ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 273 ลักพาตัวผิดคน
เซียวซื่ออยู่ในห้องเล็กต่ำเตี้ยห้องหนึ่ง คานของหลังคาสามารถมองเห็นไม้เน่าเสียเป็นวงกว้างที่แมลงกินเข้าไป และหน้าต่างสูงบนผนัง ถึงจะเขย่งเท้าแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้ ตรงปลายเท้ามีฟางแห้งสีเหลือง ผนังด้านข้างกองไว้ด้วยฟืน มีกลิ่นเหม็นอับจางๆ ลอยมาแตะจมูก
เซียวซื่อมองกองฟืนอยู่นานถึงเข้าใจ นี่คือห้องเก็บฟืน!
ใครเป็นคนลักพาตัวนางมาที่ห้องเก็บฟืน
โจรกรรม? ถ้าใช่ แล้วเหตุใดถึงไม่มีใครมาเจรจาด้วย? เซี่ยวซื่อมั่นใจ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการเท่าไหร่ ขอเพียงจวนปั๋วมีมากพอ อย่างไรก็ต้องให้ เพราะนางเป็นแม่ของเด็กถึงสามคน แม่สามีจะจุกจิกแค่ไหน ก็ไม่มีทางไม่สนใจ!
แต่ถ้าข่มขืน…เซียวซื่อรู้สึกหวาดกลัวพลางลูบแก้ม
ปัจจุบันนางมีอายุยังไม่ถึงสี่สิบ บำรุงผิวพรรณเป็นอย่างดีเสมอมา เมื่อคิดลึกลงไป ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
ความคิดนี้ทำให้เซียวซื่อกังวลอย่างอดไม่ได้
หากนางถูกข่มขืนจริงๆ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามไม่เอาชีวิต แต่จวนปั๋วก็ไม่ยอมรับนางเช่นกัน
“มีใครอยู่ข้างนอกหรือไม่ๆ” เซียวซื่อพุ่งไปที่ประตู แล้วออกแรงทุบประตูไม้
ภายในห้องโถงที่ไม่ไกลจากตรงนี้ ชุยอี้หยิบไม้เท้าขึ้นฟาดลงที่ร่างของชายหนุ่มสองคน เขาฟาดไปพร้อมกับตะโกน “พวกเจ้าเป็นง่อยหรืออย่างไร ข้าให้พวกเจ้าจับตัวคุณหนูสี่จวนตงผิงปั๋ว พวกเจ้าจับตัวอาสะใภ้ของนางมาแทน! พวกเจ้าเก่งถึงขนาดนี้ ทำไมถึงไม่จับตัวพ่อของนางมาด้วยเลยเล่า”
ชายหนุ่มสองคนไม่กล้าหลบ ยอมถูกไม้เท้าฟาดลงที่ร่างกายโดยไม่ขัดขืนและร้องขอให้ไว้ชีวิต “ได้โปรดคุณชายไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าจับตาจวนตงผิงปั๋วตลอด ทั้งๆ ที่ได้ยินว่าคุณหนูเจียงสี่จะไปไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋น แต่ใครจะรู้ ว่ารถม้าที่โจรกรรมมากลับเป็นมนุษย์ป้าคนหนึ่ง…”
พอได้ฟัง ชุยอี้โกรธจนเส้นเอ็นที่ปูดขึ้นมากระตุก เขาออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม “ใครจะรู้ ถ้าพวกเจ้าไม่รู้ แล้วข้าจะเป็นคนรู้รึ พวกเจ้านี่มันโง่เสียจริง ไม่รู้จักเปิดผ้าม่านออกแล้วดูก่อนหรืออย่างไร”
ชายหนุ่มสองคนน้อยใจมากที่สุด…พวกเขาไม่ถนัดงานโจรกรรมเสียหน่อย และไม่ได้เป็นพวกใช้กำลังหาเลี้ยงชีพด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง หลังจากลักพาตัวเสร็จ คิดแต่ว่าต้องรีบหนียังคิดแทบไม่ทัน แล้วใครจะมีเวลาไปเปิดม่านดูเพื่อยืนยันอีกเล่า
ชุยอี้ฟาดจนเหนื่อย จึงโยนไม้เท้าออกไปข้างๆ มือจับที่วางมือของเก้าอี้และหายใจหอบ
เขาเองก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่เกิดเรื่องที่แม่น้ำจินสุ่ย จนถึงตอนนี้ขาก็ยังไม่ดีขึ้น เวลาไปที่ไหนก็ต้องให้คนยกเก้าอี้ที่ตนเองนั่ง
ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือบิดาเรียกอารักขาสองคน ชุยเฉิงและชุยกงกลับไป ทำให้เขาต้องใช้งานคนโง่สองคนนี้แทน ส่วนมารดาที่กลับมาจากการพักร้อน พอได้ยินเรื่องของเขาก็มิได้เอ่ยคำใด ดูจากท่าทาง ก็คงไม่ได้คิดจะออกหน้าแทนเขา
ชุยอี้โตป่านนี้เคยอัดอั้นตันใจเพียงนี้เมื่อไหร่กัน ไฟที่เก็บเอาไว้อยากจะมอบให้กับเจียงจั้น แต่เจียงจั้นกลับเข้าไปอยู่หน่วยองครักษ์จินอู๋แล้ว ด้วยความที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกทำให้จัดการคนยาก เขาจึงเปลี่ยนไปจับจ้องเจียงซื่อแทน
เจียงจั้นรักน้องสาวเขามากมิใช่หรือ ถ้าเช่นนั้น ก็สั่งสอนน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขาให้สาสม ให้เจ้าหมอนั่นไม่มีแม้แต่สถานที่ที่จะร้องไห้
เมื่อเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเจียงซื่อ ชุยอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว
จัดการสตรีหนึ่งคน ง่ายกว่าจัดการคนบุ่มบ่าม และผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมดีกว่าต่อยเจียงจั้นสักตั้งมาก
ชุยอี้ยังสามารถจินตนาการถึงความเศร้าโศกของเจียงจั้น เมื่อเขารู้ว่าน้องสาวของเขาหายตัวไป แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนโง่สองคนจะลักพาตัวคนผิด!
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับคุณชาย” คนหนุ่มหนึ่งในนั้นเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ทำอย่างไร? เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือว่าทำอย่างไร” ชุยอีอยากฟาดไม้เท้าใส่คนอีกครั้ง
เขาวางแผนตั้งแต่แรก ว่าจะลักพาตัวคุณหนูเจียงมากลั่นแกล้งสักหน่อยแล้วจึงปล่อยตัว เมื่อชื่อเสียงของคุณหนูเจียงเสียหาย ก็ถือว่าเป็นการโจมตีเจียงจั้นอยากหนัก แน่นอนว่าไม่ใช่การข่มขืน เขายังไม่เลวถึงขั้นทำเรื่องไร้ศักดิ์ศรีเช่นนั้น การฆาตกรรมยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะปัญหาหลังจากฆ่าคนเสร็จนั้นมีมาก ถ้าต้องเจอกับหมาบ้าเจินซื่อเฉิงอีกจะทำอย่างไร
ชุยอี้คิดว่า เขาปล่อยเจียงซื่อกลับไปเงียบๆ จวนตงผิดปั๋วคงไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ส่วนเขาได้ทั้งระบายความโมโหออกไปและได้ถอยออกมาอย่างปลอดภัย แผนนี้ช่างสมบูรณ์ยิ่งนัก
แต่ตอนนี้ แผนอันสมบูรณ์แบบได้กลายเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก
“หรือจัดการด้วยวิธีเดียวกันกับสาวรับใช้ของนาง ขายออกไปเลยขอรับ” คนหนุ่มอีกหนึ่งคนแสดงความคิดเห็นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
วันนี้เซียวซื่อออกจากจวนอย่างเรียบง่าย นอกจากคนขับรถม้า มีสาวรับใช้ข้างกายหงเย่ว์ติดตามหนึ่งคน นั่งอยู่บนรถม้าพร้อมกับนาง
หลังจากถูกลักพาตัว เซียวซื่อกับหงเย่ว์ถูกนำตัวมาที่นี่พร้อมกัน เซียวซื่อหมดสติเพราะหวาดกลัวบวกกับรถม้าที่โยกอย่างรุนแรง บ่าวรับใช้ผู้ชายสองคนรับรู้สถานะของเซียวซื่อจากการถามหงเย่ว์ เมื่อรู้ว่าลักพาตัวผิดคน ก็รวมหัวกันขายหงเย่ว์ออกไป ส่วนเซียวซื่อ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ
ถึงลักพาตัวผิดคน ก็ยังคงเป็นคนของจวนตงผิงปั๋ว ส่วนจะจัดการอย่างไรต่อไปต้องให้เจ้านายเป็นคนตัดสินใจ
ชุยอี้ยกมือขึ้นฟาดหน้าคนหนุ่มหนึ่งที และกล่าวอย่างโมโห “เจ้าคิดว่าป้าคนนั้นคือหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนหรือไง จะมีเรือบุปผาลำไหนรับไว้? ตระกูลไหนจะอยากได้!”
สงบอารมณ์ได้ครู่หนึ่ง ชุยอี้ถอนหายใจ “รีบๆ ไปปล่อยคนซะ อย่าให้นางเห็นหน้าพวกเจ้า”
คนหนุ่มสองคนตบหน้าอกแสดงความมั่นใจ “คุณชายวางใจได้ขอรับ ข้าน้อยปิดหน้าตลอดเวลา สาวรับใช้คนนั้นไม่เห็นหน้าตาของพวกเราตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนป้าคนนั้นก็ยิ่งไม่เห็นขอรับ”
“พาออกไปให้ไกลจากตรงนี้หน่อยแล้วค่อยปล่อยคน” รู้สึกว่าสองคนนี้โง่เกินไป ชุยอี้จึงกำชับอีกครั้ง
เวลานี้ นายท่านรองเจียงและคนอื่นๆ ที่ออกไปตามหาคนเริ่มทยอยกลับเข้ามา บรรยากาศภายในเรือนฉือซินตึงเครียด
“ไม่พบ?” เฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยถามเสียงขรึม
นายท่านรองเจียงไม่เอ่ยคำใด สีหน้าเข้มขรึมราวกับพายุฝนที่ก่อตัวไว้นาน มืดครึ้มน่ากลัวมาก
นายท่านสามเจียงเอ่ยขึ้นมา “พบเพียงรถม้าที่ถูกทิ้งไว้ตรงถนนที่อยู่ไม่ไกลมากจากแม่น้ำจินสุ่ย…”
หนังตาของเฝิงเหล่าฮูหยินกระตุก
แม่น้ำจินสุ่ย?
เมื่อเอ่ยถึงสี่คำนี้ คนเมืองหลวงมีใครไม่รู้บ้างว่าที่นั่นเป็นแหล่งโสเภณีอันโด่งดัง รถม้าของจวนปั๋วปรากฏขึ้นที่นั่นหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเซียวซื่อ…
เมื่อความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามา แม้แต่เฝิงเหล่าฮูหยินก็ยังรู้สึกช่างน่าขัน นอกเสียจากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนป่วย ถึงได้พาหญิงวัยกลางคนไปขายที่นั่น
“ข้าว่าเรื่องนี้น่าแปลก” นายท่านรองเจียงเช็ดหน้าหนึ่งที จึงเริ่มกล่าว
เวลาทำงานเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการล่วงเกินคนที่เป็นราชการด้วยกันได้ แต่นี่เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองหรือการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งไม่น่าแปลก แต่ใครจะกล้าลักพาตัวภรรยาของขุนนาง คนๆ นั้นมีโรคประสาทแล้วกระมัง
“เหล่าฮูหยิน นายท่าน…” สาวรับใช้อายุมากคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก
“เกิดสิ่งใดขึ้น” เหล่าเจ้านายเอ่ยถามพร้อมกัน
สาวรับใช้อายุมากเอ่ยตอบพร้อมหอบ “เอ้อร์ไท่ไท่ เอ้อร์ไท่ไท่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
นายท่านรองเจียงดีดตัวขึ้นแล้วก้าวเท้ากว้างเดินออกไปทันที
เฝิงเหล่าฮูหยินขมวดคิ้วและเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นนั่งลง
เซียวซื่อยืนอยู่ด้านหน้าประตูจวนปั๋ว มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ คนพวกนั้นไม่ได้โจรกรรมและไม่ได้ข่มขืน ปล่อยนางกลับมาเลย?
เซียวซื่อเดินเข้าไปสภาพสะลึมสะลือ จนชนกับนายท่านรองเจียง พลันสะดุ้งและได้สติ