ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 380 ยื่นมติไม่ไว้วางใจเยี่ยนอ๋อง
แรกเริ่มที่สร้างจวนเยี่ยนอ๋อง กลุ่มคนผู้ติดตามของจวนอ๋องก็ถูกกำหนดตามขึ้นมาด้วย เมื่อคิดว่าเยี่ยนอ๋องเติบโตอยู่นอกวังมาตั้งแต่เด็ก จึงยังขาดในเรื่องมารยาทและกฎเกณฑ์ จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงเลือกขุนนางที่มีอายุ ท่าทีสุขุมรอบคอบมาเป็นจั่งสื่อที่จวนเยี่ยนอ๋อง
จั่งสื่ออายุมาก และให้ความสำคัญในเรื่องวินัย ทุกๆ วันเขาจะจัดแต่งหนวดเคราอย่างสวยงาม ทว่าใครจะรู้ว่าจะถูกพ่นใบชาใส่
“แค่กแค่กแค่ก ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรลงไป ท่านทำอะไรลงไป!” จั่งสื่อหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ พลางสะบัดหนวดเคราไปมาเพื่อสลัดใบชาออก
อวี้จิ่นรีบวางถ้วยชาลง เอ่ยพูดด้วยความเสียใจ “ข้าขอโทษจริงๆ ข้ากลั้นไว้ไม่ได้…”
หน้าอกจั่งสื่อกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง หากทำได้ เกรงว่าคงเข้าไปคว้าไหล่ทั้งสองข้างของอวี้จิ่นมาเขย่าอย่างแรงไปตั้งนานแล้ว “กระหม่อมพูดกี่ครั้งแล้ว ท่านเป็นองค์ชายที่สง่าผ่าเผย ทุกการกระทำล้วนต้องมีท่าทีสุขุม แล้วเหตุใดถึง…เหตุใดถึงได้พ่นน้ำชาออกมาที่หน้ากระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องคงจะสะสมความแค้มมานานแล้วแน่นอน
จั่งสื่อนึกถึงความเป็นไปได้ออกมา สายตาที่มองอวี้จิ่นขุ่นเคืองมากยิ่งกว่าเดิม
หากนี่เป็นลูกชายเขา เขาคงตีไปแล้ว
อวี้จิ่นเอามือแตะริมฝีปากไว้ กระแอมเสียงออกมาเบาๆ พลางเอ่ยพูดเสียงเข้ม “จั่งสื่อรีบไปล้างตัวเถอะ ข้าขอโทษจริงๆ”
สำหรับจั่งสื่อแล้ว สภาพในตอนนี้ไม่อาจไปพบใครได้จริงๆ
เขายกมือคารวะ “กระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นปรายตาชำเลืองมอง เอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าจะยืนทื่ออยู่ที่นี่ทำไมกัน ยังไม่รีบไปดูแลล้างตัวจั่งสื่ออีก!”
นางกำนัลเจี้ยวอิ่นสองนางมองหน้ากันอย่างงงวย
เยี่ยนอ๋องกำลังไล่พวกนางไปรับใช้ดูแลตาแก่นั่นรึ
สวรรค์ หากเป็นเช่นนี้พวกนางยอมตายจะดีกว่า หากต้องรับใช้ตาแก่เช่นนี้ พวกนางไปรับใช้ฝ่าบาทไม่ดีกว่ารึ!
การเป็นนางกำนัลเจี้ยวอิ่นนั้นจะถูกอบรมสั่งสอนอย่างน้อยสามปี ในระหว่างสามปีนี้หน้าที่ที่พวกนางได้รับก็คือการสอนเรื่องอย่างว่าให้กับลูกหลานฮ่องเต้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เดินทางผิด
เช่นนั้นในความคิดของนางกำนัลพวกนี้ ครั้งแรกของพวกนาง แน่นอนว่าต้องมอบให้กับบุรุษหนุ่มอันมีเกียรติ แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่ได้เป็นแม้แต่นางสนมก็ต้องยอม
แต่ว่า ตาแก่เครายาวที่มีใบชาเลอะอยู่ตรงหน้านี่มันอะไรกัน
จั่งสื่อได้ยินก็ตะเบ็งเสียงลั่นด้วยความร้อนใจ “ท่านอ๋อง นี่คือนางกำนัลเจี้ยวอิ่นที่ฝ่าบาทพระราชทานมาให้เพื่อสอนท่านโดยเฉพาะ…”
อวี้จิ่นยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มให้ชุ่มคอพอดี พอทำเสียงอึกอักในลำคอ
จั่งสื่อตกใจชักขาวิ่งออกไปทันที ความเร็วน่าทึ่งจนทำคนตกตะลึงอ้าปากค้าง
อวี้จิ่นรู้สึกเสียใจมาก “ดูเหมือนว่าจั่งสื่อจะไม่ต้องการการดูแลจากพวกเจ้าแล้ว หลงต้าน…”
หลงต้านเดินเข้ามา “เจ้านายมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้ขอรับ”
เมื่อครู่เจ้านายสั่งให้สตรีหน้าตางดงามทั้งสองนางนี้ไปดูแลรับใช้จั่งสื่อ แต่จั่งสื่อวิ่งหนีหายไปแล้ว ดูท่าคงต้องเป็นเขาแล้วสินะ
อะแฮ่มอะแฮ่ม เขาอยากได้หญิงสาวหน้าตาสะสวยมาปรนนิบัติรับใช้ตั้งนานแล้ว
อวี้จิ่นเห็นแวบเดียวก็ดูออกเลยว่าหลงต้านกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยเสียงเรียบ “นำตัวนางกำนัลสองคนนี้ไปส่งให้ผู้ดูแลจวนด้านหลัง ให้นางจัดการหางานให้ทำ”
“ขอรับ” หลงต้านแอบเสียดาย แต่พูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่นางทั้งสอง เชิญทางนี้”
นางกำนัลสบตากัน หนึ่งในนั้นพูดออกไปด้วยความใจกล้า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเป็นนางกำนัลเจี้ยวอิ่นที่ฝ่าบาทส่งมา…”
คำพูดที่เหลือหายไปเพราะสายตาอันเย็นยะเยือกของบุรุษหนุ่ม
“คำพูดเช่นนี้ ข้าไม่อยากได้ยินจากปากของพวกเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง จากนี้ไปหากใครยังไม่จำให้ดี ข้าจะให้หลงต้านตัดลิ้นซะ” อวี้จิ่นเอ่ยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมา “ข้าไม่ได้มีจิตใจเมตตาเช่นนั้น และไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาสอน นำตัวออกไปซะ!”
หลงต้านรีบนำตัวนางกำนัลเจี้ยวอิ่นออกไป แต่ไม่นานก็กลับเข้ามา เอ่ยพูดด้วยความลังเล “เจ้านาย นางกำนัลสองคนนั้นเป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมาให้ และคนในจวนอ๋องจำนวนกว่าครึ่งก็ถูกคัดเลือกจากเบื้องบนลงมา มีดวงตาตั้งหลายคู่คอยจับจ้องอยู่ ท่านทำเช่นนี้ หากฝ่าบาททราบเรื่องเข้า…”
อวี้จิ่นยิ้มเยาะอย่างไม่พอใจ “แล้วมันจะทำไม อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิไม่กี่ประโยคเท่านั้น ข้าไม่ใช่องค์รัชทายาทสักหน่อย ฮ่องเต้ผู้สง่าผ่าเผยจะมาจับตาดูข้าทุกวันเรื่องนอนกับนางกำนัลงั้นหรือ”
บางเรื่องสามารถประนีประนอมกันได้ แต่บางเรื่องก็ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่ใช่พ่อพันธุ์สุกรสักหน่อย จะนอนกับสตรีนางไหนไม่จำเป็นต้องให้ใครมาจัดการหรอก
อะไรคือการฝึกซ้อมเพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดในอนาคต เรื่องไร้สาระทั้งเพ ก็แค่กลุ่มคนที่เคอะเขินกับการไม่อาจยับยั้งใจของตน จึงหาข้ออ้างโง่เขลาเพื่อให้ตนได้เสพสุขอย่างไม่รู้สึกผิดก็เท่านั้น
เรื่องนี้แม้นจะข้ามหน้าข้ามตาฮ่องเต้ ถ้าฮ่องเต้ได้ยินเข้าจะต้องไม่พอใจแน่ แต่ไม่พอใจแล้วอย่างไร อย่างมากจากนี้ไปก็เห็นเขาเกะกะสายตา จะถอดเอาตำแหน่งอ๋องของเขาไปเลยงั้นหรือ
เหตุผลที่พี่น้องพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าฮ่องเต้ สุดท้ายแล้วก็เพราะมีความปรารถนามากนัก แต่ว่าสิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดคือเจียงซื่อ กว่าจะทำฝันให้เป็นจริงได้นั้นไม่ง่ายเลย แล้วฮ่องเต้จะมาสร้างปัญหาให้ทำไมกัน
นางกำนัลเจี้ยวอิ่นงั้นรึ หึ ข้าดูเป็นพวกคนโง่ที่ทำอะไรไม่เป็นงั้นรึ ตั้งแต่มีการพระราชทานการแต่งงาน ก็ได้สั่งให้หลงต้านไปซื้อตำรามากองหนึ่ง ไม่มีท่วงท่าไหนที่ข้าทำไม่ได้
หลงต้านเอียงหัวด้วยความไม่เข้าใจ
ท่าทางลำพองใจเช่นนี้ของเจ้านายมันคืออะไรกัน
หลงต้านยังไม่ทันได้ขอตัวลา ก็มีองครักษ์เข้ามารายงานอีก “ท่านอ๋อง ตำหนักอวี้เฉวียนส่งนางกำนัลมาสองคนพ่ะย่ะค่ะ”
ตำหนักอวี้เฉวียนเป็นตำหนักของเสียนเฟย
อวี้จิ่นได้ยินก็โกรธจนหัวเราะเยาะออกมา
ไม่จบสินะ
ครั้งแรกเป็นฝ่าบาท ครั้งที่สองเป็นเสียนเฟย อีกเดี๋ยวฮองเฮา ไทเฮาก็จะส่งคนมาด้วยใช่หรือไม่
“บอกให้นายประตูนำตัวออกไป อย่างได้เอาขยะมาทิ้งที่จวนอ๋อง”
เดิมองครักษ์ผู้นี้เป็นองครักษ์คนสนิทตอนอวี้จิ่นอยู่ทางใต้ เขาจึงทำตามรับสั่งโดยไม่เอ่ยปากถามอะไรทั้งสิ้น
จั่งสื่อทราบข่าวก็รีบวิ่งแจ้นมาโดยเร็ว แล้วกระทืบเท้าถอนหายใจยาว “ท่านอ๋อง ไล่ไปไม่ได้ ไล่ไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
อวี้จิ่นทำหน้าขรึม “เหตุใดถึงจะไล่ไปไม่ได้”
จั่งสื่อเอ่ยพูดอย่างร้อนรน “ท่านอ๋อง นั่นคือนางกำนัลที่เสด็จแม่ของท่านส่งมา ท่านไล่ออกไปเช่นนี้ หากเรื่องแพร่งพรายออกไป อาจทำให้ผู้ตรวจการยื่นมติไม่ไว้วางใจว่าท่านไม่กตัญญูรู้คุณได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นกลอกตา “ไม่ไว้วางใจก็ไม่ไว้วางใจ เอาล่ะ จั่งสื่อ นำตัวพวกนางออกไป อย่าได้เสียใจไปเลย”
จั่งสื่อ “…” เขาเสียใจบ้าอะไรกัน เขากำลังจะอกแตกเพราะเยี่ยนอ๋อง!
เรื่องดีๆ ไม่แพร่งพรายออกไปแต่กลับเป็นเรื่องไม่ดี ไม่นานเรื่องที่เยี่ยนอ๋องไล่นางกำนัลที่เสียนเฟยส่งมาให้ออกไปก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
หลู่อ๋องพักอยู่ในตำหนักตรงข้ามเยี่ยนอ๋อง หัวเราะพลางกระทืบเท้า “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเจ็ดเจ้าโง่ ข้าจะคอยดูว่าครั้งนี้เจ้าจะถูกลงโทษอย่างไร! หึ ทำข้าโดนเสด็จพ่อดุด่าโดยไม่มีเหตุผล แถมยังแย่งสตรีที่ข้าหมายปองไปอีก ครั้งนี้ถึงคราวโชคร้ายของเจ้าแล้ว”
ถึงแม้ตำหนักองค์รัชทายาทจะได้ข่าวช้าไปหน่อย แต่องค์รัชทายาทก็รู้สึกสบายใจอกสบายใจอย่างมาก จึงกัดฟันพูดออกไป “เจ้าเจ็ดเจ้าสารเลว ทำข้าโดนเสด็จพ่อว่ากล่าวโดยไร้เหตุผล แถมยังแต่งงานกับสตรีที่ว่ากันว่างดงามที่สุดในเมืองนี้ด้วย ครั้งนี้ถึงคราวโชคร้ายของเจ้าแล้ว!”
องค์ชายทั้งหมดคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ใช่ ครั้งนี้ถึงคราวซวยของเจ้าเจ็ดแล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้ฟังขุนนางสองสามคนวิจารณ์เยี่ยนอ๋องด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก คิ้วจึงขมวดแน่นยิ่งขึ้นอีก
เจ้าเจ็ดเจ้าคนไม่ได้เรื่อง แม้ควรจะถูกโบยตี แต่เรื่องที่คนต่างถิ่นลอบสังหารจอหงวนหลางเมื่อวานนั้นมันไม่คืบหน้าไปไหนเลย แล้วคนพวกนี้ก็เหลือเกิน เรื่องสำคัญนั้นไม่สนใจมัวแต่ไปจับจ้องเรื่องไม่เป็นเรื่อง นี่มันพวกยุ่งเรื่องของชาวบ้านชัดๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็นำตัวเยี่ยนอ๋องไปเข้าเรือนจำ”