ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 268 เป็นการลอบฆ่า
การตอบกลับอย่างไม่เกรงใจของเจียงซื่อทำให้จูจื่ออวี้ตะลึง จึงเผยอาการทำตัวไม่ถูกออกมา
ใครๆ ก็ฟังออก ที่เขาพูดเมื่อสักครู่เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะคิดจริงจัง
ไปขอรับการอภัยด้วยตัวเองนั้นไม่มีปัญหา เพียงแต่ปฏิกิริยาการตอบสนองของเจียงซื่อถึงกับทำให้จูจื่ออวี้ได้รู้จักน้องสาวภรรยาคนนี้ใหม่
จูจื่ออวี้กับเจียงซื่อพบหน้ากันไม่บ่อย ในภาพจำของเขา น้องสาวของภรรยาเป็นคนสวยจนน่าตะลึง เป็นสตรีเรียบร้อยเงียบ คิดไม่ถึงเลยว่าในความเป็นจริง นางจะเข้าถึงยากถึงเพียงนี้
จูจื่ออวี้ส่งสายตาให้เจียงอีด้วยความรู้สึกว่าโชคดี พลางคิดในใจ โชคดีที่ภรรยามีนิสัยอ่อนโยนดุจน้ำซึ่งแตกต่างจากน้องสาวของภรรยา
คำตอบของเจียงซื่อทำให้เจียงอีตกใจด้วยอีกคน จึงอดพูดไม่ได้ “น้องสี่…”
นางรู้ดีว่าน้องสี่เป็นคนหัวแข็งเล็กน้อย วันนี้ต้องเผชิญความไม่สบายใจ และตกใจถึงเพียงนี้ จะอารมณ์เสียหน่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้ สามีเสียหน้าไปบ้างมิเป็นไร แต่หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปว่าน้องสี่เป็นคนไม่ไว้หน้าคงไม่ดีแน่
เจียงอีรู้สึกเป็นกังวลจึงกวาดสายตาดูรอบๆ หนึ่งที
ผู้คนบนถนนที่ยืนดูความคึกคักเมื่อสักครู่ ส่วนใหญ่ได้แยกย้ายกันกลับไปแล้ว แต่มีส่วนน้อยที่ว่างไม่มีธุระยังยืนดูความคึกคักต่อ
“น้องสี่ พี่รู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ ถ้ามีเรื่องอะไรเรากลับไปแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ” เจียงอีเกลี้ยกล่อมเสียงอ่อน ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเป็นกังวลและการขอร้อง
เจียงซื่อเพิกเฉยต่อคำร้องขอของเจียงอี นางยื่นมือออกไปตรงหน้าจูจื่ออวี้แล้วกางมือออกช้าๆ
ฝ่ามือสาวน้อยนวลขาว มีเข็มยาวหนึ่งแท่งวางอยู่บนั้น
สายตาจูจื่ออวี้พลันหดตัวลง แล้วมองเจียงซื่ออย่างงงงวย
หัวใจเจียงอีพลันเต้นเร็ว จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย “น้องสี่ เข็มนี่เอามาจากที่ใดรึ”
อย่าบอกว่าน้องสาวพกผงพริกกับหนอนแล้วยังพกเข็มยาวด้วยอีก?
ริมฝีปากเจียงซื่อตึงแน่น น้ำเสียงเย็นชา “เข็มนี่ดึงออกมาจากตรงก้นของม้า มันถูกฝังลึกอยู่ในผิวหนังแล้วเหลือท่อนเล็กไว้ท่อนหนึ่ง ข้าคิดว่า นี่คือสาเหตุที่ทำให้ม้าตื่นตกใจกะทันหัน”
เจียงซื่อไม่สนใจว่าคนรอบข้างได้ยินสิ่งนี้แล้วจะคิดอย่างไร นางจ้องจูจื่ออวี้ลึกเข้าไปข้างใน “พี่เขย ข้าคิดว่าคนขับรถม้าของจวนจูคงไม่ได้กระทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจหรอกกระมัง”
ประโยคเดียวของเจียงซื่อถึงกับทำให้จูจื่ออวี้หน้าดำคล้ำเครียด
เจียงอีมีท่าทีตกใจยิ่งกว่า นางพลั้งปากถามออกไป “เจ้าหมายความว่าคนขับรถม้าตั้งใจทิ่มเข็มนี้ลงไปรึน้องสี่”
เจียงซื่อก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วกล่าวเสียงนิ่ง “ม้าที่กำลังวิ่ง ถูกเข็มยาวหนึ่งแท่งทิ่มเข้าไปบริเวณรอบๆ ก้น พี่ใหญ่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่คนขับรถม้าสามารถทำได้ง่ายๆ หรือเจ้าคะ”
เจียงอีไม่สามารถโต้กลับ จึงหันหน้าไปหาจูจื่ออวี้
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้เกินความคาดหมายของนางเป็นอย่างมาก ทั้งหมดราวกับความฝัน
หลังจากได้สติ จูจื่ออวี้เขม่นตาให้กับคนขับรถม้าหนึ่งที แล้วหันมายิ้มให้กับเจียงซื่ออย่างฝืน “น้องสี่ ไว้ข้ากลับไปสอบสวนคนขับรถม้าอย่างจริงจัง เรื่องในวันนี้ อย่างไรข้าก็ต้องรายงานให้เจ้าทราบ ที่ตรงนี้มีคนมากมาย พวกเราไปกันก่อนดีกว่า”
เจียงซื่อส่ายหัว
จูจื่ออวี้ส่งสายตาให้กับเจียงอี
เจียงอีเก็บความคิดต่างๆ เข้าไปก่อน พลางเกลี้ยกล่อมตาม “นั่นน่ะสิน้องสี่ พี่เขยเจ้าพูดถูก ถ้ามีเรื่องอะไร เรากลับไปแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”
เจียงซื่อยืนนิ่งไม่ขยับ นางถอนหายใจและกล่าว “พี่ใหญ่เจ้าคะ หรือพี่ใหญ่คิดว่าคนขับรถม้าคนหนึ่งจะมุ่งเป้าหมายไปที่พี่คนเดียว?”
เจียงอีถูกถามจนตะลึง
เจียงซื่อหรี่ตามองจูจื่ออวี้ แล้วเอ่ยถามด้วยการยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม “หรือว่า พี่เขยก็คิดเช่นนั้นเจ้าคะ”
“ไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ…” สีหน้าจูจื่ออวี้แย่กว่าเดิมแต่แสดงอาการโกรธไม่ได้ เขาเอ่ยหน้านิ่งและให้คำมั่นว่า “ถ้ากลับไปแล้ว พี่จะสืบหาข้อเท็จจริงออกมาให้ได้ จะไม่ให้เจ้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าต้องไม่สบายใจโดยเสียเปล่าแน่”
เจ้าเด็กคนนี้ทำมากเกินไปแล้ว คิดก่อความวุ่นวายต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ ถ้าคนอื่นได้ยินว่าจวนจูมีคนขับรถม้าที่คิดจะทำร้ายเจ้านาย ก็ไม่รู้ว่าจะมีคำพูดไม่น่าฟังอะไรออกมาบ้าง
“พี่เขยจะรับรองอย่างไรเจ้าคะ” เจียงซื่อถามกลับ ยังไม่ทันให้จูจื่ออวี้ตอบกลับ นางพลางยิ้มเย็นชาและกล่าว “คนที่สั่งให้คนขับรถม้าทำร้ายคนต้องไม่ใช่คนทั่วไปแน่ ไม่แน่ว่าอาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากๆ กับพี่เขยก็เป็นได้ ถึงเวลานั้น ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพี่เขยจะจัดการด้วยความยุติธรรม ไม่แน่อาจหาแพะรับบาปคนหนึ่งเพื่อเอาไว้รับมือกับข้า”
หน้าผากจูจื่ออวี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมออกมา เขายิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “น้องสี่ ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้ แล้วจะให้พี่เขยอย่างข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใดเล่า เจ้าถามพี่ใหญ่เจ้าดูก็ได้…ข้ามิได้เป็นคนเช่นนั้น”
แน่นอนว่าเจียงอีก็ไม่ยอมให้น้องสาวกับสามีทะเลาะกันเช่นนี้ นางจึงไกล่เกลี้ยทั้งคู่ให้เข้าใจกัน “น้องสี่ พี่เขยเจ้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก…”
เจียงซื่อปัดมือ “พี่เขยไม่จำเป็นต้องดึงพี่ใหญ่มาเกี่ยวข้องด้วย จะว่าไปแล้ว พี่เขยก็คือเจ้านายของจวนจู เป็นคนที่สามารถเรียกคนขับรถม้าของจวนมาใช้ได้ทันที พี่เขยควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเป็นผู้ต้องสงสัยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“น้องสี่!” เจียงอีคิดไม่ถึงว่าเจียงซื่อจะพูดเช่นนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันใด
น้องสี่หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเรื่องในวันนี้ นางสงสัยว่าสามีเป็นคนสั่งการ?
ความคิดนี้ได้แล่นผ่านสมองของเจียงอี นางเพียงรู้สึกช่างน่าขำสิ้นดี นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าน้องสาวเอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว ถ้าหากเป็นแม่สามีที่คอยวิจารณ์ว่านางไม่มีทายาทสักทีหรือพี่สะใภ้ที่ชอบเปรียบกับเทียบนางเสมอยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นสามี…เป็นไปไม่ได้แน่
นางแต่งงานเข้าจวนจูแล้วหลายปี สามีดูแลปรนนิบัตินางอย่างรอบคอบทั่วถึงมาเสมอ เขาจะทำร้ายนางได้อย่างไร ปฏิกิริยาการตอบสนองของเจียงอีทำให้เจียงซื่อต้องยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ภายในใจ
นางนึกอยู่แล้ว การให้พี่ใหญ่ที่รักพี่เขยอย่างไม่มีเงื่อนไขให้เกิดสงสัยจูจื่ออวี้นั้นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่อุบัติเหตุในครั้งนี้ ทำให้นางยิ่งรู้สึกว่าจูจื่ออวี้นั้นมีปัญหา
ก่อนหน้านี้ที่เห็นพี่ใหญ่นั่งรถม้าแต่จูจื่ออวี้ขี่ม้า บางทีอาจไม่ได้เป็นเพราะนางไวต่อความรู้สึกมากไป แต่เป็นเพราะจูจื่ออวี้รู้ตั้งแต่แรกว่ารถม้าจะสูญเสียการควบคุม… แน่ล่ะ นั่นเป็นเพียงการคาดเดาของนางเอง แต่ภายหลังจากที่พี่ใหญ่ประสบเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิต การคาดเดานี้ก็น่าสงสัยขึ้นกว่าตอนแรกมาก
อีกสองเดือนกว่าชะตากรรมอันโหดร้ายของพี่ใหญ่จะมาถึง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจียงซื่อไม่มีวันปล่อยให้ความผิดปกติใดๆ พลาดไปแน่
จูจื่ออวี้แตะเจียงอีเบาๆ ท่าทีที่มีต่อเจียงซื่อยังคงเป็นความอ่อนโยน “ถ้าเช่นนั้นน้องสี่คิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะดี”
คนหนึ่งกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแต่ยังปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยน กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล เมื่อนำมาเทียบด้วยกัน มันทำให้เจียงซื่อกลายเป็นฝ่ายที่ไปบีบคั้น
เจียงซื่อไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นแม้แต่น้อย นางยกริมฝีปากขึ้นและกล่าว “เรื่องนี้ พี่เขยต้องไปอธิบายให้ชัดเจนกับท่านพ่อด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
นางไม่สนใจว่าใครเป็นผู้บงการคนขับรถม้า ในเมื่อชีวิตของพี่ใหญ่ถูกข่มขู่ ถ้าหากญาติฝ่ายหญิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คนที่คิดทำร้ายพี่ใหญ่ต้องเหิมเกริมยิ่งกว่าเดิมในภายหลังเป็นแน่
“นั่นมันแน่อยู่แล้วล่ะ” จูจื่ออวี้ตอบรับทันที
น้องสาวของภรรยามีนิสัยเช่นนี้ คงไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ การเดินทางไปขอรับการให้อภัยด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว
เจียงซื่อพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเงยคางเนียนขาวขึ้นมา “รถม้าสูญเสียการควบคุม บนรถม้ามีสตรีอ่อนแออยู่สองคน นี่เป็นการลอบฆ่า ดังนั้น ข้าจะไปฟ้องต่อทางการ!”
นางไม่สนใจว่าทางการจะสืบพบผู้ที่คิดร้ายกับพี่ใหญ่หรือไม่ ขอเพียงได้ฟ้องเรื่องนี้ต่อทางการ แล้วเรื่องแพร่งกระจายออกไป ผู้คนก็จะจำภาพไว้ว่าในจวนจูมีคนคิดทำร้ายพี่ใหญ่ เช่นนั้นแล้ว พอวันนั้นมาถึง ถึงนางไม่สามารถห้ามเรื่องที่พี่ใหญ่ ‘เป็นชู้’ กับคนนั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ อย่างน้อยก็ยังพอมีที่ว่างให้สู้กลับได้
เหตุผลง่ายมาก ในเมื่อมีคนใช้คนขับรถม้าทำร้ายพี่ใหญ่ จะทำร้ายด้วยวิธีอื่นอีกก็ไม่น่าแปลก
ที่เจียงซื่อทำเช่นนี้ ก็เพื่อเปลี่ยนจากถูกกระทำเป็นผู้กระทำ โดยการคว้าเสี้ยวโอกาสนั้นเอาไว้ก่อน
“ไม่ได้!”