ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 379 นางกำนัลเจี้ยวอิ่น
เมื่อมองไปที่เจ้าเจ็ด จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็รู้สึกอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมา
หากถามว่าโกรธหรือไม่ เขาโกรธแน่นอน
เป็นถึงท่านอ๋องวิ่งเต้นออกไปชมขบวนจอหงวนนั่นมันก็น่าขันพอแล้ว แต่นี่ยังพาคู่หมั้นไปอีก!
ทำไมเจ้านี่ถึงไม่รู้จักอดใจรอเลยนะ ไม่เคยพบเคยเห็นสตรีมาก่อนรึไง
จิ่งหมิงฮ่องเต้แอบตำหนิอยู่ในใจ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลูกชาย
อืม ประเดี๋ยวกลับไปจัดหานางกำนัลเจี้ยวอิ่นสักสองคนมาให้เจ้าเจ็ดน่าจะดี ถึงเวลาชดเชยบทเรียนที่ขาดไปนานหลายปีแล้ว
เมื่อองค์ชายอายุครบสิบสี่พรรษาจะมีนางกำนัลสอนเรื่องการร่วมหลับนอน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาในราชวงศ์
ในขณะที่โกรธ ก็รู้สึกโชคดีอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
โชคดีที่เจ้าเจ็ดอยู่ที่นั่น จึงช่วยนิมิตมงคลของต้าโจวไว้ได้อย่างทันท่วงที หากไม่เช่นนั้น ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย
คิดไปคิดมา ลูกชายคนนี้ของเขาก็ฝีมือไม่เลวเลย คาดไม่ถึงเลยว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าทหารรักษาพระองค์ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากหนึ่งในพันคนเสียอีก
เมื่อสังเกตเห็นว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้มองมา อวี้จิ่นก็เผยรอยยิ้มกว้าง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำหน้าขรึม ละสายตาออกไป
เจ้าเด็กนี่ใจดีด้วยหน่อยก็ทำตัวได้ใจ ประเดี๋ยวต้องสั่งสอนเสียให้เข็ด
ท่าทางการแสดงออกของฮ่องเต้ถูกขุนนางที่มีสายตาอันว่องไวจับได้อย่างรวดเร็ว จึงตะเบ็งเสียงออกมา “กระหม่อมผิดไปแล้ว โชคดีที่ท่านอ๋องเข้ามาช่วยถึงได้หลีกเลี่ยงสถานการณ์อันเลวร้ายได้ นี่เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ช่างมีฝีมือเก่งกาจยิ่งนัก…”
คำเยินยอว่ากล่าวที่พรั่งพรูออกมาทำจิ่งหมิงฮ่องเต้ภูมิใจยิ่งนัก
อืม ถือว่าได้เอ่ยคุณงามความดีของลูกชายเขาออกมา เจ้าพวกนี้ยังถือว่าฉลาดไม่น้อย
“ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องไร้สาระพวกนี้ ในเมื่อคนต่างถิ่นผู้นั้นถูกเยี่ยนอ๋องจับตัวมาแล้ว เรื่องไต่สวนหาต้นสายปลายเหตุคงต้องพึ่งพวกเจ้าแล้วล่ะ”
ขุนนางทั้งหมดราวกับถูกพระราชทานอภัยโทษ จึงรีบเอ่ยขึ้น “กระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นเดินตามออกไปข้างนอก
น้ำเสียงทุ้มลึกดังขึ้น “องค์ชายเจ็ดอยู่ก่อน”
อวี้จิ่นยืนนิ่ง “ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อมีอะไรจะรับสั่งอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ในโถงพระที่นั่งไม่มีคนอื่นแล้ว จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงลุกขึ้นแล้วเดินลงมาตรงหน้าอวี้จิ่น
อวี้จิ่นก้มหัวลงเล็กน้อย รอจิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัส
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสถามเสียงเย็นยะเยือก “วันนี้ไปทำอะไรมา”
อวี้จิ่นได้แต่คิดในใจว่ารู้อยู่แล้วจะถามทำไม คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าทางหน่วยงานบูรพาได้ออกหมายเรียกคุณหนูสามจากจวนตงผิงปั๋วแล้ว
“ข้าถามเจ้าอยู่ ทำไมถึงไม่ตอบ”
อวี้จิ่นยิ้ม พูดอย่างตรงไปตรงมา “ลูกรู้สึกเขินอายเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
การเขินเป็นเช่นนี้รึ นี่กำลังล้อเลียนเขา หาว่าตอนยังหนุ่มเขาไม่เคยเขินงั้นหรือ!
“ลูกนัดคุณหนูเจียงซื่อไปดูขบวนจอหงวนด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ” เพราะอวี้จิ่นยอมรับอย่างตรงไปตรงมา เขาจึงหมดกังวล
ถึงแม้ในใจจะคิดเช่นนี้ ทว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้กับทำหน้าขรึมพร้อมกับตรัสสั่งสอน “ไร้วินัย!”
อวี้จิ่นรู้สึกน้อยใจพร้อมทั้งประหลาดใจ “เสด็จพ่อตรัสเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ตรัสเช่นนี้ได้อย่างไรงั้นรึ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ใช้ด้ามพัดเคาะไปที่หัวไหล่เขาอย่างอดไม่ได้ “เดือนหกก็จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้ว จะมานัดดูขบวนจอหงวนอะไรกันในเวลานี้”
“แต่ว่าลูกเห็นคนหนุ่มสาวทั่วไปล้วนทำเช่นนี้ หลังจากหมั้นกันไม่เพียงแต่นัดคู่หมั้นออกไปเที่ยวได้ ยังจูงมือกันได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เบิกตาโพลง “ผู้อื่นก็คือผู้อื่น เจ้าเป็นองค์ชาย ทำเช่นนี้มันไม่เหมาะสม!”
ในตอนนั้นเขายังไม่กล้านัดคู่หมั้นออกมาเที่ยวเล่นเลย แล้วเจ้าเด็กนี่ทำไมถึงทำได้ล่ะ
“ลูกผิดไปแล้ว ลูกควรจะอ่านตำราอยู่ในวัง”
จิ่งหมิงฮ่องเต้อยากจะพยักหน้า แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูก
หากเจ้าเจ็ดไม่ออกไปข้างนอก ไม่แน่อาจจะเสียจอหงวนหลางไปแล้ว
เขาขัดแย้งกับตัวเองอยู่สักพัก คิดไปคิดมา ในเมื่อผลลัพธ์มันดี เช่นนั้นก็ไม่ต้องสืบถามให้มากความ
“กลับไปได้แล้ว”
อวี้จิ่นไม่ได้เดินออกไปทันที
“มีอะไรรึ”
“เสด็จพ่อ ลูกอยากส่งคนไปถามไถ่คุณหนูเจียงซื่อที่จวนตงผิงปั๋วว่าตื่นตกใจหรือไม่ ตอนนั้นพี่น้องของนางอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และหนึ่งในนั้นก็ถูกผลักออกไปกลางถนนในช่วงที่คนเบียดเสียดกัน ทำเอาคุณหนูสี่ตกใจไม่น้อย”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เจ้าจัดการเองเถอะ”
เจ้าเจ็ดเจ้าคนหลงภรรยา ไม่ได้เรื่องจริงเลย!
รอจนอวี้จิ่นเดินจากไป จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงได้หลับตาพักผ่อน พานไห่รีบเข้ามานวดบริเวณรอบดวงตาอย่างรวดเร็ว
ในสภาวะที่กำลังสะลึมสะลือ จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสถามออกไป “ถามได้ความว่าอย่างไรบ้าง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนตงผิงปั๋วหรือไม่”
มีสตรีท่านหนึ่งจากตงผิงปั๋วพุ่งตัวออกไปขวางกลางถนน จากนั้นก็เกิดการลอบสังหารขึ้น เยี่ยนอ๋องที่อยู่บนโรงน้ำชาบังเอิญเห็นเข้าจึงออกมาช่วยจอหงวนหลาง
ทั้งหมดนี้มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ
คนต่างถิ่นที่สีหน้าแววตาไม่คุ้นเคยผู้นั้น มากจากที่แห่งใดกันแน่
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของต้าโจวมีเมืองที่เป็นเกาะอยู่เมืองหนึ่ง ถึงผู้คนบนเกาะจะไม่เฉลียวฉลาด ทว่าร่างกายกลับแข็งแรงดีมาก จึงมักจะถูกปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูเรื่องทักษะการต่อสู้ทุกแขนงมาอย่างหนักหน่วง
สุดท้ายแล้วการลอบสังหารจอหงวนหลางเป็นพวกก่อความไม่สงบในบ้านเมือง หรือเป็นพวกเพื่อนบ้านที่จ้องจะเขมือบต้าโจวกันแน่
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย
พระวรกายของไทเฮาก็ยังไม่ดีนัก และดูท่าว่าจะไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แถมยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ราบรื่นตั้งแต่ต้นปีเลยสินะ
พานไห่เอ่ยตอบเสียงเบา “กระหม่อมได้ซักถามลูกน้องที่มากประสบการณ์มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ น่าจะมีคนตั้งใจผลักคุณหนูสามตระกูลเจียงออกไป แต่คุณหนูสามไม่รู้เรื่องอะไร…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตรัสเสียงเรียบ “เช่นนั้นปล่อยตัวกลับไปเถอะ เป็นคุณหนูอายุยังน้อย แถมยังเป็นพี่น้องของอนาคตพระชายาอ๋องด้วย หากอยู่ในวังนานจะไม่เหมาะสม”
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หลับตาลงอีกครั้ง จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องๆ หนึ่งได้ “ใช่แล้ว เลือกนางกำนัลที่เฉลียวฉลาดและสุขุมสักสองคน แล้วส่งไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง”
พานไห่ตะลึง แล้วพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “พ่ะย่ะค่ะ”
อืม แม้แต่นางกำนัลที่เจี้ยวอิ่นขององค์รัชทายาท ฮองเฮาก็เป็นคนจัดการให้ ส่วนนางกำนัลเจี้ยวอิ่นขององค์ชายคนอื่นๆ ต่างก็เป็นเสด็จแม่ของแต่ละคนที่จัดการให้ ทว่าฝ่าบาทกลับเป็นห่วงเรื่องนางกำนัลเจี้ยวอิ่นของเยี่ยนอ๋อง คิดดูแล้ว เยี่ยนอ๋องได้รับความใส่ใจมากจริงๆ
ความเป็นห่วงในฐานะที่เป็นบิดาเช่นนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเอาใจใส่ลูกชายคนนี้มาก เพราะองค์หญิงตั้งหลายคนที่อยู่วังหลังแม้แต่พระนามและพระพักตร์ฝ่าบาทยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ
เรื่องนางกำนัลนั้นเป็นหน้าที่ของวังหลังที่ต้องจัดการ พอจิ่งหมิงฮ่องเต้รับสั่งเช่นนี้ ไม่นานพระสนมทั้งหลายก็ทราบเรื่อง ทว่ากลับมีความคิดเห็นแตกต่างจากพานไห่โดยสิ้นเชิง
ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ส่งนางกำนัลให้เยี่ยนอ๋องด้วยตนเอง เป็นเพราะไม่พอใจที่เยี่ยนอ๋องไม่รู้จักคิด และถือโอกาสกล่าวเตือนอนาคตพระชายาอ๋องด้วยงั้นรึ
องค์ชายคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางสามัญชน พระชายาอ๋องที่มีทักษะแต่ละด้านธรรมดาและหน้าตาสะสวยเล็กน้อย มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงได้ทนดูไม่ได้ ตอนนี้ฝ่าบาทคงเสียใจที่ให้อภิเษกสมรสแล้วสินะ
พอเสียนเฟยทราบเรื่อง ก็หัวเราะเยาะออกมา
ฝ่าบาททรงว่างเสียจริง แย่งเรื่องที่นางควรจะทำอีกแล้ว
เดิมนางคิดว่าใกล้ถึงงานอภิเษกสมรสค่อยส่งคนไป ไม่นึกเลยว่าจะถูกฝ่าบาทแย่งหน้าที่นี้ไปก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในวังก็คงจะนินทานางอีกว่าไม่ใส่ใจองค์ชายเจ็ด
เสียนเฟยจึงรับสั่งนางกำนัลรับใช้ให้เลือกนางกำนัลสองคนส่งตัวไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง
พออวี้จิ่นเดินออกมาจากพระราชวัง ก็สั่งให้เหลิงอิ่งไปส่งสารให้เจียงซื่อ ให้นางวางใจเรื่องเจียงเชี่ยว แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อกลับมาที่จวนได้ไม่นาน ก็มีนางกำนัลหน้าตาสวยเพียบพร้อมยืนอยู่ตรงหน้าเขาถึงสองคน
อวี้จิ่นชูถ้วยน้ำชาขึ้น ตะลึงไปชั่วขณะ “พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
จั่งสื่อของจวนอ๋องโค้งตัวพลางพูดขึ้น “ท่านอ๋อง นี่คือนางกำนัลที่ฝ่าบาทส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”
“นางกำนัลเจี้ยวอิ่นงั้นรึ” อวี้จิ่นงงงวยเล็กน้อย
ในวังมีชื่อเรียกมากมาย เขาเสียเปรียบที่ไม่ได้เติบโตในวัง เช่นนั้นจึงไม่สามารถรู้ได้ในทันทีว่านางกำนัลเจี้ยวอิ่นหมายความว่าอย่างไร
ทายาทของราชวงศ์นั้นเกี่ยวข้องกับบ้านเมือง นี่เป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จั่งสื่ออธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกนางจะมาสอนท่านอ๋องเรื่องสตรีพ่ะย่ะค่ะ…”
อวี้จิ่นพ่นน้ำชาออมาใส่หน้าจั่งสื่อ