ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 280 คนที่ข้าชอบคือเจียงซื่อ
เมื่อวานเป็นวันที่คุ้มค่ามากสำหรับเจียงซื่อ แม้ว่านางจะประสบกับความสยองขวัญของรถม้ามาก็ตาม
นางพบคนที่พี่ใหญ่พูดว่าไม่ควรช่วยชีวิตเมื่อชาติก่อน และสิ่งที่โชคดียิ่งกว่าคือนางได้วางแผนล่วงหน้าด้วยการส่งอาเฟยจับตาจูจื่ออวี้อย่างใกล้ชิด และอาเฟยก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนตั้งแต่ที่ฉิงเอ๋อร์ร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
ตอนที่ใช้ทองคำก้อนจัดการชายร่างใหญ่สองคนนั้น นางได้ส่งสายตาให้กับอาเฟย เป็นอันแสดงว่าให้ตามไป
ในตอนนั้น เจียงซื่อเห็นอาเฟยเดินตามไม่ห่างเกินไปและไม่ใกล้มาก นางถึงวางใจลง แล้วที่เรียกมาถามในเช้านี้ ก็เพื่ออยากรู้ว่าอาเฟยรู้สิ่งใดมาบ้าง
พูดได้ว่า การสั่งให้อาหยาจับตาฉิงเอ๋อร์คือการป้องกันอย่างผู้ตาม แต่ฝั่งอาเฟยต่างหากที่เป็นการโจมตีอย่างผู้นำ
หากว่าเริ่มตรวจสอบจากที่มาของชายร่างใหญ่สองคนนี้ ก็อาจทำให้รู้ว่าใครเป็นคนวางแผนเล่นงานพี่ใหญ่เมื่อชาติก่อน และวางแผนเพื่อสิ่งใด
มีเหตุย่อมมีผล เจียงซื่อเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามใช้ความคิดมากมายถึงเพียงนี้ คงไม่ได้ทำไปเพราะไม่ชอบพี่ใหญ่ง่ายๆ เช่นนี้แน่
“ตามทันขอรับ” หลังจากฟังคำสอบถามของเจียงซื่อแล้ว อาเฟยฉีกยิ้มและเอ่ยตอบ
“แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหน”
อาเฟยพลันทำหน้าประหลาดขึ้นมา แต่พอนึกถึงคุณหนูเจียงที่เขาทำงานให้นั้นแตกต่างจากคุณหนูทั่วไปมาก ก็ใช่ว่าจะพูดออกไปไม่ได้เสียหน่อย เขาจึงกระแอมให้คอโล่งและกล่าว “ข้าตามถึงแม่น้ำจินสุ่ยขอรับ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนของเจียงซื่อ อาเฟยจึงถามด้วยความไม่มั่นใจ “คุณหนูรู้จักแม่น้ำจินสุ่ยหรือไม่”
อาหมานทำตัวซื่อๆ แล้วเงยหน้ามองฟ้าเงียบๆ
รู้จักดีเชียวล่ะ ก็คุณหนูของนางเพิ่งไปจุดไฟฆ่าคนที่แม่น้ำจินสุ่ยเมื่อไม่นานมานี้เอง…
“ข้ารู้ เป็นที่ๆ พี่รองข้าชอบไป”
อาเฟยเผยอปากไปครู่หนึ่ง และเริ่มเห็นใจเจียงจั้นขึ้นมา
“พูดต่อไป”
“ข้าเห็นชายร่างใหญ่สองคนนั้นขึ้นเรือบุปผาลำหนึ่ง พอตกดึก ข้าปลอมตัวเป็นแขกและขึ้นไปดูบนเรือ ก็พบว่า ที่แท้ชายสองคนนั้นเป็นแมงดาบนเรือบุปผา…” เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ‘แมงดา’ อาเฟยก็เริ่มกังวลขึ้นมา กลัวว่าเจียงซื่อไม่เข้าใจ แต่พอเห็นอาการนิ่งเรียบของฝ่ายตรงข้ามก็รู้สึกว่าตนคิดมากไปเอง
มักเกิดความรู้สึกว่าคุณหนูเจียงเข้าใจอะไรมากกว่าเขา ต้องเป็นอาการหลงผิดแน่ๆ
“เจ้ามั่นใจว่าเขาสองคนคือแมงดา?”
“มั่นใจขอรับ ข้ายังไปถามมาโดยเฉพาะ สองคนนั้นทำอาชีพนี้อยู่บนเรือมาหลายปีแล้วขอรับ”
เจียงซื่อขมวดคิ้วเริ่มครุ่นคิด นิ้วมือเคาะลงที่โต๊ะอย่างไม่รู้ตัว
ในเมื่อฉิงเอ๋อร์คือคนที่ฝ่ายตรงข้ามจัดส่งไปใกล้พี่ใหญ่ ตอนแรก นางนึกว่าชายสองคนนั้นทำไปเพราะเล่นละคร คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำงานบนเรือบุปผา หรือว่าการที่ฉิงเอ๋อร์ได้มาอยู่ข้างๆ พี่ใหญ่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ภายหลังคิดทำร้ายผู้อื่นก็เป็นเรื่องบังเอิญ แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่มีใครวางแผนล่วงหน้า?
เจียงซื่อปฏิเสธความคิดนี้ทันที
เรื่องบังเอิญบนโลกนี้มีมากมาย แต่พอมันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ถึงเป็นเรื่องบังเอิญก็ต้องคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เมื่อเกี่ยวข้องถึงชีวิตของพี่ใหญ่ นางจะละเลยไม่ได้เด็ดขาด
เจียงซื่อหลับตาลงอย่างแผ่วเบาและนึกคิดไปมา หากว่านางเป็นคนบงการเรื่องนี้ นางจะทำอย่างไร
เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง คำโกหกถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยหรู ความจริงยิ่งมีเยอะเท่าไหร่ ข้อบกพร่องก็จะยิ่งน้อยลง
อาเฟยเฉลียวฉลาด เมื่อเห็นเจียงซื่อหลับตาและไม่พูด เขาไม่เอ่ยเสียงอย่างคนอยู่เป็น จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามลืมตาขึ้นถึงเอ่ยถาม “คุณหนูมีสิ่งใดจะรับสั่งอีกหรือไม่ขอรับ”
“หากว่าไม่คิดถึงเรื่องเงินทอง ข้าต้องให้เวลาเจ้านานแค่ไหนในการตีสนิทกับสองคนนั้น หรือว่าถามอะไรบางอย่างจากปากพวกเขา?”
อาเฟยครุ่นคิดแล้วตอบ “ไม่ต้องมากขอรับ สามวันก็เพียงพอแล้ว”
“สามวัน?” เจียงซื่อรู้สึกประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าอาเฟยจะใช้เวลาสั้นถึงเพียงนี้
อาเฟยยิ้มพร้อมกับอธิบาย “คุณหนูไม่เข้าใจ บุรุษที่สามารถทำงานบนเรือได้นั้น เละเทะยิ่งกว่าขี้โคลนเสียอีก ปกติก็ไม่เข้าตาใคร ขอเพียงพวกเขาไม่ได้เป็นคนที่ปิดปากตัวเองเงียบสนิทมากๆ แค่เลี้ยงอาหารสักมื้อสองมื้อก็สามารถหลอกล่อให้พวกเขาพูดถึงเรื่องที่แอบดูภรรยาผู้อื่นอาบน้ำเมื่อตอนเป็นเด็กได้แล้วขอรับ…”
อาหมานคิ้วตั้ง “พูดเพ้อเจ้ออะไรต่อหน้าคุณหนู!”
อาเฟยทำหน้าแหย่อาหมาน
“อีกสามวัน ข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้า”
“คุณหนูวางใจได้ขอรับ กินเที่ยวเล่นเป็นเรื่องที่ข้าถนัด”
เจียงซื่อย้ำเพิ่มหนึ่งประโยค “ระวังตัวด้วย”
อาเฟยเอ่ยรับอย่างรีบร้อน พอเดินถึงประตูเขาก็ออกแรงดึงทันที แต่แล้วดวงตาพลันเบิกกว้าง แล้วเขาก็ปิดประตูลง
ประตูไม้ถูกมือข้างหนึ่งดึงไว้
มีผู้ชายที่อยู่ในวัยระหว่างเด็กหนุ่มกับชายหนุ่ม แม้นฝ่ามือยังไม่กว้างเท่าชายหนุ่ม แต่กลับเปี่ยมด้วยพละกำลัง
อาเฟยออกแรงดัน แต่ดันไม่ไหว
“ออกไป” อวี้จิ่นผลักอาเฟยออกแล้วเดินเข้าไป ฉับๆ
นอกจากประหลาดใจ เจียงซื่อยังมีความรู้สึกว่าไม่ได้เกินความคาดหมาย ภายในใจมีความคิดต่างๆ นานาผุดขึ้นมา แต่สีหน้านั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
อวี้จิ่นเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าเจียงซื่อ ดวงตาที่แวววับจับจ้องอยู่ที่นาง
เจียงซื่อใช้มือดันโต๊ะยืนขึ้นมา “วันนี้คุณชายอวี๋มาโดยมิได้รับเชิญ ไม่ทราบว่ามีธุระอันใด”
“เข้าไปคุยด้านใน”
เจียงซื่อนั่งลงอีกครั้ง “คุยตรงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ อาเฟย เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ”
อาเฟยเดินไปอย่างไม่เต็มใจ
คุณหนูเจียงกับคนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรนะ อยากรู้เสียจริง
เมื่อเห็นประตูประกบกันอีกครั้ง กว่าอาหมานจะฉลาดสักครั้งนั้นไม่ง่าย นางวิ่งไปลงกลอนประตู
เจียงซื่อหน้าดำคร่ำเครียดเล็กน้อย
นี่เป็นสาวรับใช้ของใครกันแน่!
“ตอนนี้พูดได้หรือยังเจ้าคะ”
เวลานี้ เจียงซื่อนั่ง อวี้จิ่นยืน แต่คนที่นั่งดูมีพลังมากกว่า อวี้จิ่นแม้ว่าอยากจะอุ้มนางเข้าไปโดยไม่สนใจใคร แต่ก็ทำไม่ลง
ช่วยไม่ได้ เขาชอบคนอื่น แต่คนอื่นยังไม่ชอบเขา เขาจึงทำได้เพียงยอมประนีประนอม
“อาหมาน เจ้าเข้าไปข้างในก่อน” อวี้จิ่นชี้ไปยังทางเข้าประตู
อาหมานวิ่งเข้าไป พอขึ้นบันไดถึงตระหนักได้ว่าคนที่พูดไม่ใช่คุณหนูของนาง นางจึงหยุดและชำเลืองมองเจียงซื่อ
เจียงซื่อไม่อยากเสียเวลาอีกจึงพยักหน้า
ในเรือนเหลืออยู่สองคน แม้แต่ลมที่ม้วนใบไม้ที่ร่วงหล่น ก็ดูเหมือนจะพัดขึ้นอย่างรุนแรงพราะพื้นที่โล่งขึ้นกะทันหัน
อวี้จิ่นนั่งลง สองมือวางบนโต๊ะหิน และจับจ้องสาวน้อยที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งโต๊ะหินด้วยแววตาจริงจัง
“ท่านต้องการพูดสิ่งใดกับข้าหรือ”
“มีเรื่องหนึ่ง ข้ารู้สึกว่าเจ้าเข้าใจผิด ข้าเลยคิดว่ามีความจำเป็นต้องพูดให้เข้าใจ”
เจียงซื่อรอเขาพูดต่อไป
อวี้จิ่นนิ่งไปครู่หนึ่ง
วินาทีนั้นเสียงลมดังขึ้นในทันใด และมันก็ทำให้เส้นผมของเจียงซื่อร่วงหล่นออกมา แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมายังกำแพง ปกคลุมร่างกายของนางไว้ด้วยสีทองจางๆ
แสงอาทิตย์ในช่วงเวลานี้ไม่ได้ร้อนระอุเหมือนฤดูร้อน แต่เป็นแดดอุ่นๆ ที่กำลังพอดี
จากนั้น นางก็ได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าไม่ได้ชอบสตรีศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น คนที่ข้าชอบคือคุณหนูสี่แห่งจวนตงผิงปั๋ว...เจียงซื่อ”
เมื่อชาติที่แล้ว เจียงซื่อได้ฟังคำหวานหยดย้อยจากชายคนตรงหน้ามานับไม่ถ้วน คำรักหวานเหล่านั้นผูกมัดนางราวกับตาข่ายเนื้อดี แต่นางกลับรู้สึกขาดอากาศหายใจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สงบมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยการอยู่ให้ห่างแม้ว่ายังลบภาพคนๆ นี้ออกจากใจไม่ได้ก็ตาม
ตอนนี้เขาพูดว่าคนที่เขาชอบคือเจียงซื่อ…
วินาทีนี้ เจียงซื่อไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางวิ่งเข้าไปยังห้องนอนอย่างรีบร้อน และปิดประตูลงอย่างรุนแรง