ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 291 ใกล้ชิด
เนื่องจากจู่ๆ ริมฝีปากก็ถูกอีกฝ่ายบดขยี้เข้ามา เสียงขัดขืนจึงกลายเป็นเสียงอู้อี้ที่ดังขึ้นเป็นระยะท่ามกลางป่าไม้อันมืดมิด จากนั้นก็สลายไป
เจียงซื่อรู้สึกอับอายและหงุดหงิดเล็กน้อย
ชาติภพที่แล้วทั้งสองคลุกคลีอยู่ด้วยกันมาไม่รู้กี่ครั้ง เพียงแค่การจูบเข้ามาอย่างกะทันหัน ไม่อาจทำให้นางกระวนกระวายใจได้หรอก
ทว่าที่นี่เป็นป่าขนาดเล็กติดกับแม่น้ำจินสุ่ย หากในป่าลึกมีคนมาพลอดรักอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำให้คู่รักที่อยู่ด้วยกันข้างนอกตกใจกันมากขนาดไหน เขาเข้ามาที่นี่แบบมั่วซั่ว นี่มัน…มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
เจียงซื่อออกแรงผลักชายผู้ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดออก แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังเกินไป เพราะกลัวว่าคนอื่นๆ จะได้ยิน
อวี้จิ่นก็ไม่พูดอะไรออกมา เขาออกแรงใช้มือเพียงข้างเดียวดึงตัวนางที่กำลังถอยตัวออกห่างอย่างเงียบๆ เข้ามา
นี่เป็นการปะลองกำลังกันโดยไร้เสียง
กิ่งไม้ส่ายไปมาอย่างรุนแรง ใบไม้ร่วงหล่นเยอะมากราวกับฝนตก ภายใต้แสงจันทร์สลัวเผยให้เห็นใบไม้ร่วงกองอยู่เต็มพื้น
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นเสียงเบา “ยังต้องคิดอีกนานหรือ”
“ทั้งสองเรื่อง…ไม่เกี่ยวข้องกัน” เจียงซื่อเอ่ยขึ้น
หากจะเริ่มต้นกับเขาใหม่ นางจำเป็นต้องคิดให้ละเอียด คิดอย่างจริงจัง หากมั่นใจแล้ว ไม่ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือลืมทุกอย่างให้หมด ก็จะไม่มีการมาเสียใจทีหลังอีก
หากเขาคิดว่าทั้งสองเคยใกล้ชิดสนิทสนมกันนางจึงสั่นคลอน คิดผิดแล้วล่ะ
“ไม่เกี่ยวข้องกันอย่างไร” อวี้จิ่นเหมือนจะไม่เข้าใจเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า
นางเอนตัวพิงอยู่ในอ้อมอกของเขา ผมเผ้าของนางปล่อยสยายลงมาบนหน้าอกเขา รู้สึกเหมือนกับมีคนเอาขนนกมาจั๊กจี้
เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีลมพัดเข้ามาในป่าอย่างฉับพลัน
เจียงซื่อกลับดูไม่รีบร้อน นางเอนตัวพิงเขาเงียบๆ
ค่ำคืนอันหนาวเย็นดุจมีน้ำค้าง ลมหนาวในฤดูใบไม้ร่วงอันเย็นยะเยือก ทว่าในตัวอวี้จิ่นกลับร้อนฉ่าราวกับมีไฟคุกรุ่นอยู่
เขาอดทนกับความทุกข์พลางเอ่ยฟ้องออกไปอย่างไม่พอใจ “หรือว่านอกจากข้า เจ้ายังอยากให้ชายอื่นทำกับเจ้าเช่นนี้”
เจียงซื่อหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงกลับเด็ดขาด “ข้าบอกแล้วว่ามันไม่เกี่ยวกัน ท่านก็ถามอยู่นั่นแหละ อยากให้ข้าตัดสินใจตอนนี้หรือ”
อวี้จิ่นกลับถอยหลังเพราะหวั่นใจ
ถ้าเทียบกับท่าทีจนตรอกของเขา นางทั้งสุขุมและเย็นชาเกินไป เขาจึงไม่อยากเร่งรีบ
“บอกมาสิว่าเจ้ามาทำอะไรที่แม่น้ำจินสุ่ย” อวี้จิ่นถอยให้หนึ่งก้าว
ครั้งก่อนนางมาก่อเหตุวุ่นวายที่แม่น้ำจินสุ่ย ส่วนครั้งนี้มาแม่น้ำจินสุ่ยเพื่อลวนลามแม่เล้า นางจะไม่เหลืองานอะไรให้เขาทำเลยหรือ
เจียงซื่อนิ่งไปชั่วขณะ มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว
อวี้จิ่นไม่ได้เร่ง เขารออยู่เงียบๆ
การเร่งรีบและความมุทะลุในอดีตนั้นเป็นเพราะเขารับรู้ได้ถึงความไม่แยแสและการต่อต้านของนาง ทำให้เขาร้อนใจจึงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อจะได้ทลายกำแพงน้ำแข็งลง
ทว่าตอนนี้ ไม่ว่านางจะพูดจาเย็นชาเพียงใด ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของทั้งสองก็เริ่มทำให้เขาวางใจ
เขารอได้!
พระจันทร์บนยอดไม้โค้งเรียวราวกับเคียวเกี่ยวข้าว แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาทั้งเยือกเย็นและเงียบเหงา ลมพัดโหมแรงขึ้นมาในป่า
เจียงซื่อถึงได้พูดออกไป “ข้าต้องการหาคนคนหนึ่ง”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดจาโผงผาง หากต้องการหาคน นางมีเพียงแค่อาเฟยที่คอยช่วยคนเดียว ส่วนถ้าเป็นอวี้ชีก็คงจะสะดวกกว่าเยอะเลย
“หาใครหรือ”
“ไอ้ระยำคนหนึ่งที่อยู่ตามท้องถนน มีไฝขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ติ่งหูด้านขวา เคยโผล่หน้ามาที่หอเยี่ยนชุน…”
อวี้จิ่นตั้งใจฟังอย่างจริงจัง รอเจียงซื่อพูดจบจึงเอ่ยถามขึ้น “คนผู้นี้สำคัญมากหรือ”
“สำคัญมาก ยิ่งหาเจอเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
อวี้จิ่นมองไปที่เจียงซื่อ สักพักก็ถอนหายใจออกมา “อาซื่อ ข้าเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าตามหาคนผู้นี้เพื่ออะไร”
หากนางไม่ยอมบอก เขาเค้นถามไปก็ไร้ประโยชน์
เจียงซื่อเหลือบมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความอยากรู้และหยอกล้อ “ข้าก็เดาไม่ออกจริงๆ ว่าหญิงงามอันดับหนึ่งที่แม่เล้าบอกว่ากำลังต้อนรับแขกอันมีเกียรติอยู่จะเป็นท่าน”
อวี้ชีเกือบพลัดตกลงไป เขารีบเอามือจับกิ่งไม้ไว้
แย่แล้ว…มัวแต่ประหลาดใจเรื่องเหตุผลที่อาซื่อมาเดินเล่นที่เรือบุปผา
“มีคดีต้องสืบ…”
ไม่รอให้เขาอธิบาย เจียงซื่อก็พยักหน้าลง “อืม”
“สืบคดีจริงๆ…” พยักหน้าลงด้วยท่าทางสบายๆ เช่นนี้ จะต้องไม่เชื่อเขาแน่
“ในเมื่อมาสืบคดี ข้าก็ไม่อาจทำให้ท่านทำงานล่าช้าได้ พาข้าลงไป ข้าต้องกลับไปแล้ว”
อวี้จิ่นยกมือขึ้นมาวางลงที่ไหล่ของเจียงซื่อ “ข้ามาสืบคดีจริงๆ ไม่เชื่อเจ้าไปถามใต้เท้าเจินได้…”
เจียงซื่อเอามือจับหน้าผากท่าทางหมดปัญญา “ข้าเชื่อจริงๆ”
สำหรับอวี้ชีแล้ว นางพอจะเข้าใจเขาอยู่ เมื่อครู่กลัวว่าเขาจะเอ่ยถามไม่หยุด จึงโต้กลับเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“ไม่ได้โกรธหรือ” อวี้จิ่นถามนางด้วยความสงสัย
“ไม่โกรธ ข้าควรไปแล้วจริงๆ”
อวี้จิ่นโล่งใจไปที “เช่นนั้นข้าไปส่งเจ้าเอง”
เขาอุ้มเจียงซื่อกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ ถึงพื้นโดยไม่มีเสียง
เจียงซื่อก้มหน้าจัดการกับเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง
อวี้จิ่นยืนดูอยู่ข้างๆ ยื่นมือออกไปเก็บใบไม้ทีติดตัวนางออกมาทีละใบ…
เจียงซื่อถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะ กลับไปค่อยไปล้างเนื้อล้างตัว”
อวี้จิ่นรู้สึกเหมือนตัวเองทำเรื่องไม่ดี จึงทำหน้าเหยเกเดินออกจากป่าไป