ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 27 เรื่องสนุก
ทั้งอาหมานและอาเฉี่ยวต่างรอคอยเรื่องสนุกในวันพรุ่งนี้ ตลอดทั้งคืนจึงนอนหลับไม่ค่อยสนิท พอรุ่งเช้าขอบตาล่างจึงปรากฎรอยดำอยู่บ้าง
เจียงซื่ออารมณ์แจ่มใส พอเสร็จธุระในตอนเช้าก็ออกไปคารวะทักทายที่เรือนฉือซินอย่างสดชื่น
เฝิงเหล่าฮูหยินเองก็นอนหลับไม่ค่อยสนิท
เดิมทีผู้สูงวัยก็นอนหลับไม่สนิทอยู่แล้ว ยิ่งในใจกลับมีเรื่องรบกวนอยู่ด้วย บวกกับเรื่องที่นางฝันในคืนนั้นอีก จนบัดนี้ตาซ้ายของนางก็กระตุกไม่หาย
พอเห็นเจียงซื่อท่าทางสดชื่นแจ่มใส จิตใจของนางก็ยิ่งว้าวุ่น
หากไม่ใช่เพราะเจ้าหนูคนนี้ นางคงไม่ต้องนอนพลิกไปมาทั้งคืน
เจ้าหนูนี่ใช้สินเดิมมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับนาง แล้วต่อไปจะมาขออะไรกับนางอีกหรือไม่
เดิมทีในใจเฝิงเหล่าฮูหยินตั้งใจจะสั่งสอนเจียงซื่อสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น
เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อที่พาสองบุตรสาวบ้านรองมาถึงก่อนเจียงซื่อไปก้าวหนึ่ง พอเห็นเจียงซื่อเข้ามาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ก็อดให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำกับป้าหลิวแม่ครัวลงไปไม่ได้ ยิ่งคิดปากนางก็เชิดขึ้นด้วยความหงุดหงิด
อีกครู่คงมีเรื่องสนุกให้ชม ลองดูสิว่าเจียงซื่อจะหาทางออกให้ตนเองอย่างไร
“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว” เฝิงเหล่าฮูหยินยกน้ำชาขึ้นดื่ม
เซียวซื่อที่พาคุณหนูห้าเจียงลี่และคุณหนูหกเจียงเพ่ยขอตัวกลับไปก่อน ซานไท่ไท่กัวซื่อจึงนำคุณหนูสามเจียงเชี่ยวลุกขึ้น
พอคนเริ่มทะยอยเดินออกไปข้างนอก ถึงแม่ว่าเจียงซื่อจะเป็นคุณหนูบ้านใหญ่ แต่เพราะเป็นผู้น้อย จึงต้องลุกออกคนสุดท้าย
พอเดินไปถึงข้างบุตรสาวของซานไท่ไท่ที่กำลังก้มหน้าอยู่ ทำให้เจียงซื่อรู้สึกสนุกจึงเลิกคิ้วขึ้น
เจียงซื่อมองไปยังเจียงเชี่ยว นึกอะไรในใจเงียบๆ
จวนตงผิงปั๋วมีทั้งหมดสามเรือน เรือนนายท่านเจียงสามนั้นเป็นลูกบ้านอนุ จึงไม่ค่อยแสดงตัวโดดเด่นอะไรมากนัก ซานไท่ไท่เอง หากอยู่นอกเรือนมักจะไม่ค่อยพูด มีแต่ลูกสาวเจียงเชี่ยวที่ค่อนข้างจะร่าเริง
แต่นี่ก็ค่อนข้างแปลก นายท่านสามเป็นลูกอนุ แต่กลับมีลูกชายหนึ่งลูกสาวหนึ่ง เจียงเชี่ยวเองก็ถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม
และเจียงเชี่ยวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงมนั้นก็ค่อนข้างไม่ถูกกันกับเจียงซื่อ
จวนปั๋วมีคุณหนูทั้งหมดหกคน มีสองคนนี้ที่อายุเท่ากัน แต่เจียงเชี่ยวนั้นแก่เดือนกว่าเจียงซื่อ จะกล่าวได้ว่าเพราะอายุไล่เลี่ยกันจึงกระทบกระทั่งกันบ้าง ซึ่งแท้จริงแล้วเรื่องที่ทำให้ไม่ถูกกันนั่นก็คือเรื่องแต่งเข้าจวนอันกั๋วกง
ในเหตุการณ์ที่ดินถล่มตอนนั้น อันกั๋วกงถูกเจียงอันเฉิงและนายท่านสามเจียงยื่นมือเข้าช่วย ทำให้จวนอันกั๋วกงจึงทำสัญญาหมั้นหมายกับจวนตงผิงปั๋วเอาไว้ จวบจนกระทั่งส่งเจียงซื่อแต่งเข้าไป
เจียงเชี่ยวที่แก่กว่าเจียงซื่อย่อมไม่พอใจอยู่บ้าง ส่วนเจียงซื่อเองก็เป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอ ปากคอเราะร้าย มีครั้งหนึ่งพลั้งปากกล่าวกับเจียงเชี่ยวไปว่า ใครใช้ให้บิดาของเจ้าไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งท่านปั๋วกันล่ะ
คำพูดนี้ทำให้เจียงเชี่ยวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง หลังจากนั้นมาเมื่อได้พบหน้าเจียงซื่อต่างก็ไม่มองหน้ากันอีกเลย
เจียงซื่อเองก็จดจำได้ดี นางเป็นหม้ายแต่งกับจวนอันกั๋วกงไม่ถึงปี เรื่องซุบซิบนินทาจากภายนอกมีให้ได้ยินมากมาย และนางเองก็เตรียมตัวเตรียมใจรอฟังคำถากถางจากเจียงเชี่ยวอยู่ก่อนแล้ว
เจียงเชี่ยวผู้ที่ไม่เคยไว้หน้าใครกลับเข้ามากอดนาง
พอคิดถึงตรงนี้เจียงซื่อก็ยิ้มกลับให้นาง
เจียงเชี่ยวตะลึงไปชั่วครู่
เจียงซื่อที่ปกติสายแทบจะไม่มีใครในสายตา วันนี้กลับยิ้มให้นาง ยิ้มที่ไม่ใช้ยิ้มเย็นชา ยิ้มที่ไม่ใช้รอยยิ้มเยาะเย้ย แต่เป็นยิ้มที่คนปกติยิ้มให้แก่กัน
ต้องมีอะไรผิดปกติแน่
เจียงเชี่ยวนิ่งอึ้งพยายามเก็บสายตารักษาท่าที และหลบไปยืนอยู่หลังซานไท่ไท่
กลุ่มคนเดินอาดๆ ออกมาจากเรือนฉือซิน ทันใดนั้นก็มีเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามา
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จึงทำให้ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่
เงาสายนั้นมุ่งตรงไปทางเจียงซื่อ จนทำให้อาหมานที่อยู่หลังเจียงซื่อซวนเซตัวแทบกระเด็น
เงาสายนั้นคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจียงซื่อ ทั้งโขกหน้าผากลงพื้นพลางพูดขึ้นมา “คุณหนูสี่เจ้าคะ บ่าวขอร้องเถิดเจ้าค่ะ อภัยให้บ่าวด้วย เหลือทางใช้ชีวิตให้ครอบครัวของบ่าวด้วยนะเจ้าคะ บ่าวโขกศีรษะขอร้องล่ะเจ้าค่ะ”
เงาสายนั้นที่พุ่งเข้ามาก็คือป้าหลิวนั่นเอง
ในเวลานี้สามบ้านล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด สายตาทุกคู่จ้องไปทางเจียงซื่อ
ในโลกนี้กำแพงมีหูประตูมีช่อง เรื่องราวของเจียงซื่อเมื่อคืนนี้ล้วนกระจายไปทั่วหมดเสียแล้ว
เจียงซื่อมองไปทางป้าหลิวที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าตนอย่างนิ่งเงียบ
“คุณหนูเจ้าคะ เป็นบ่าวผิดเองที่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ลงมือทำร้ายคุณหนู ขอคุณหนูเมตตาบ่าวด้วยเถิดนะเจ้าคะ คิดเสียว่าบ่าวไม่ได้ทำอะไรก็แล้วกันนะเจ้าคะ บ่าวสำนักผิดแล้วจริงๆ ต่อไปนี้บ่าวไม่กล้า…” ป้าหลิวใช้สองมือตบใบหน้าตัวเองจนแดงเถือก
นอกจากคนที่เพิ่งเดินออกมาจากเรือนฉือซินแล้ว ยังมีคนอื่นที่อยู่ข้างนอกเริ่มซุบซิบกันขึ้นมา
“ป้าหลิวน่าสงสารจริงๆ นะ”
“นั่นน่ะสิ ถึงแม้ว่าจะทำผิดไป แต่ไล่ให้ทั้งครอบครัวออกไปอยู่ชนบทเช่นนี้ก็ทำเกินเหตุไปหน่อย”
…
บรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลายต่างไม่สนใจว่าป้าหลิวไปทำความผิดอะไรมา พอได้ยินว่าถูกไล่ไปอยู่ชนบทเท่านั้นก็อดสงสารไม่ได้
“ถ้าพวกเจ้ายังจะกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะฉีกปากให้ขาดเลยคอยดู” อาหมานพูดอย่างโกรธเคือง
เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อมองดูด้วยแววตาสะใจ อัดอั้นตันใจมาทั้งคืนในที่สุดก็ได้ระบายออกมา
ป้าหลิวมาขอร้องก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว เจียงซื่อในสายตาบรรดาบ่าวรับใช้อีกไม่นานก็คงถูกพูดถึงในทางไม่ดี ต่อไปนี้จะมีจวนดีๆ มีฐานะที่ไหนกล้ามาสู่ขอนางอีก
จะมีอะไรมาแก้แค้นหญิงสาวได้ดีไปกว่าการทำลายงานแต่งดีๆ ของนางได้
ป้าหลิวร้องขอจนฟ้าจะถล่มดินจะทะลาย จนบ่าวรับใช้ในเรือฉือซินออกมาดู
“เกิดอะไรขึ้นกัน” เฝิงเหล่าฮูหยินเดิมทีที่พักสายตาไปแล้วจึงถามอาฝูขึ้นมา “ข้างนอกเอะอะอะไรกัน”
อาฝูเดินออกไปดูข้างนอก เพียงไม่นานก็กลับเข้ามารายงาน “ไม่ทราบว่าป้าหลิวเข้ามาได้อย่างไรเจ้าค่ะ ตอนนี้ร้องไห้อยู่ต่อหน้าคุณหนูสี่”
เฝิงเหล่าฮูหยินแค่นเสียงในใจพลางยื่นมือออกมา “ประคองข้าออกไปดูหน่อย”
“เอ้อร์ไท่ไท่ เหล่าฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ เอ้อร์ไท่ไท่เซียวซื่อเอ่ยขึ้นเบาๆ
เซียวซื่อเลิกคิ้วสูง
เหล่าฮูหยินออกมาพอดี จะได้เห็นความอัปยศของนังเด็กสมควรตายนี่
ป้าหลิวมองไปทางเฝิงเหล่าฮูหยินที่กำลังเดินมา มองไปยังเซียวซื่อแวบหนึ่ง
เซียวซื่อจึงส่งสายตากลับ
ทันใดนั้นป้าหลิวก็ลุกขึ้นแล้วตะโกนขึ้นมา “ในเมื่อคุณหนูสี่ไม่ยอมอภัยให้บ่าว บ่าวขอตายดีกว่าเจ้าค่ะ ฝากคุณหนูสี่ดูแลครอบครัวของบ่าวด้วย”
ป้าหลิวพูดพลางมองไปยังกำแพงของเรือน
กรี้ดด หลายคนตกใจจนรีบปิดตา แต่กลับไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ในใจ
ตอนที่ทุกคนลืมตาขึ้นมาก็เห็นอาหมานเหยียบชายกระโปรงของป้าหลิวเอาไว้ ป้าหลิวเองก็ล้มลงกระโปรงขาดนอนอ้าปากพะงาบๆ อยู่กับพื้น ทันใดนั้นเองทุกคนก็เห็นชุดชั้นในที่ขาดเป็นรูโผล่ออกมา
จากสถานการณ์ที่เงียบกริบกลายเป็นเสียงหัวเราะ ไม่รู้ว่าใครใจกล้ากล่าวขึ้นมาประโยคนึง “ที่แท้ป้าหลิวก็เป็นคนมัธยัสถ์นี่เอง”
ทุกคนหัวเราะกันสนุกสนาน
อาหมานเองยังไม่ยอมเอาเท้าที่เหยียบชายกระโปรงของป้าหลิวออก อีกทั้งกล่าวสมทบอย่างเย้ยหยันว่า “อยากจะตายแต่ดันสร้างเรื่องเอาไว้ คุณหนูของพวกข้าตกใจขนาดนี้ใครจะรับผิดชอบ”
นังแก่เลอะเลือน มิน่าคุณหนูสั่งให้ดูไว้อย่าให้คลาดสายตา ที่แท้จะทำเช่นนี้นี่เอง