ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 437 สิ้นสุด
ภายในจวนเยี่ยนอ๋อง ยากที่จะเห็นว่าอวี้จิ่นไม่อยู่อวี้เหอย่วน แต่นั่งเปิดหนังสืออย่างเบื่อหน่ายอยู่ในห้องหนังสือด้านหน้าเรือน
ห้องหนังสือเปิดหน้าต่างเอาไว้ ตรงไม่ไกลด้านนอกหน้าต่าง มีกอไผ่กอหนึ่งโยกตามสายลมในยามค่ำคืน
อวี้จิ่นพลิกหนังสือจนเบื่อจึงคว่ำลงบนโต๊ะ เขาลุกขึ้นแล้วมองออกไปข้างนอกจากหน้าต่าง
แสงสลัวจากดวงจันทร์ แต่งแต้มทุกสิ่งที่อยู่ด้านนอกจนเป็นสีขาวนวลจางๆ ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บอย่างอธิบายไม่ถูก
อวี้จิ่นคำนวณเวลาแล้วรู้สึกว่าไม่ควรรอต่อไป จึงก้าวเท้าไปยังประตูห้องหนังสือ
เขาเพิ่งเดินมาถึงทางออกประตู ก็ได้ยินเสียงของหลงต้านดังขึ้นจากด้านนอก “เจ้านาย เจ้านายอยู่หรือไม่ขอรับ”
อวี้จิ่นยืนนิ่ง ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “อยู่”
“ถ้าเช่นนั้น บ่าวขอเข้าไปนะขอรับ”
เสียงของประตู ทลายความเงียบคืนแห่งฤดูใบไม้ร่วงในทันใด หลงต้านเดินเข้ามาอย่างสายฟ้าแลบ
อวี้จิ่นได้นั่งลงอีกครั้ง ส่งสัญญาณให้หลงต้านเดินเข้ามา
“เจ้านายขอรับ คนที่คอยจับตาจูจื่ออวี้ส่งข่าวมาว่า…”
หลังจากฟังหลงต้านรายงานเสร็จ อวี้จิ่นเลิกคิ้ว “เจ้าหมายความว่า ชุยหมิงเย่ว์หนีออกจากเรือนใหม่เมื่อไม่นานมานี้ แต่ถูกคนจับตัวไปอีกรึ”
“ขอรับ พอตามไป ก็พบว่าชุยหมิงเย่ว์ถูกจับตัวไปที่จวนเซียงอ๋อง…”
อวี้จิ่นหลุดขำ พรวด “เรื่องราวสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ”
หลงต้านรู้สึกสงสัยอย่างทรมาน อดไม่ได้จึงเอ่ยถาม “เจ้านายขอรับ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในวันแต่งงานของชุยหมิงเย่ว์”
อวี้จิ่นเขม่นตาใส่หลงต้านหนึ่งที “สิ่งใดไม่ควรถามก็อย่าถาม”
หลงต้านหัวเราะ ฮี่ๆ “ถ้าเช่นนั้นยังจะให้คนของเราตามต่อหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องแล้ว”
อวี้จิ่นสั่งหลงต้านให้กลับไปเสร็จ ก็เดินตามทางหินที่ปูไว้ด้วยแสงจันทร์กลับไปยังอวี้เหอย่วน
ไฟจากเรือนเอกยังคงสว่างจ้า เจียงซื่อยังไม่เข้านอนเช่นเดียวกัน
“พระชายา ท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ” อาเฉี่ยวกำลังรายงาน อวี้จิ่นก็เดินเข้ามา
เจียงซื่อส่งสัญญาณให้อาเฉี่ยวและคนอื่นๆ ออกไป แล้วมองไปยังอวี้จิ่น
“อาซื่อ เจ้าเดาไว้ไม่ผิด คืนนี้มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับชุยหมิงเย่ว์และจูจื่ออวี้จริงๆ”
ในมุมมองของอวี้จิ่น ไม่มีความจำเป็นต้องส่งคนจับตามองชุยหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้ ซึ่งการกระทำในคืนนี้เป็นข้อเสนอของเจียงซื่อ
“ผิดปกติอย่างไรหรือ” เจียงซื่อเอ่ยถาม
แมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม กับคนเช่นชุยหมิงเย่ว์ ต่อให้ตกลงบ่อโคลนก็ห้ามหลวมตัวเด็ดขาด
บางทีคนที่เข้าใจคนมากที่สุดมักเป็นคู่ต่อสู้เสมอ เจียงซื่อไม่เชื่อว่าคนที่วางกับดักเล่นงานพี่สาว จะเต็มใจเป็นสามีภรรยากับจูจื่ออวี้ผู้มีภรรยาแล้ว
นางส่งคนไป เพียงแค่คอยจับตามองไว้ หากได้อะไรกลับมาก็ดี ไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็ไม่เป็นไร
เมื่อนึกถึงรายงานของหลงต้าน อวี้จิ่นหัวเราะ “นางอาจหนีงานแต่งงาน หยิบของแล้วหนีออกมาตอนกลางคืน”
เจียงซื่อส่ายหัว “ก็สมกับเป็นเรื่องที่ชุยหมิงเย่ว์กล้าทำ”
งานแต่งงานของชุยหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้เป็นงานแต่งงานพระราชทาน จะปฏิเสธอย่างเปิดเผยคงทำไม่ได้
ถ้าไม่สมัครใจ ก็เหลือเพียงตัวเลือกเดียวคือหนีการแต่งงานลับๆ
แน่นอนว่า การทำเช่นนี้หากเป็นครอบครัวธรรมดาทั่วไป ส่งผลกระทบถึงคนในครอบครัวเป็นแน่ แต่ชุยหมิงเย่ว์ไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งนี้
ต่อให้ฮ่องเต้จะพิโรธเพียงใด ก็ไม่ทำสิ่งใดมากกับองค์หญิงใหญ่หรงหยาง
“อาจิ่น ลูกน้องของเจ้าคงมิได้จับตัวคนมาหรอกใช่หรือไม่” เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เจียงซื่อกังวลเล็กน้อย
อวี้จิ่นยื่นมือออกไปขยี้แก้มเจียงซื่อ “คิดอะไรของเจ้า ลูกน้องของข้าจะโง่เขลาเพียงนั้นเชียวรึ ชุยหมิงเย่ว์ถูกคนจับตัวไปจริง แต่เป็นคนของเซียงอ๋อง”
เจียงซื่อโล่งอกไปที “ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
เคยกล่าวไว้ตั้งแต่แรก ด้วยนิสัยคนหัวสูงอย่างชุยหมิงเย่ว์ ไม่มีความจำเป็นต้องยื่นมือออกไป นางก็จะจัดการตัวเอง จากสถานการณ์ในวันนี้ ดูเหมือนว่าเป้าหมายเล็กๆ นี้ใกล้จะเป็นความจริงเข้าไปทุกที
“แล้วจูจื่ออวี้ล่ะ”
อวี้จิ่นดึงเจียงซื่อเดินไปยังเตียง กล่าวขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าเดาว่าตายแล้ว…”
ฝีเท้าของเจียงซื่อหยุดชะงัก แววตาฟื้นคืนสภาพปกติอย่างเร็ว
คนที่ทำร้ายพี่ใหญ่ตายแล้ว สะใจเสียจริง
ภายในจวนเซียงอ๋อง เซียงอ๋องกำลังมองหญิงสาวที่ถูกอุดปาก ใบหน้าเป็นสีดำทั้งหน้า เขากระชากองครักษ์ลับแล้วตบหน้าอย่างแรงหลายที ทั้งตบทั้งด่า “เจ้าโง่รึไง หะ เจ้าโง่รึไง ข้าให้จับตามองความเคลื่อนไหวทางนั้น แต่เจ้าจับตัวกลับมาทำไม”
เวลานี้ เซียงอ๋องรู้สึกกระวนกระวายมาก
เขาไม่พอใจที่อับอายขายหน้าและหญิงชั่วชายเลวคู่นั้นได้เป็นสามีภรรยากัน เขาถึงต้องสั่งคนคอยจับตามองเอาไว้ หากมีโอกาสที่เหมาะสมจะได้แก้แค้นสักหน่อย
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เจ้าโง่สายลับดันจับตัวชุยหมิงเย่ว์กลับมาให้เขาเสียอย่างนั้น!
องครักษ์ลับรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมด้วยเช่นกัน
เจ้านายสั่งให้จับตามองทางนั้น ก็เพื่อที่จะจัดการเรื่องราวได้ทันท่วงที คุณหนูชุยหนีออกจากงานแต่งงานในตอนกลางคืน เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หากว่าเขาไม่จับตัวกลับมาก่อน แล้วจะปล่อยให้คนหนีไปเงียบๆ อย่างนั้นรึไง
ถึงตอนนั้น เจ้านายมาเรียกร้องเอาตัวชุยหมิงเย่ว์กับเขา เขาจะทำอย่างไรเล่า!
“โง่เง่า!” เซียงอ๋องตบจนเจ็บมือถึงหยุด เขาเดินมาตรงหน้าชุยหมิงเย่ว์
ในแววตาของชุยหมิงเย่ว์ มีทั้งความตกใจและความโกรธ
เซียงอ๋องฟาดลงไปหนึ่งที เขายิ้มเย็นชาและเอ่ยถาม “หญิงชั่ว มองหน้าข้าเช่นนั้นด้วยการใด”
ชุยหมิงเย่ว์พูดไม่ได้ ไฟโกรธในแววตาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม
เซียงอ๋องเป็นโรคจิตหรืออย่างไร ส่งคนจับตามองนางในเวลาคืน!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ชุยหมิงเย่ว์พลันใจเต้นขึ้นมา ไฟโทสะในแววตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งการร้องขอในทันใด
นางเกิดมาหน้าสวยจับใจคนได้ ต่อให้ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแค่ลดตัวลงแล้วแสดงสีหน้าร้องขอกับบุรุษคนใด บุรุษคนนั้นย่อมยากที่จะไม่เกิดความรู้สึก
เซียงอ๋องตะลึงไปครู่หนึ่งจริงๆ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “ทำไมรึ ตอนนี้รู้จักร้องขอข้าแล้วรึ”
ชุยหมิงเย่ว์ส่งเสียง ฮือ ออกมาอย่างร้อนใจ
หนีจากการแต่งงานมาตกอยู่ในมือเซียงอ๋อง ชุยหมิงเย่ว์รู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก
นางต้องได้รับโอกาสในการพูดก่อน ถึงจะเอาตัวรอดในสถานการณ์เช่นนี้ได้
เมื่อเห็นสตรีที่เดิมทีสูงส่งตกมาอยู่ในสภาพนี้ เซียงอ๋องก็ไม่โกรธองครักษ์ลับขนาดนั้นอีก
การได้ทรมานหญิงแห่งความภาคภูมิกับมือตัวเอง มันช่างสะใจยิ่งกว่าในจินตนาการเสียอีก
เซียงอ๋องยื่นมือบีบคางชุยหมิงเย่ว์ พร้อมเผยรอยยิ้มอันเย็นเยือก “หญิงชั่ว เจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสเจ้าแสดงฝีปากรึ”
ชุยหมิงเย่ว์กะพริบตา ปริบๆ ราวกับไม่เข้าใจว่าเซียงอ๋องหมายความถึงสิ่งใดชั่วขณะ
นิ้วของชายหนุ่มสัมผัสกับคางขยับลงไปช้าๆ ทีละนิด จนหยุดลงบริเวณลำคอที่เนียนขาวที่ใกล้กับไขกระดูกอันงดงาม
รอยจูบตรงไขกระดูกทำให้เซียงอ๋องหลุดขำ พรวด “เหอะๆ ดูเหมือนว่าเข้าห้องหอมาแล้ว? แล้วยังจะหนีอีกทำไมเล่า”
เนื้อตัวของชุยหมิงเย่ว์สั่นระริก ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ
เซียงอ๋องคิดจะทำสิ่งใด คิดจะทำลายความบริสุทธิ์ของนาง?
ความคิดนี้เพิ่งก่อตัว เสียง แกร้ก ก็ดังขึ้น
ดวงตาของชุยหมิงเย่ว์เบิกกว้างขึ้นในทันใด ปฏิกิริยาหย่อนช้าลงเล็กน้อย
เกิดสิ่งใดขึ้น
ความคิดจางๆ นี้เพิ่งแล่นผ่าน หญิงสาวผู้สวยสดดุจบุปผาก็เกิดคอพับราวกับหงส์ปีกหัก
เซียงอ๋องหย่อนตามองมือของตัวเอง
ช่วยไม่ได้ ในเมื่อชุยหมิงเย่ว์เข้ามาในจวนเซียงอ๋อง ก็ต้องจัดการด้วยวิธีนี้เท่านั้น ลำบากเพียงครั้งเดียวแต่สบายไปตลอด
เขามองไปทางองครักษ์ลับ
องครักษ์ลับ “…” เขาผิดไปแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ
“นำศพไปจัดการหน่อย ข้าจำได้ว่า เรือนร้างที่ถูกทิ้งไปของจวนอ๋อง มีบ่อร้างอยู่บ่อนึง…”
องครักษ์ไม่กล้าเอ่ยแม้แต่คำเดียว เขาแบกศพชุยหมิงเย่ว์ขึ้นเสร็จก็วิ่งหนีทันที
แสงไฟในห้องสลัวๆ เซียงอ๋องหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือพลางถอนหายใจ
เขาเองก็จนใจเช่นกัน ก็ต้องโทษที่สตรีคนนี้อายุสั้น
วันถัดมา เสียงกรีดร้องเสียงหนึ่ง ได้ทำลายความสงบของเรือนอาศัยเรือนเล็ก