ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 31 พานพบ
เจียงจั้นพูดเช่นนี้แล้ว เจียงซื่อจึงให้ความสนใจกับสุนัขสองสามตัวที่รุมทำร้ายชุยอี้อย่างอดมิได้
เดิมทีเป็นนางที่ใช้ผงยาดึงดูดเจ้าสุนัขพวกนี้เข้ามา
เมื่อครู่นางอาศัยจังหวะที่กำลังพูดคุยกับชุยอี้อยู่ แอบโปรยยาไปบนตัวของเขา ผงยาชนิดนี้สามารถทำให้พวกสุนัขเกิดอาการบ้าคลั่งได้ หลังจากที่ส่งกลิ่นยาออกไปก็สามารถดึงดูดสุนัขแถวนั้นมาได้อย่างรวดเร็ว
นางใช้พวกหมาบ้าคลั่งเหล่านี้มาเป็นวิธีจัดการกับชุยอี้ ส่วนพวกสุนัขที่ดึงดูดเข้ามามีรูปร่างหน้าตาลักษณะอย่างไร ย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจอยู่แล้ว
ทว่าพอเจียงจั้นเตือนมาแบบนี้ เปลือกตาของเจียงซื่อก็กระตุกอย่างแรง นางจ้องมองไปที่สุนัขสีเทาเหลืองตัวใหญ่หนึ่งในนั้น ริมฝีปากนางก็ขาวซีดทันที
เจ้าตูบตัวนั้นนางคุ้นตาอยู่เหมือนกัน!
เจียงซื่อใจหล่นวูบ มองไปทางเจียงจั้นทันที
“นั่นมันหมาของพี่อวี๋ชีนี่นา!” เจียงจั้นกระจ่างแจ้งทันใด รีบดึงเจียงซื่อไว้ “น้องสี่ พวกเราออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ใจเจียงซื่อราวกับจะหลุดออกมา แต่ตอนนี้มิใช่เวลามาสืบสาวราวเรื่อง นางรีบเดินตามเจียงจั้นออกไป
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงจวนตงผิงปั๋วแล้ว เจียงจั้นก็หยุดอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เจียงซื่อเหลือบมองเจียงจั้นด้วยสีหน้าเย็นชาและแววตาเย็นเยียบเล็กน้อย
เจียงจั้นคิดว่าเจียงซื่อโมโหเพราะเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ จึงรีบเอ่ยง้อว่า “เป็นเพราะพี่รองไม่ดีทำให้น้องลำบากไปด้วย ต่อไปนี้น้องสี่อย่าออกไปไหนกับพี่รองอีกเลย”
“พี่อวี๋ชีที่พี่รองรู้จัก หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่เจ้าคะ” จู่ๆ เจียงซื่อก็โพล่งถามขึ้น
เจียงจั้นที่ถูกถามก็นิ่งงัน เอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “ก็…ก็แบบว่า มีตาสองดวงกับอีกหนึ่งปาก รูปร่างถือว่าสูง ดูแล้วเหมือนกับไม้ไผ่อย่างไรอย่างนั้น…”
คำพูดที่ขัดกับความรู้สึกเช่นนี้ เจียงจั้นโกหกต่อไปมิได้แล้ว เขายิ้มแห้งๆ เอ่ยว่า “เหตุใดจู่ๆ น้องสี่จึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า”
เจียงซื่อที่เกือบจะถูกพี่ชายผู้โง่เขลาโมโห ก็ยิ้มออกมา “ครั้งก่อนพี่รองมิได้บอกว่าพี่อวี๋ชีร่างกายสูงใหญ่กำยำหรอกหรือ ร่างกายสูงใหญ่กำยำกับไม้ไผ่นี่ต่างกันอยู่มากนัก”
“อย่างนั้นหรือ” เจียงจั้นแกล้งเลอะเลือน ตบศีรษะตัวเองทันที “เกือบลืมไปเลย วันนี้มีนัดไปดื่มสุรากับพี่อวี๋ชีนี่นา น้องสี่กลับไปก่อนเถิด”
เจียงซื่อแย้มริมฝีปากระบายยิ้ม “ความจริงแล้วข้าก็อยากเจอพี่อวี๋ชีเช่นกัน ว่าจะไปขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตพี่รองเอาไว้เสียหน่อย”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ที่ต้องขอบคุณพี่ก็ได้ขอบคุณไปแล้ว น้องสี่เป็นสาวเป็นนาง มันไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม” เจียงจั้นรีบปฏิเสธ
ยังดีที่บ้านพี่อวี๋ชีกับจวนปั๋วมิได้สนิทหรือเป็นญาติกัน เหตุผลที่จะขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้เจอกันจึงมีเต็มไปหมด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่รองก็ไปเถิด ข้าขอกลับก่อน” เจียงซื่อตอบรับไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ได้คิดแผนไว้ในใจแล้ว รออีกสักพักจะแอบตามไป นางต้องดูให้เห็นกับตาให้ได้
เจียงจั้นลอบถอนหายใจเงียบๆ
น้องสาวของเขาถือว่าเฉลียวฉลาดมาก
ในขณะนั้นเองมีสุนัขตัวใหญ่วิ่งเข้ามา ในปากคาบเหอเปาสีไพลินสดใสที่ประณีตสวยงามอไว้ใบหนึ่ง
“เอ้อร์หนิว วันนี้ขอบใจเจ้ามาก!” เจียงจั้นแค่เห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นสุนัขขาเน่าตัวนั้นของอวี๋ชี จึงประสานมือขึ้นขอบคุณ
ยามปกติแม้สุนัขตัวนี้จะไม่ค่อยถูกกับเขา แต่ในเวลาสำคัญแล้วก็ช่วยเหลือกันดีไม่น้อย
สุนัขตัวใหญ่มองเจียงจั้นแวบหนึ่ง แล้วเดินผ่านเขาไปยังเบื้องหน้าของเจียงซื่อราวกับมองไม่เห็นกัน มันกระดิกหางอย่างอารมณ์ดีไม่น้อย คาบเหอเปายัดใส่มือของเจียงซื่อ
เจียงซื่อบีบเหอเปาดู เหลือบมองสุนัขตัวใหญ่ที่มองนางตาแป๋ว คลื่นลูกใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในใจ
นางรู้ว่าสุนัขตัวใหญ่ตัวนี้ชื่อ ‘เอ้อร์หนิว’ ซ้ำยังรู้ว่าที่ขามันเน่าเพราะได้ช่วยชีวิตของคนสารเลวนั่นไว้ในสนามรบ
สุนัขใหญ่ตัวนี้อยู่กับนางมานานมากแล้ว หากบอกว่านางเป็นเจ้าของอีกครึ่งหนึ่งของเอ้อร์หนิวก็ไม่เกินไปนัก
นางไม่เคยเห็นสุนัขที่เข้าใจคนเหมือนเอ้อร์หนิวอีกเลย เมื่อก่อนเวลาเอ้อร์หนิวเจอของดีๆ ก็จะเอามาให้นางเพื่อขอรางวัล
ทว่า
เจียงซื่อก้มหน้าลง มองดูหน้างุนงงของสุนัขตัวใหญ่ที่ไม่ได้รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร
ในชาตินี้ นางมิได้รู้จักมักคุ้นกับเอ้อร์หนิวเลย เหตุใดสายตาที่สนิทสนมของเอ้อร์หนิวจึงได้เหมือนกับชาติที่แล้วเลยเล่า
หงิง เสียงร้องไม่ชัดเจนดังขึ้นในลำคอของมัน บอกให้รับรู้ว่ากำลังเร่งอย่างเห็นได้ชัด
เจียงซื่อเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ทว่าจู่ๆ นางก็ถูกเจียงจั้นดึงมาข้างหลังเขาทันที
“อย่าทำน้องสาวข้าตกใจนะ!” เจียงจั้นถลึงตามองเอ้อร์หนิวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สุนัขตัวใหญ่แยกเขี้ยว โฮ่ง! แล้วเบี่ยงหัวร้องอ้อนเจียงซื่ออีกสองที หงิงๆ
เจียงจั้นแทบจะก่นด่าออกมา
นี่ไม่ใช่หมาธรรมดาตัวหนึ่งแล้ว แทบจะเป็นหมาขี้หลีตัวหนึ่งแล้ว การปฏิบัติตัวก็ช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เจียงซื่อเปิดเหอเปาสีไพลินสดใสออกท่ามกลางสายตารอคอยของสุนัขตัวใหญ่
ในเหอเปามีทองใบอยู่สองสามใบและไข่มุกกลมสิบกว่าเม็ด
น้ำเสียงเจียงจั้นเกลียดชังอย่างยากจะปกปิด “ชุยอี้ไอ้คนสารเลวนั่น มันรวยเหลือกินเหลือใช้ยิ่งนัก!”
ดูอีกฝ่ายสิ ในเหอเปาไม่มีทองใบก็มีไข่มุก แล้วดูเขาสิ อยากจะซื้อก้วนทังเปาให้น้องสาวยังต้องไปติดเงินท่านพ่อไว้
เจียงซื่อเอาทองใบกับไข่มุกยัดให้กับเจียงจั้นโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น “พี่รองเก็บไว้ใช้เถอะเจ้าค่ะ”
เจียงจั้นย่อมไม่มีความคิดหัวโบราณอย่างนั้นแน่นอน เขายิ้มพลางพยักหน้า “ช่วงนี้เงินขาดมือพอดีเลย แต่ว่าทองใบสองสามใบก็พอให้ข้าใช้แล้ว ไข่มุกพวกนี้ให้เจ้าเอาไว้เล่นเถอะ”
เจียงซื่อยิ้มปฏิเสธ “อย่างไรเสียก็เป็นของคนอื่น ข้าไม่ต้องการ”
เจียงจั้นฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงเอาทองใบกับไข่มุกยัดใส่เหอเปาของตัวเอง
เจียงซื่อเอาเหอเปาสีไพลินเก็บไว้ให้อาหมาน “กลับจวนไปโยนเข้ากระถางไฟเผาเสีย”
สุนัขตัวใหญ่เห็นเจียงซื่อจัดการกับเหอเปาเรียบร้อยแล้ว ก็ร้องเรียกสองที มันอ้าปากงับที่ชายกระโปรงนางเบาๆ แล้วลากออกไปทางด้านนอก
เจียงจั้นระเบิดอารมณ์ออกมา “เจ้าหมอนี่ เอ้ย เจ้าหมานี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
สุนัขตัวใหญ่มองเจียงจั้นอย่างไม่แยแส มันแยกเขี้ยวออก
เจียงจั้นถึงกับใจสั่น
ปากใหญ่เพียงนี้ ฟันขาวแหลมคมเพียงนี้ หากมันคลั่งขึ้นมาจะไม่กัดขาน้องสี่ขาดหรือไง!
“เจ้า…เจ้าใจเย็นก่อน” หน้าผากของเจียงจั้นเริ่มมีเหงื่อผุดซึม
แต่สีหน้าเจียงซื่อกลับผ่อนคลาย “เจ้าจะพาข้าไปที่ใดใช่หรือไม่”
สุนัขตัวใหญ่สะบัดหัว สองขาหน้าถีบยันลงพื้น แล้วลากเจียงซื่อออกไป
“ข้าควรกลับบ้านแล้ว” เจียงซื่อถอนใจเอ่ยเสียงเบา
แสงตะวันส่องลอดแมกไม้อันงอกงามลงมา ดั่งเศษทองตกลงบนร่างสุนัขตัวใหญ่ ทำให้ขนสีเทาเหลืองถูกย้อมกลายเป็นขนสีทอง
เจียงซื่อหลุบตามองมัน แววตาแผ่ซ่านไปด้วยความอ่อนโยน แต่ก็ยังยืนยันที่จะดึงชายกระโปรงกลับคืน
นางครุ่นคิด ไม่ต้องยืนยันแล้ว ยามนี้สิ่งที่นางต้องทำคือออกห่างจากคนเลวนั่นให้ไกลที่สุด ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คบหากันอีก
สุนัขตัวใหญ่มองเจียงซื่อด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็พลันหันหลังกลับวิ่งออกไป
เจียงจั้นตกใจจนเสียงดังขึ้นมา “พี่อวี๋ชี พี่มาได้อย่างไร”
ใต้ต้นอวี้หลันที่ห่างออกไปไม่ไกล มือของชายหนุ่มในอาภรณ์สีเขียวลูบลงบนหัวสุนัขตัวใหญ่เบาๆ สายตาที่ทั้งลึกซึ้งทั้งยาวไกลมองข้ามผ่านเจียงจั้นไปตกอยู่บนร่างของสาวน้อยในชุดกระโปรงแดงเสื้อสีขาว
เจียงซื่อราวกับต้องมนต์ของเทพเซียนสะกดตรึงร่างเอาไว้ ขยับเขยื้อนมิได้แม้แต่น้อย
“เอ้อร์หนิวไม่รู้ว่าคลั่งอะไรขึ้นมา ข้าจึงมาตามหามัน” อวี๋ชียิ้มพลางอธิบายแก่เจียงจั้น แล้วมองไปที่เจียงซื่อ “นี่คือ…”
ในขณะนั้นเองเจียงจั้นก็ไม่อาจแกล้งเลอะเลือนได้อีกแล้ว จึงเอ่ยแนะนำว่า “นี่คือน้องสาวข้า น้องสี่ นี่คือพี่อวี๋ชีผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพี่รองเอาไว้”
เจียงจั้นเห็นเจียงซื่อที่สวมหมวกเหวยเม่าอยู่ ก็แอบดีใจเงียบๆ อย่างอดมิได้ ยังดีที่น้องสี่สวมหมวกเหวยเม่าไว้ เช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
สุนัขตัวใหญ่เอียงคอมอง ทันใดนั้นก็กระโดดขึ้นดึงหมวกเหวยเม่าของเจียงซื่อลงมา
เจียงซื่อรู้สึกเพียงแค่ใบหน้าเย็นเฉียบ แสงสว่างจ้าที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้นางต้องหลับตาลงตามสัญชาตญาณ นางเห็นรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามพร่ามัวไปชั่วขณะ
หงิง สุนัขตัวใหญ่ส่ายหางไปมาพลางขอรางวัลจากอวี๋ชี
เจียงจั้น “…”
อยากจะฆ่าเจ้าหมาตัวนี้เสียจริง!