ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 422 มีกองกำลังทหารมา
คนที่เดินนำหน้าคือสตรีวัยอายุยี่สิบปีคนหนึ่ง นางสวมชุดสีแดงทับทิมสดพุ่งมาอย่างพรวดพราด เนื่องจากใช้แขนเสื้อบังใบหน้าเอาไว้จึงทำให้ไม่เห็นหน้าตา
พอสตรีเดินมาถึงหน้าประตูร้านลู่เซิงเซียง นางก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ”เซียงลู่ของร้านลู่เซิงเซียงทำหน้าข้าพัง นี่มันร้านค้าไร้ซึ่งมโนธรรม…”
เสียงตะโกงดังลั่นของนาง ได้ดึงดูดให้คนหยุดฝีเท้าลงจำนวนไม่น้อย ร้านค้าที่อยู่ติดกันหรือร้านค้าตรงข้ามต่างพากันออกมามองดูมากมาย
ภายในห้องโถงของร้านลู่เซิงเซียง ผู้คนที่เตรียมตัวซื้อเซียงลู่ต่างพากันมองหน้ากันและกันอย่างมึนงง
ซิ่วเหนียงจื่อเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ไท่ไท่ท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านร้องไห้อยู่หน้าร้านด้วยเหตุใดหรือ”
“ด้วยเหตุใด?” สตรีพลันวางมือลง แล้วใบหน้าก็เผยออกมา นางกล่าวเสียงแหลม ”ทุกท่านจงดู ที่หน้าของข้ากลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะใช้เซียงลู่ของร้านลู่เซิงเซียง ให้ตายเถอะ เดิมทีข้าคิดว่าใช้เซียงลู่นี้แล้วจะทำให้ผู้ชายของข้ามองข้ามากขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าข้าไม่สามารถมองหน้าใครได้อีก แล้วผู้ชายของข้าจะต้องขอหย่ากับข้าเป็นแน่…”
ใบหน้าของสตรีอายุน้อยมีตุ่มสีแดงขึ้นเต็มไปหมด ตุ่มบางอันถึงกระทั่งแตกออกเป็นหนอง มองแล้วชวนให้น่าขนลุกอย่างที่สุด
เสียงร้องไห้สะอื้นขึ้นๆ ลงๆ
ผู้คนที่ยืนมองเริ่มพากันยกมือขึ้นชี้สินค้าขายดีของลู่เซิงเซียง
“ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้หรอกกระมัง กิจการของร้านลู่เซิงเซียงรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ใช้ของๆ เขาแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้ได้เชียวหรือ”
“พูดยากเหมือนกัน เพราะร้านนี้ก็ไม่ใช่ร้านที่มีอายุเก่าแก่ร้อยปี หากจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก…”
“จุ๊ๆ ถ้าเช่นนั้น ต่อไปนี้ก็ใช้ของๆ ร้านลู่เซิงเซียงไม่ได้แล้วใช่หรือไม่”
ลูกค้าที่อยู่ในร้าน วางแป้งชาดกับเซียงลู่ที่เลือกเสร็จเตรียมจะจ่ายเงินลงอย่างรวดเร็วราวกับมันร้อนมือ
แม้ว่าซิ่วเหนียงจื่อประสบกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรสาวเป็นเวลานาน แต่นางสูญเสียสามีไปตั้งแต่ลูกยังเล็กและเลี้ยงดูด้วยตัวเองจนลูกสาวนางเติบใหญ่ ลึกๆ แล้วนางจึงเป็นคนที่เข็มแข็งมาก เมื่อเห็นสตรีนางนี้ก่อความวุ่นวาย นางจึงหยิบไม้กวาดตรงประตูขึ้นมาแล้วฟาดลงกับพื้นอย่างสุดแรง
เสียงร้องไห้ของสตรีพลันชะงัก
คิ้วเรียวดุจใบหลิวของซิ่วเหนียงจื่อพลันตั้งขึ้น เสียงที่ตะโกนออกมานั้นสูงกว่าสตรีวัยสาว ”ไท่ไท่ ที่ท่านกล่าวหาว่าใบหน้าของท่านเป็นเช่นนี้เพราะใช้เซียงลู่ในร้าน ท่านมีหลักฐานหรือไม่ เซียงลู่ของเรา ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน เรามีการขายออกไปแล้วแม้นไม่ถึงพันแต่แปดร้อยชิ้นนั้นต้องมีแน่ๆ เหตุใดคนอื่นใช้แล้วไม่เป็นอะไร มีแค่ท่านที่มีปัญหา”
สตรีวัยสาวโต้กลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ”หลักฐาน? ข้าเพิ่งซื้อเซียงลู่จากร้านของเจ้าเมื่อวาน เมื่อข้าทาลงบนหน้าไม่กี่หยดเมื่อตอนกลางคืน พอข้าตื่นขึ้นมา หน้าของข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว แล้วหน้าของข้ายังไม่นับว่าเป็นหลักฐานอีกหรือ”
สตรียิ่งพูดยิ่งเดือด จนชักนำให้คนมาดูมากยิ่งขึ้น
“ถึงข้ามิใช่คนร่ำรวย แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำลายใบหน้าของข้าด้วยการใส่ร้ายพวกเจ้าเพื่อหลอกเอาเงินหรอกกระมัง”
ผู้คนที่มุงดูฟังแล้วพยักหน้าตามกัน
นั่นสิ สตรีให้ความสำคัญกับรูปหน้ามาก ไม่มีใครอยากได้เงินจนทำลายใบหน้าของตัวเองหรอกกระมัง
แล้วสตรีท่านนี้แต่งตัวไม่แย่ ตรงข้อมือยังสวมไว้ด้วยกำไลทอง ไม่เหมือนคนไม่มีเงิน
เสียงวิจารณ์ต่างๆ นานา ทำให้ซิ่วเหนียงจื่อเริ่มว้าวุ่นใจ
ไม่ได้การแล้ว ถ้าขืนปล่อยให้สตรีท่านนี้ทำเช่นนี้ต่อไป ร้านลู่เซิงเซียงจะไม่สามารถเปิดร้านต่อไปได้แน่…
“พูดไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ พวกเจ้ามันพวกร้านชอบโกงที่ไร้ซึ่งมโนธรรม! ทำลายให้หมด ให้ร้านชอบโกงนี้หลอกลวงใครไม่ได้อีก!” สตรีนางนี้ร้องไห้ไปตะโกนไป ไม่เหลือช่องว่างให้ซิ่วเหนียงจื่อตอบโต้เลยสักนิด
ชายร่างใหญ่ที่เดินตามมาด้านหลัง พุ่งเข้าไปยังร้านลู่เซิงเซียงและทำลายข้าวของทันที
ลูกค้าสตรีในร้านวิ่งออกมาอย่างหวาดผวา และมารวมตัวเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับพวกเฝ้าดูเรื่องน่าตื่นเต้น
เวลาเจอเรื่องแบบนี้ ความกลัวก็ส่วนความกลัว เรื่องสนุกก็ยังต้องดู
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าคนที่มาดูเรื่องสนุกจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เรื่องราวที่ว่ามีคนใช้เซียงลู่จากร้านลู่เซิงเซียงแล้วหน้าพังจะแพร่งกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และข่าวที่แพร่งออกไปอย่างกว้างขวาง จะมีใครอยากรู้ความจริงอีก
สิ่งที่นางต้องการไม่เพียงแค่ร้านเครื่องประทินโฉมเล็กๆ นี้เปิดร้านต่อไปไม่ได้เท่านั้น แต่นางอยากรู้ว่าหากจัดการคนของพระชายาเอกแล้ว พระชายาเอกจะออกหน้าแทนหรือไม่
ถ้าหากพระชายาเอกไม่กล้าออกหน้า ถ้าเช่นนั้นก็ลิ้มรสความอัดอั้นนี้ให้อิ่มหนำไปเลยแล้วกัน แต่ถ้าทนไม่ไหวจนยอมออกหน้า เรื่องนี้ก็จะมีความน่าสนใจขึ้นมาทันใด
ร้านลู่เซิงเซียงไม่ได้เปิดร้านหลังจากพระชายาเอกแต่งเข้าจวนอ๋อง
หญิงสาวยังไม่ออกเรือนแต่ซื้อทรัพย์สินไว้เป็นการส่วนตัวถือว่าเป็นความผิดอย่างหนึ่ง แล้วร้านค้าที่เปิดยังเกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ขึ้น สิ่งที่สูญเสียไปในเวลานี้คือชื่อเสียงของราชวงศ์ ถึงเวลานั้นนางจะรายงานอย่างไร
เยี่ยนอ๋องยังจะมองว่านางดีเลิศประเสริฐศรีอยู่อีกหรือไม่
ชุยหมิงเย่ว์คาดหวังที่จะเห็นสองสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวดั่งเครื่องเสียงที่สอดประสานค่อยๆ ขาดออกจากกันเป็นอย่างมาก
“อย่าทำเช่นนั้น หยุดนะ พวกเจ้าอย่าทำลายเช่นนั้น…” ซิ่วเหนียงจื่อไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะลงมือทำทันที นางร้องไห้ไปตะโกนไปพร้อมกับยกไม้กวาดขึ้นฟาดลงไปยังชายร่างใหญ่คนหนึ่ง
ชายคนนั้นร่างใหญ่ตัวหนา เขากลัวสตรีที่ไหนกัน พลันยื่นมือคว้าไม้กวาดโยนลงพื้น จากนั้นยกเท้าขึ้นถีบซิ่วเหนียงจื่อทันที
ซิ่วเหนียงจื่อถูกถีบจนล้มไปกับพื้น นางกอดขาของชายร่างใหญ่ไว้แน่น “ห้ามทุบนะ ห้ามทุบ…”
ผู้คนที่มุงดูเผยสีหน้าทนมองไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครปริปากสักคน
ใบหน้าของผู้เสียหายเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยากที่จะแยกแยะความจริงกับความเท็จ หากว่ามีสาเหตุมาจากการใช้เซียงลู่จากร้านนี้จริง ต่อให้ทุบจนพังก็เป็นเรื่องที่ควร
แล้วบรรดาเจ้าของร้านค้าที่เห็นกิจการของร้านลู่เซิงเซียงรุ่งเรืองขายดีจนตาร้อนก็ใช้โอกาสนี้ตอกย้ำซ้ำเติม
เหอะๆ ช่างความจริงความเท็จมันปะไร หากว่าร้านลู่เซิงเซียงล้มลง กิจการของพวกเขาก็จะดีขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงตะโกนมาพร้อมกับเงาร่างอันแข็งแกร่งที่พุ่งตัวเข้าไปถีบเข้าที่ใบหน้าของชายร่างใหญ่
ซิ่วเหนียงจื่อเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก น้ำตาพลางไหลพรากด้วยความเจ็บปวด “แม่นางฉูฉู่ มาสักที”
สาวน้อยทักษะปราดเปรียวคนนี้ก็คือหลูฉูฉู่
หลูฉูฉู่กับซิ่วเหนียงจื่อเข้ามาอยู่อาศัยที่หลังร้านลู่เซิงเซียงพร้อมกัน ทั้งคู่นับว่ามีชีวิตที่มั่นคงแล้วในเมืองหลวง
วันนี้นางพาบ่าวรับใช้คนหนึ่งไปซื้อเครื่องปรุงเซียงลู่ตั้งแต่เช้า คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาพังร้าน
หลูฉูฉู่มีทักษะที่ไม่เลว เวลาเผชิญหน้ากับผู้ชายนางถึงกับเหนือกว่า
ซิ่วเหนียงจื่อลุกขึ้นมาหยิบไม้กวาดและช่วยอีกแรง
ทั้งสองฝั่งต่อสู้กันแทบสลัดตัวออกจากกันไม่ได้ ผู้ชมที่อยู่ล้อมรอบ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่ามันควรค่าแก่การดูเป็นอย่างมาก ขาของบางคนที่ตอนแรกจะกลับไปทำงานถึงกับไม่ขยับไปไหน
งาน ทำยังไงก็ทำไม่หมด แต่เรื่องสนุกไม่ได้มีทุกวันนะ
ชุยหมิงเย่ว์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเผยอาการหน้าชา
นางแอบสืบประวัติมา ที่ร้านลู่เซิงเซียงมีผู้จัดการร้านเป็นผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งคน บ่าวรับใช้สองคน และยังมีหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่คอยจัดการเรื่องจิปาถะ ดูๆ แล้วก็ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นกับผู้จัดการร้านเท่าไร
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีวิชา
ไม่ว่าจะเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋อง หรือคนของพระชายาเอก ต่างก็ล้วนแต่สร้างความประหลาดใจให้กับนางเสมอ
ถ้าเป็นเช่นนี้ หากคิดอยากสั่งสอนคนของร้านลู่เซิงเซียงก็นับว่ายาก
แต่ชุยหมิงเย่ว์ไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง
หากคนที่ตามสตรีมาสร้างความวุ่นวายด้วยการลงมือฆ่าคนอย่างเชี่ยวชาญ นั่นอาจเกิดความสงสัยขึ้นกับทุกคน
นางเหลือบตาไปยังสุดปลายทางของถนน จนเห็นว่ากองกำลังทหารกลุ่มหนึ่งกำลังย่ำเท้ามาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของนางจึงยกขึ้นเบาๆ
สู้เก่งแล้วอย่างไรเล่า สองหมัดก็สู้สี่มือไม่ไหว หรือผู้หญิงคนนั้นจะสู้ทหารตั้งมากมายเพียงนี้ได้เชียวหรือ
รอให้กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครพาคนของร้านลู่เซิงเซียงไปก่อน พระชายาเอกจะได้เห็นบ่าวรับใช้ของตนจำคุก หรือไม่ นางก็จะใช้ตำแหน่งพระชายาเอกไปช่วยคนออกมา
ถึงเวลานั้น สถานะเจ้าของร้านที่พระชายาเป็นอยู่ก็จะถูกเปิดเผย
เมื่อมีกองกำลังทหารมา ชาวบ้านที่รุมมองก็พากันเปิดทางออก
ผู้นำกองกำลังหยุดลงและกล่าวขึ้นเสียงสูง “นำตัวผู้ก่อความวุ่นวายทั้งหมดกลับไป!”