้วย ฉะนั้นการจมน้ำหายตัวไปของเขาจึงกระทบกับผู้คนจำนวนมาก
เจินซื่อเฉิงมาพร้อมกับกลุ่มผู้ตรวจการชั้นผู้น้อยอีกกลุ่มหนึ่ง เขาเฝ้ามองไปยังกลุ่มคนที่กำลังวิตกกังวลและหมดเรี่ยวแรงอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ และทำได้เพียงถอนหายใจในใจเท่านั้น
จนบัดนี้แล้วยังหาตัวไม่พบ สถานการณ์คงไม่สู้ดีนัก
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเด่น ฝูงชนกลุ่มใหม่ล้อมวงกันเข้ามาจนเป็นวงซ้อนวงอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำจินสุ่ย
ทันทีที่จวนของเสนาบดีประกาศว่าจะตกรางวัลเป็นเงินพันตำลึงให้แก่ผู้ที่เจอตัวคุณชายหยาง บรรดาชาวบ้านที่มามุงพอได้ยินก็ถึงกับสติแตกกันเป็นแถว ในชั่วขณะนั้นต่างคนต่างก็เชื่อมั่นในทักษะการว่ายน้ำของตนเองและรีบกระโดดลงน้ำทันที ส่งผลให้กระแสน้ำในแม่น้ำไหลช้าลง
ใบหน้าของเจินซื่อเฉิงย่ำแย่ยิ่งกว่าเก่า พลางลอบด่านายท่านจากจวนเสนาบดีอยู่ในใจ
ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังลั่นวาจาเช่นนี้ออกมาได้ หากชาวบ้านพากันกระโดดลงน้ำไป ดีไม่ดีอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้
แม่น้ำจินสุ่ยมิใช่คูคลองขนาดเล็ก ต่อให้มีทักษะว่ายน้ำดีเพียงใดก็อาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน
เจินซื่อเฉิงรีบเดินไปหากลุ่มคนจากจวนท่านเสนาบดี และเอ่ยกับบิดาของหยางเซิ่งไฉว่า “พี่หยาง พี่ช่วยยกเลิกรางวัลนั้นเถิด มิฉะนั้นแล้วเกรงว่าเรื่องราวจะบานปลายเกินจะควบคุม”
นายท่านหยางเย้ยหยัน “ฝ่ายตรวจการไร้ความสามารถ แล้วยังไม่อนุญาตให้ข้าคิดหาวิธีอีกงั้นหรือ”
เจินซื่อเฉิงไม่ถือสาสิ่งที่นายท่านหยางกล่าว ทว่าเอ่ยตอบเสียงอ่อนโยน “หากไม่มีหน่วยกู้ภัยก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
“จะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร หากมีคนลงไปหาเพิ่มขึ้นอีกคน โอกาสที่จะเจอตัวลูกของข้าก็จะเพิ่มมากขึ้น ใต้เท้าเจิน ท่านไม่ต้องว่าอะไรแล้ว ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้น อยากได้ยินข่าวคราวไอ้ลูกหมาเท่านั้น!”
เจินซื่อเฉิงส่ายหัว
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไห้ดังสนั่นไปทั่ว คนที่ได้ยินก็พากันแตกตื่น นายท่านหยางรีบเดินไปยังทิศทางของเสียงนั้น
มีสตรีนางหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ในอ้อมกอดของนางโอบอุ้มร่างบุรุษผู้หนึ่งและร่ำไห้ออกมาอย่างทุกข์ทรมาน “ท่านพี่ จะจากไปเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ! ข้าบอกแล้วอย่าว่าลงไป เพียงเพราะเห็นแก่เงินรางวัลต่ำช้า เหตุใดจึงไม่ยอมฟังข้า ยามนี้ดวงตาทั้งสองของท่านพี่หลับลงแล้ว ข้าจะทำอย่างไรในเมื่อท่านทิ้งให้ข้ากับลูกอยู่กันเพียงลำพัง”
ร่างของบุรุษผู้นั้นชุ่มโชก ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท เป็นสัญญาณว่าเขาผู้นั้นสิ้นใจแล้ว
ด้านข้างมีชายอีกคนเข้ามาดันร่างหญิงนั้นออก และออกแรงกดลงบริเวณหน้าอกของบุรุษผู้นั้น แต่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง
เสียงร่ำไห้ของสตรีนางนั้นช่างทุกข์ระทม
เจินซื่อเฉิงเดินไปหยุดด้านข้างนายท่านหยาง และเอ่ยอย่างถอดใจ “พี่หยางคงเห็นแล้วใช่หรือไม่”
นายท่านหยางเยาะเย้ย “แล้วมันทำไมหรือ คนพวกนั้นมีค่ายิ่งกว่าลูกชายข้างั้นหรือ”
ความโกรธวาบผ่านนัยน์ตาของเจินซื่อเฉิง เขาเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปย่อมมิอาจสู้คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ได้ ทว่ายามนี้คุณชายจมน้ำหายไป เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิอาจทราบได้ คนที่อยู่ก็ควรจะสั่งสมบุญและความเป็นสิริมงคลให้เขาไม่ดีกว่าหรือ”
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้นายท่านหยางฉุกคิด หลังทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก็สั่งให้คนประกาศยกเลิกรางวัลนั้น
เจินซื่อเฉิงเรียกหน่วยกู้ภัยทั้งหมดมายังที่เกิดเหตุ และแบ่งคนออกเป็นสิบกลุ่มเพื่อกระจายหาให้ทั่วบริเวณผิวน้ำ จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นบนนภา มีกลุ่มหนึ่งในนั้นโผล่ศีรษะขึ้นมาเหนือผิวน้ำพลางตะโกนสุดเสียง “ข้างใต้นี้มีคน!”
ทันทีที่ประโยคนั้นลั่นออกไป ความโกลาหลก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
ทั้งนายท่านหยางและเจียงอันเฉิงรุดไปยังจุดนั้นแทบจะทันที
ลูกน้องของเจินซื่อเฉิงสั่งให้ทั้งกลุ่มดำลงไปค้นหา ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ชายที่เชี่ยวชาญในการดำน้ำก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาพร้อมกับกอดร่างของอีกคนขึ้นมาด้วย
เมื่อชายผู้นั้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วก็รีบตะโกนว่า “พบแล้ว!”
จากนั้นมีคนอีกสองคนมารับร่างนั้นขึ้นไปบนฝั่ง
ริมฝั่งแม่น้ำแออัดคับแน่นไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือนายท่านหยางและเจียงอันเฉิง
หลังจากอยู่ในน้ำมาทั้งคืน ร่างที่ถูกพาขึ้นมาจึงบวมจนเต็มที่ ผมเผ้าที่หลุดร่วงปกปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง ทำให้ยากแก่การมองออกว่าเป็นผู้ใด
เจินซื่อเฉิงจึงหันไปมองทางนายท่านหยางและเจียงอันเฉิง
ครั้นนายท่านหยางเห็นว่าร่างที่ถูกพาขึ้นมาสวมอาภรณ์สีม่วง ขาของเขาก็พลันอ่อนลงทันที
หยางเซิ่งไฉชื่นชอบสีม่วงเป็นพิเศษ อาภรณ์ส่วนใหญ่จึงเป็นสีเดียวๆ กัน
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเข้ามาช่วยพยุงร่างของนายท่านหยางเอาไว้
นายท่านหยางโอบกอดความหวังริบหรี่และเดินเข้าไปใกล้ร่างศพนั้น
ลูกน้องของเจินซื่อเฉิงเขี่ยปอยผมที่ปิดใบหน้านั้นออกเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน
ทันทีที่เห็นร่างศพนั้น นายท่านหยางผู้อับโชคก็ถลาตัวล้มพับเข้าไปทันที
ในขณะเดียวกัน เจียงอันเฉิงถอนให้ใจเฮือกใหญ่ และนั่งพับลงไปที่พื้นเช่นกัน
ยังดีที่ไม่ใช่ไอ้ลูกเวรนั่น!
ทว่าเจียงอันเฉิงกลับรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
นายท่านเจียงสามเข้ามาคุกเข่าอยู่ด้านข้าง และเอื้อมมือไปตบบ่าผู้เป็นพี่ชาย พลางเอ่ยปลอบเสียงต่ำ “พี่ใหญ่ ยามนี้การไม่ได้ข่าวคราวอะไรนับว่าเป็นข่าวดีที่สุดแล้ว”
นายท่านเจียงรองผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
หากเจียงจั้นตายไป หนทางของหน้าของเรือนรองก็คงถึงคราวสมปรารถนา
ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ความหวังว่าเจียงจั้นจะมีชีวิตรอดก็ริบหรี่ลงไปทุกที
ไม่นานคนจากจวนเสนาบดีกรมพิธีก็ช่วยกันนำร่างของหยางเซิ่งไฉกลับไป ผู้คนที่เหลือยังคงค้นหาต่อ แต่ถึงกระนั้น ยิ่งเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์เข้าไปเท่านั้น
เรี่ยวแรงของผู้คนเริ่มหดหาย หลายคนเริ่มนั่งพักบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ฝูงชนที่รายล้อมต่างก็ทยอยกันกลับไป
“เป็นไปได้ไหมว่าจะถูกกระแสน้ำพัดไปแล้ว ข้าจำได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่งเด็กของหมู่บ้านข้างๆ ตกลงไปในน้ำ หาอย่างไรก็หาไม่พบ แต่หลังจากนั้นกลับพบว่าร่างเด็กนั้นลอยไปไกลกว่าร้อยลี้”
“ก็เป็นไปได้ มิฉะนั้นความเคลื่อนไหวใหญ่โตจวนจะพลิกแม่น้ำหาเช่นนี้ จะไม่เจอตัวได้อย่างไร”
…
ยามเช้า เจียงซื่อเตรียมพร้อมสำหรับเข้าไปน้อมทักในเรือนฉือซิน
เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อและซานไท่ไท่กัวซื่อมาถึงก่อนแล้ว ในขณะนี้กำลังนั่งสนทนาอยู่กับเฝิงเหล่าฮูหยิน ครั้นเห็นว่าเจียงซื่อกำลังเดินเข้ามา ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบ
วันนี้เจียงซื่ออยู่ในเสื้อคลุมผ้าไหมลายเมฆา เข้าคู่กับกระโปรงสีทับทิม ดวงตาสุกสกาวสอดรับกับฟันขาวเรียงสวย ความงดงามยิ่งกว่าดอกไห่ถังนี้มิอาจผู้ใดเปรียบได้
เซียวซื่อชำเลืองมองพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหนูสี่ วันนี้เลือกอาภรณ์สีมงคลเสียด้วย”
เด็กนี่คงยังไม่รู้สิว่าพี่ชายแท้ๆ จมน้ำตายไปแล้ว ถึงได้ใส่ชุดที่ขัดกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง
เป็นเช่นนี้ก็ดี เหล่าฮูหยินเห็นก็คงโมโหเป็นแน่
เจียงซื่อค้อมศีรษะพลางยกชายกระโปรงสีชาด แย้มยิ้มพราวพลางบอก “อารมณ์ดีก็ต้องใส่อาภรณ์สีมงคลสิเจ้าคะ ท่านย่าเห็นแล้วจะได้พลอยยินดีไปด้วย”
นางเพิ่งได้ทราบข่าวจากอาเฟยว่าเหล่าคณิกาชายและบ่าวรับใช้บนนาวาใหญ่ได้รับความช่วยเหลือกันถ้วนหน้า
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะวางแผนมาอย่างถี่ถ้วน และมั่นใจว่าการวางเพลิงครั้งนี้จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริสุทธิ์ ทว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันนั้นก็ย่อมมี ครั้นได้ทราบข่าวจากอาเฟย นางจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งยวด
สำหรับชุยอี้และอีกสองคน… เจียงซื่อกระตุกมุมปากเบาๆ มีความเย็นชาปรากฏชัดขึ้นในแววตาของนาง
แค้นนี้จะต้องชำระให้สาสม!