ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 277 มีปัญหา
ช่วงเวลานี้อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะการนั่งอยู่ในศาลาที่เปิดโล่งทั้งสี่ด้านเช่นนี้ แต่อวี้จิ่นรู้สึกว่าอุณหภูมิในศาลาสูงกว่าด้านนอก จึงยกมือขึ้นดึงคอเสื้อ
อืมมม ถ้าเปิดเสื้อออกเล็กน้อยเพื่อระบายอากาศ อาซื่อจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาทำตัวไม่ให้เกียรติหรือไม่…
เขาไม่กล้าเปิดเสื้อหรอก โอกาสได้อยู่ตามลำพังนั้นไม่ง่าย ได้พูดคุยสักสองประโยคก็ยังดี อวี้จิ่นครุ่นคิดไปมา จึงเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “คนขับรถม้าเสียชีวิต คงตรวจสอบอะไรไม่พบแล้ว”
พอพูดจบ อวี้จิ่นอยากตบหน้าตัวเองหนึ่งที
การพูดแบบนี้เป็นการทำให้อาซื่อคับข้องใจมิใช่หรือ!
เจียงซื่อรู้สึกโล่งอกกับอวี้จิ่นที่ใช้ความคิดไปกับเรื่องจริงจังแทนเรื่องไร้สาระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย นางพยักหน้าและกล่าว “ข้ารู้”
คนขับรถม้าเลือกจบชีวิตคงเพราะรู้ว่าหนีการลงโทษไม่พ้น จึงตัดสินใจรับความผิดไว้คนเดียว และหวังว่าผู้สั่งการจะเมตตาครอบครัวของเขา ถ้าอยากตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง สิ่งสำคัญอันดับแรก คือความร่วมมือจากคนในครอบครัวของผู้ถูกกระทำ
อย่างเช่นคดีจวนหย่งชังปั๋ว ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นหย่งชังปั๋วหรือบุตรสาวทั้งสองคน ต่างก็คาดหวังให้หาฆาตรกรตัวจริงที่ทำร้ายหย่งชัวปั๋วฮูหยินออกมาให้ได้ แล้วสิ่งที่ใต้เท้าจินต้องทำก็คือยืนยันฆาตรกรจากเบาะแสต่างๆ นานาที่มี
แต่เหตุการณ์ตรงหน้าแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
ครอบครัวตระกูลจูไม่ต้องการให้ข้าราชการเข้ามาแทรกแซง พอคนขับรถม้าเสียชีวิต ขอเพียงแค่คนทั้งจวนไม่พูดออกไป อย่าว่าแต่อวี้จิ่น ถึงเป็นใต้เท้าเจินก็หมดหนทางเช่นกัน
เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องที่ยากสำหรับขุนนาง นี่เป็นเหตุผลว่าเวลามีเหตุเกิดขึ้นในครอบครัว หลายๆ ครอบครัวจะแก้ปัญหาด้วยการให้ผู้อาวุโสของตระกูลเป็นคนตัดสินใจแล้วจัดการกันภายใน และไม่ให้ทางการเข้ามาแทรกแซง
โชคดีที่เจียงซื่อไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รู้ความจริงจากคนขับรถม้า นางจึงเลือกไปรายงานกับทางการ เพื่อให้เรื่องใหญ่ขึ้นและทำให้อยู่ในที่สว่าง แล้วในระยะสั้นนี้ หากว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการเล่นงานพี่ใหญ่คงต้องคิดใหม่ ถึงแม้นางมีกำลังไม่มาก ไม่สามารถห้ามเรื่องพี่ใหญ่ ‘มีชู้’ เรื่องนั้นได้ พอถึงเวลานั้น อย่างน้อยก็มีกำลังโจมตีกลับ
หลังจากเรื่องที่สองสามีภรรยาหย่งชังปั๋วเสียชีวิตพร้อมกัน เจียงซื่อรู้ว่าการที่ตนเองจะรู้เรื่องอนาคตบ้างก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องเหล่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของนาง
“เรื่องที่ข้าอยากพูดกับท่านไม่ใช่เรื่องจวนจู”
อวี้จิ่นพลันนั่งหลังตรง หัวใจเต้น ตุบๆ ไม่เป็นจังหวะ
มีความรู้สึกว่าคำพูดต่อไปของเจียงซื่อสำคัญมาก เป็นไปได้ไหมที่เขานิ่งไปพักหนึ่ง แล้วอาซื่อจะคิดได้
อวี้จิ่นคาดเดาอยู่ในใจ เขาได้จินตนาการถึงขั้นว่าจะตั้งชื่อลูกคนแรกกับอาซื่อว่าอะไร แต่ภายนอกยังคงไว้ด้วยท่าทางจริงจัง “คุณหนูเจียงจะพูดกับข้าเรื่องอะไรรึ”
เจียงซื่อกระดกมุมปาก พลางคิดในใจ หากว่าอวี้ชีสามารถรักษาท่าทีไร้เรื่องหนุ่มสาวไว้ได้ทุกครั้ง เขาสองคนก็คุยกันดีๆ ได้เหมือนกัน
อวี้จิ่นมีประสาทสัมผัสที่ไวแค่ไหน เขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีที่เจียงซื่อแสดงออกมา พลันตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
เขาไม่ได้คิดไปเอง ท่าทีของอาซื่อที่มีต่อเขามันอ่อนลงจริงๆ
ทำอย่างไรดี หากว่าอาซื่อเผยความในใจกับเขา เขาควรจะเปิดเผยสถานะเลยหรือไม่
ปิดบังอาซื่อตลอดไปเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแน่ๆ แต่ถ้าสถานะองค์ชายทำให้อาซื่อตกใจหนีไปเล่า!
อวี้จิ่นกำลังลำบากใจ จึงฟังเจียงซื่อกล่าว “วันนี้ข้าบังเอิญพบกับบุรุษสองคนที่วัดไป๋อวิ๋น ข้าได้ยินพวกเขาพูดว่าจะเล่นงานท่าน…”
เมื่อเห็นสีหน้าและอาการที่แปลกประหลาดของอี้จิ่น เจียงซื่อจึงหยุดเรื่องที่จะพูดและเอ่ยถาม “ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
อวี้จิ่นถอนหายใจยาวเฮือก พลางเก็บความผิดหวังอย่างมืดฟ้ามัวดินที่แทบจะกดทับเขาให้จมน้ำตาย เสร็จแล้วจึงเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา “จากนั้นล่ะ”
เจียงซื่อมองเขาด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ยินว่ามีคนจะเล่นงาน แต่เขากลับนิ่งสงบได้ถึงเพียงนี้?
ใช่ เขาเป็นองค์ชาย ไม่ว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ มีใครบ้างที่ไม่ได้เติบโตอยู่ในแผนการของผู้อื่น เขาไม่มีท่าทีใดๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
เจียงซื่อตัดสินใจพูดตรงๆ “พวกเขาคิดใช้แผนกลยุทธ์สาวงามกับท่าน”
อวี้จิ่นพลันหัวเราะ “แผนกุลยุทธ์สาวงาม? คิดเพ้อเจ้อ”
บนโลกนี้ คนที่มีรูปร่างหน้าตาดีกว่าเขาคงมีไม่มากหรอกกระมัง
แล้วอีกอย่าง เขาเป็นของอาซื่อ ถ้าอาซื่อใช้กลยุทธ์สาวงามกับเขา เขายอมให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ แต่ทว่าเป็นคนอื่น…
อวี้จิ่นหัวเราะเย็นชา
มีชีวิตดีๆ ไม่ชอบหรืออย่างไร เหตุใดถึงรนหาที่ตายเล่า
เมื่อเห็นว่าอวี้จิ่นไม่เชื่อ อาซื่อย่นคิ้วไม่รู้ตัว
อวี้จิ่นเห็นจึงรีบกล่าว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะระวังให้มาก”
เจียงซื่อเหลือกตาโตให้เขาหนึ่งที
เพิ่งจะพูดไปว่าเขากลับตัวเป็นคนดีแล้ว นี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ให้นางวางใจ? นางมีอะไรที่ไม่วางใจหรือ ที่นางเอ่ยเตือน ก็เพียงเพราะหวังดี ถึงรู้ว่าเพื่อนทั่วไปคนหนึ่งมีอันตราย นางก็จะเตือนด้วยความหวังดีเช่นกัน
คุณหนูเจียงอธิบายอยู่คนเดียวภายในใจ พลันเผลอไปสบตากับดวงตาของอีกฝ่ายที่สดใสราวกับน้ำใสที่ไหลริน วินาทีนั้น ภายในศาลาเงียบสงบ มีเพียงเสียง ซู่วว ของลมที่พัดผ่านดอกไม้ใบหญ้า กับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของสุนัขตัวใหญ่
มองจากระยะไกล คนสองคนที่อยู่ในศาลานั่งอยู่ตรงข้ามกัน สุนัขหมอบอยู่ด้านนอกศาลาและกระดิกหางอย่างสบายใจ ทุกอย่างหลอมรวมกลายเป็นภาพนิ่งภาพหนึ่ง ที่มีความงดงามจนชวนให้ใจอ่อนระทวย
เจียงอันเฉิงจับจ้องไม่ขยับไปไหน เอ่อล้นไปด้วยความชอบใจ
เป็นดั่งที่คิด ซื่อเอ๋อร์เหมาะสมกับเสี่ยวอวี๋เหมือนกัน…แต่บุตรชายของพี่เจินที่สอบระดับท้องถิ่นได้ที่หนึ่งก็ดีเช่นกัน…
เวลาที่บุตรสาวแสดงออกว่าไม่มีชายหนุ่มในดวงใจ เจียงอันเฉิงลิงโลดอยู่ในใจ แต่เมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ในศาลาตอนนี้มีความเป็นไปได้ คนแซ่เจียงบางคนเริ่มอยากเป็นพ่อสื่อเสียจนตัวสั่น
“พวกเขาพูดว่าจะหาสตรีที่มีรูปหน้าคล้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์มาใกล้ชิดท่าน เอาเป็นว่า ท่านระวังตัวไว้ก็พอ” เจียงซื่อเอ่ยถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาการตอบสนองของอวี้จิ่น แล้วฝ่ายตรงข้ามก็แสดงแววตาลุ่มลึกออกมาจริงๆ หลังจากที่ได้ยินคำว่า ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ดวงตาสดใสดุจน้ำใสในธารน้ำพลันเปลี่ยนเป็นบึงน้ำเย็นที่เดาความลึกไม่ออก
เจียงซื่อหย่อนตาลงพร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอกศาลาเงียบๆ
เอ้อร์หนิวเตือนตั้งแต่แรก เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน ต้องหักห้ามใจเรื่องความใกล้ชิดกับเจียงซื่อ เมื่อเห็นเจียงซื่อจากไปมันจึงเดินไปดูอวี้จิ่น กลับพบว่าเจ้านายกำลังเหม่อลอย
เอ้อร์หนิวร้อนใจขึ้นมาทันที
ไม่อนุญาตให้มันเข้าใกล้ แต่ตัวเองก็ไม่คว้าไว้ การแสดงออกของเจ้านาย อย่าคิดจะพานายหญิงกลับไปด้วยเลย
โฮ่ง! เอ้อร์หนิวเห่าอย่างไม่พอใจหนึ่งที
อวี้จิ่นพลันได้สติ กลับพบว่าเจียงซื่อเดินออกจากศาลาไปแล้ว จึงวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ยามได้ยินคำว่า ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ เขาก็อดคิดมากไม่ได้
สองคนนั้นคุ้นเคยเรื่องราวแทบทิศใต้แน่ๆ ไม่แน่ พวกเขามาจากแทบทิศใต้ แต่พวกเขาจะหาหญิงสาวที่มีรูปหน้าคล้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้วให้ใกล้ชิดเขาด้วยจุดประสงค์ใด ประเด็นสำคัญคือมีรูปหน้าคล้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้วจะใกล้ชิดเขาได้ง่ายๆ ได้อย่างไร น่าประหลาดเสียจริง!
ช้าก่อน…มีรูปหน้าคล้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็หมายความว่า…
หลังจากคิดได้ อวี้จิ่นใจคอเหี่ยวแห้งชนิดที่อยากวิ่งชนกำแพง
อาซื่อเพิ่งทำดีกับเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมันไม่ง่ายเลย ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ก็เข้าใจผิดแล้วสิ?
ไม่ได้ เขาต้องไปอธิบาย!
องค์ชายเจ็ดอวี้ที่วิ่งตามอยู่ข้างๆ เจียงซื่อ เขามีใจอยากอธิบาย แต่ตรงไม่ไกลมีสายตาของคนกลุ่มหนึ่งกำลังมองมา ถึงเขาจะมีคำพูดเป็นพันล้านคำก็ไม่มีโอกาสได้พูดออกมา
“คุณชายอวี๋ ถ้าท่านยังเดินใกล้ข้าเช่นนี้ต่อไป คนอื่นจะรู้แล้วว่าระหว่างเรามีเงื่อนงำ”
อวี้จิ่นลูบหน้าหนึ่งที
ระหว่างเขาสองคนมีเงื่อนงำตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และยังเป็นเงื่อนงำที่ต้องแก้ให้ไวเสียด้วย!