ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 281 ข้าจะบอกความลับแก่เจ้าหนึ่งเรื่อง
เจียงซื่อวิ่งเข้าไปในห้องกะทันหัน ทำให้อาหมานที่แอบมองลอดประตูตระหนกตกใจมาก
“คุณ คุณหนู?”
ตอนฆ่าคนที่แม่น้ำจิ่นสุ่ยไม่มีความตกใจแม้แต่น้อย นี่คุณชายอวี๋พูดสิ่งใดออกมา เหตุใดคุณหนูถึงลุกลนได้ถึงเพียงนี้
เจียงซื่อไม่สนใจและไม่ถามกับคำเรียกของอาหมาน ในสมองเต็มไปด้วยคำพูดของอวี้จิ่นที่พูดออกมาเมื่อสักครู่ ข้าไม่ได้ชอบสตรีศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น คนที่ข้าชอบคือคุณหนูสี่แห่งจวนตงผิงปั๋ว...เจียงซื่อ
ความคิดแรกของนางคือเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้น อวี้ชีกับนางรู้จักกันโดยเริ่มจากเป็นคนแปลกหน้า
ในตอนนั้น นางแอบอ้างตัวตนของสตรีศักดิ์สิทธิ์อาซัง ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิด แต่นางก็ปลอบใจตัวเองว่าถึงชายผู้นี้คิดว่าคนที่เขาชอบคืออาซัง ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสีย คนที่อยู่กับเขาตั้งแต่แรกจนจบคือเจียงซื่อ คนที่เขาคุ้นเคยมากขึ้นทุกวันคือเจียงซื่อ และคนที่รักชอบพอกันกับเขาก็คือเจียงซื่อ
นางไม่สามารถพูดถึงอดีตที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงได้แม้แต่คำเดียว สำหรับนาง สถานะของสตรีศักดิ์สิทธิ์คือการเกิดใหม่ มันคือโอกาสที่นางจะมีความสุขอีกครั้ง ในเมื่อนางจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ แล้วมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องไปใส่ใจกับชื่อๆ หนึ่ง เพราะอย่างไรเสีย คนที่ฝ่ายตรงข้ามชอบคือนางคนนี้ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่ภายหลังถึงได้รู้ว่าอวี้ชีรู้จักอาซังมานานแล้ว และเขารู้มาตลอดว่านางไม่ใช่อาซัง ที่แสดงท่าทีของคนแปลกหน้าในตอนแรก ก็เพียงแค่ให้นางลดความระมัดระวังลง เพื่อช่วยให้เข้าใกล้นางได้ง่ายขึ้น
เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ตาย จะคิดถึงคนรักที่จากไปด้วยการใกล้ชิดกับหญิงสาวที่มีรูปหน้าคล้ายสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็ถือว่าเป็นการปลอบใจตัวเองวิธีหนึ่ง
นี่คือสิ่งที่อูหลานสาวรับใช้ของอาซังพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยดูถูก
นางไม่เชื่อคำพูดคนอื่นแม้แต่คำเดียว แม้กระทั่งว่านางเคยบังเอิญพบภาพวาดของอาซังที่ถูกซ่อนอยู่ในช่องลับมุมหนึ่งในห้องหนังสือของอวี้ชี นางก็ยังไม่ตายใจ
ความจริง นางเองก็รู้ว่าคำพูดของอูหลานอาจเป็นความจริงก็ได้
เพราะภาพนั้นดูมีอายุหลายปี หญิงสาวในภาพยังอยู่ในช่วงอายุสิบสอง สิบสาม ซึ่งเป็นอายุวัยดั่งลูกกระวาน ดวงตาดูสดใส ฟันขาวสะอาดสะอ้าน ผมดำเงางามผิวขาวดุจหิมะ และความพิเศษของไฝที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว ได้เพิ่มความงดงามให้กับสาวน้อยที่ยังไม่เติบโตดีได้มากทีเดียว
สิ่งที่นางกับอาซังแตกต่างกันมากที่สุดคืออาซังมีไฝสีแดงตรงกึ่งกลางระหว่างคิ้ว แต่นางไม่มี ตอนที่นางแอบอ้างตัวตนของอาซังแล้วหลังจากนั้น ไฝที่เห็นเป็นไฝที่นางเพิ่มเข้าไปเอง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น มีอยู่หนึ่งข้อที่เจียงซื่อไม่สามารถหลอกตัวเองได้ ตอนที่นางอายุสิบสอง สิบสามปีนางไม่เคยพบหน้าอวี้ชีมาก่อน หากว่านางจะเกลี้ยกล่อมให้ตนเองคิดว่าคนในรูปคือนางไม่ใช่อาซัง มันจะไม่ใช่แค่น่าขำ แต่มันยังน่าสมเพชร
ไม่มีคนชอบเจียงซื่อได้ ถูกผู้อื่นเล่นงานจนต้องกลายเป็นตัวแทนของผู้อื่นได้ แต่จะเป็นคนที่ทั้งน่าขำและน่าสมเพชรที่อาศัยในภาพหลวงตา…เช่นนี้ไม่ได้
นี่คงเป็นที่มาของความเจ็บปวด และมันก็มีมากเสียจนความดีทั้งหมดที่อวี้ชีมีให้นาง ไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดที่ไม่รู้จบนี้ออกไปได้ ถึงกระทั่ง ฝ่ายตรงข้ามยิ่งดีกับนางมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธ
แล้วหลังจากนั้น นางก็ได้ยินกับหูว่าคนที่เขาชอบคือสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางถึงยอมตัดใจและยอมรับชะตากรรมชีวิต ในตอนนั้น นางไม่ได้คิดเพียงครั้งเดียว หากสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ก่อนที่นางจะมีใจ หรือว่ามีใจแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงานกับเขา นางจะไม่อยู่กับคนสารเลวเช่นนี้แน่นอน
แต่ตอนนี้ เขากลับบอกกับนางว่า…คนที่เขาชอบคือเจียงซื่อมาโดยตลอด
เจียงซื่อยกมือขึ้นลูบตรงกึ่งกลางระหว่างคิ้วเบาๆ
ตรงนั้นเรียบและแบน ไม่มีไฝสีแดง ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจำผิดคน
นางจะเชื่อคำพูดของเขาหรือไม่เชื่อดี?
เจียงซื่ออิงกับประตูไม้ เนื้อตัวสั่นระริกไม่หยุด
นางน่าจะเชื่อ
ถึงแม้คนสารเลวนั่นเป็นคนหน้าไม่อาย เวลาออดอ้อนคนขึ้นมาก็เล่นกระจายราวกับโปรยเงินไปทั่ว แต่นางมั่นใจสิ่งหนึ่ง เวลาที่เขาใช้สีหน้าแววตาและน้ำเสียงเช่นนั้นพูดถึงเรื่องๆ หนึ่ง เขาตั้งใจพูดเช่นนั้นจริงๆ
หากว่าเป็นเช่นนั้น แล้วชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้น?
เจียงซื่อหลับตาลง รูปร่างของอวี้จิ่นพลันแล่นเข้ามาในสมอง
คืออวี้จิ่นเมื่อชาติก่อน ที่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ความเยาว์วัยยังไม่จางหายไป ในตอนนั้นเขาเริ่มกลายเป็นชายหนุ่มที่พูดจาเจ็บแสบและชอบเล่นหูเล่นตา
เวลาที่นางเย็นชากับเขา ต่อหน้าคนภายนอก ชายหนุ่มที่เย็นชาดุจหิมะกลับแสดงแววตาเศร้าหมองดุจสัตว์ตัวน้อยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นใช้สายตาเช่นนี้ประกอบกับคำหวานที่ชวนให้ใจคนเต้นหลอกให้นางใจอ่อน
เขาในตอนนั้น…ก็ชอบเจียงซื่อเหมือนกันหรือ!
ตั้งแต่เกิดใหม่ เจียงซื่อไม่เคยรู้สึกงงงวยขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ชะตากรรมของสองสามีภรรยาหย่งชังปั๋วที่แตกต่างจากชาติที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ก็ยังไม่งงเท่านี้
ความคิดนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นภายในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางเดินออกจากประตูห้องนอนและเดินออกไปอย่างสับสน นางเดินมานั่งลงที่โต๊ะปาเซียน[1] พลางยกแก้วน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นดื่ม
อาหมานตระหนกตกใจมากกับปฏิกิริยาการตอบสนองของเจียงซื่อ นางชำเลืองมองเจ้านายหนึ่งที จากนั้นเดินย่องหนีออกไป นางวิ่งไปหาอวี้จิ่นพร้อมกับเท้าสะเอวเอ่ยถาม “คุณชายอวี๋ ท่านพูดสิ่งใดกับคุณหนูของบ่าวเจ้าคะ ทำไมคุณหนูถึงตกใจขนาดนั้น”
ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด พลันได้สติกลับคืนมาจากคำถามของสาวรับใช้ แล้วหมุนดวงตาอันแวววับคู่นั้น หากให้พูด เขาต่างหากที่เป็นคนตกใจ อาซื่อลุกขึ้นกะทันหันเมื่อครู่นี้ เขานึกว่าจะโดนทุบอย่างแรงแล้วเสียอีก…
“ท่านพูดอะไรหน่อยสิเจ้าคะ!” อาหมานกระทืบเท้าร้อนใจ
อวี้จิ่นเหลือบตามองอาหมานเบาๆ หนึ่งที แล้วเดินผ่านนางเข้าไปข้างใน
อาหมานวิ่งตามไป จนกระทั่งถึงหน้าประตู ประตูก็ถูกปิดลงตรงหน้าดัง ปัง
อาหมานลูบปลายจมูกและหันหลังกลับไปนั่งบนบันไดหิน จากนั้นมือเท้าคางและเริ่มครุ่นคิด หากวิเคราะห์จากประสบการณ์ที่เคยผ่านมา คุณหนูไม่เสียเปรียบแน่นอน เพราะคุณชายอวี๋ไม่เพียงแต่มีรูปหน้าที่งดงาม แต่ยังมีสุนัขตัวใหญ่ที่เก็บถุงเงินเป็น ข้อดีเพียงสองข้อ นางก็หวังว่าคุณหนูกับคุณชายอวี๋จะได้ครองรักกัน
อวี้จิ่นเดินเข้าไปทีละก้าว แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเมื่อเดินไปถึงตรงหน้าเจียงซื่อ ฝ่ายตรงข้ามยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“ตกใจจริงๆ หรือ”
เจียงซื่อกะพริบตาปริบๆ และมองเขานิ่ง
แววตานี้ซับซ้อนมากเกินไป ราวกับมีนับพันความคิดหลอมเข้าด้วยกัน รองรับด้วยดวงตาคู่เดียว จนดวงตาคู่นี้แทบจะรองรับไม่ไหวแล้ว และมันมีมากพอที่จะทำให้คนที่มองจมน้ำตายได้
อวี้จิ่นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ พลางพูดงึมงำ “ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้เจ้าเข้าใจผิด และข้าไม่ได้บังคับให้เจ้าตอบรับข้าในทันที เหตุใดเจ้าถึงตกใจเพียงนี้”
เพราะการแสดงเจตจำนงจนทำให้คู่รักขวัญผวา โลกนี้คงมีคนจำนวนไม่มากที่ทำได้ใช่หรือไม่?
ขนตาของสาวน้อยคนตรงข้ามสั่นเล็กน้อย ในที่สุดก็มีการตอบสนองเสียที “เมื่อครู่นี้ท่านพูดจริงหรือ”
เมื่อครู่นี้?
อาซื่อถามเช่นนี้ แปลว่านางสนใจจริงๆ ว่าเขาชอบใคร นั่นก็หมายความว่าอาซื่อก็มีใจให้เขาเหมือนกัน!
ความดีใจเพียงเสี้ยวเดียวที่ซุกซ่อนไว้พลันพุ่งออกมาถึงหัวใจห้องบนของอวี้จิ่น จนหัวใจของเขาเต้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง นางก็ได้ยินเช่นกัน
“เป็นความจริง?” เจียงซื่อเหมือนใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีทั้งในอดีตและปัจจุบันถามออกไปอีกครั้ง
ชายหนุ่มรูปงามร่างสูงคล้ายต้นไผ่เขียวยกมือลูบหัวเบาๆ แล้วถอนหายใจ “คนโง่ ข้าจะหลอกเจ้าทำไมเล่า ถ้าข้าชอบสตรีศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น ข้าจะหาเรื่องใส่ตัวต่อหน้าเจ้าทุกๆ วันเพื่ออะไร”
เจียงซื่ออ้าปาก แต่คำพูดคำนั้นไม่ได้ถามออกไป หรือว่าเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ตายแล้ว?
ในชาตินี้ นางไม่มีเหตุผลใดที่จะรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่มีชีวิตบนโลกนี้แล้ว
เวลานี้ นางฟังอวี้จิ่นใช้น้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าว “ข้าจะบอกความลับเรื่องหนึ่งแก่เจ้า”
—————————————-
[1] โต๊ะปาเซียน หมายถึง โต๊ะสี่เหลี่ยมแปดที่นั่ง