ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 440 จดหมายจากเจียงอี
เทศกาลไหว้พระจันทร์รัชศกจิ่งหมิงในปีที่สิบเก้า ครอบครัวนับหมื่นครัวเรือนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ภายในพระราชวังกลับเงียบสงบไม่คิดจัดงานเลี้ยงภายในขนาดใหญ่
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกกลัวแล้วจริงๆ
ช่วงนี้ความไม่สงบระลอกแรกยังไม่ทันจบก็เกิดระลอกใหม่ เงียบไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยความเงียบก็ไม่มีเรื่องแผลงๆ เกิดขึ้น
แม้เป็นเช่นนี้ แต่งานเลี้ยงเล็กๆ ของเหล่าสนมท้ายวังกับเหล่าองค์หญิงที่ยังไม่ออกเรือนก็ยังไม่สามารถเลี่ยงได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้เสด็จตำหนักฉือหนิงก่อน
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียวก็เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ ช่วงเวลากินปูมาถึงอีกครั้ง” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสเสริมพร้อมกับแย้มพระโอษฐ์
ไทเฮาส่ายหัว “ข้าอายุปูนนี้แล้ว กินของธาตุเย็นเช่นนั้นไม่ได้ ว่าแต่ฮ่องเต้ งานเลี้ยงภายในวังปีนี้จัดขึ้นที่ใดรึ”
หลายปีมานี้ ด้วยพระชันษาของไทเฮาที่มากขึ้นเรื่อยๆ พระองค์จึงเสด็จร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้นับครั้งได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลังเลครู่หนึ่งถึงตรัส “จัดที่ตำหนักชุนเหอพ่ะย่ะค่ะ”
“ตำหนักชุนเหอ?” ไทเฮาฟังแล้วรู้สึกผิดปกติ
ตามระเบียบธรรมเนียม งานเลี้ยงภายในราชวงศ์ล้วนจัดที่ตำหนักฉางเซิง ตำหนักชุนเหอบรรจุลูกหลานได้ไม่มากเท่านั้น
จิ่งหมิงฮ่องเต้อธิบายด้วยพระพักตร์เรียบ ”ลูกถามเทียนซือแล้ว เทียนซือบอกว่างานเลี้ยงปีนี้ไม่เหมาะจัดที่ตำหนักฉางเซิงพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาพยักหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงที่ตำหนักฉางเซิงเมื่อไม่นานมานี้ ชวนให้รู้สึกพรั่นพรึงแล้วจริงๆ
“ตำหนักชุนเหอก็เล็กเกินไปกระมัง…”
“ปีนี้ก็เลยไม่คิดเรียกพวกเขาเข้าวัง ฉลองกันเฉพาะคนในวังพ่ะย่ะค่ะ”
แตกต่างจากเทศกาลตงจื้อและเทศกาลเจิ้งต้าน[1] เทศกาลไหว้พระจันทร์จะฉลองอย่างไรนั้นเป็นเรื่องภายในครอบครัวของโอรสแห่งสวรรค์ จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่อยากจัดใหญ่โต เหล่าผู้ตรวจการพากันดีใจที่ฮ่องเต้ไม่ฟุ่มเฟือย
ส่วนไทเฮา แน่นอนว่าจะไม่สงสัยใดๆ โดยเป็นเหตุให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย จึงตรัสตาม “ในเมื่อไม่เรียกฉินอ๋องและคนอื่นเข้าวัง ก็เรียกหรงหยางมาเถอะ ข้าไม่ได้เจอนางนานแล้ว”
ฮ่องเต้เริ่มปวดพระเศียรอีกครา
พระองค์หลอกให้เรื่องหลานสาวเลยผ่านไป เวลานี้กำลังเครียดเลยว่าจะทูลต่อไทเฮาอย่างไร
ไทเฮาทอดพระเนตรมองจิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบๆ แล้วตรัสเสริม “หมิงเย่ว์ด้วยอีกคน แม้ว่าหลังจากเข้าพิธีแต่งงาน ไม่ต้องเข้าวังมาถวายน้ำชาให้ข้า แต่จะไม่ให้เห็นแม้แต่เงาเลยเช่นนี้ก็คงไม่ได้…ฮ่องเต้ ข้าพูดตามตรง ช่วงนี้หนังตาข้ากระตุกตลอดเวลา…”
“ข้างซ้ายหรือข้างขวาพ่ะย่ะค่ะ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสโพล่ง
ไทเฮาชะงักครู่หนึ่ง คิ้วขมวดเล็กน้อย
ตาข้างไหนกระตุกเป็นประเด็นสำคัญหรือ หรือว่าฮ่องเต้ไม่เข้าใจในความหมายของนาง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ถูกไทเฮามองจนรู้สึกไม่สบายพระทัย
ไทเฮาหมุนลูกประคำตรงข้อมือพร้อมเอ่ยถามจิ่งหมิงฮ่องเต้ “ฮ่องเต้ เกิดเรื่องขึ้นกับหรงหยางและหมิงเย่ว์หรือ”
ฮ่องเต้เผยความลังเลผ่านสีหน้า
ไทเฮาถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าข้าแก่แล้วจริงๆ ใช้การไม่ได้แล้ว…”
“เสด็จแม่อย่าได้ตรัสเช่นนั้นเลย เรื่องของหมิงเย่ว์พูดแล้วเรื่องมันยาว ข้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี”
“ถ้าเช่นนั้นก็ค่อยๆ พูด กว่างานเลี้ยงจะมาถึงก็คืนพรุ่งนี้ ไม่ต้องรีบ”
“วันที่เจ้าแปดเข้าพิธีอภิเษกสมรส จูจื่ออวี้วิ่งมาแย่งตัวเจ้าสาวระหว่างทางรับตัว…”
“อะไรนะ!”
“ปรากฏว่าในคืนเข้าหอ หมิงเย่ว์ฆ่าจูจื่ออวี้แล้วหนีไป จนตอนนี้หายสาบสูญไร้ร่องรอย…”
“อะไรนะ!!”
ไทเฮามองจิ่งหมิงฮ่องเต้อ้าปากค้าง
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับรู้สึกสบายพระทัยเมื่อได้ตรัสออกไปในคราเดียว เขายกพระหัตถ์ขึ้นแตะไหล่ไทเฮาอย่างแผ่วเบา “เสด็จแม่ ทรงอย่าได้กัง…”
ไทเฮากลอกตาแล้วเป็นลมทันที
จิ่งหมิงฮ่องเต้เหลือบมองซ้ายมองขวา เห็นนางกำนัลนางหนึ่งกำลังยืนตะลึงงันด้านข้าง พลันยื่นมือออกไปหยิกจุดเหรินจงของไทเฮาอย่างแรงหนึ่งที
ไทเฮาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เสียงร้องตกใจของนางกำนัลถึงเริ่มดังขึ้น “แย่แล้ว ไทเฮาสลบไป…”
ไทเฮา “…??”
“เงียบซะ!” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตะโกนและไล่นางกำนัลออกไป
“ฮ่องเต้ เมื่อกี้พูดจริงหรือ” ไทเฮาคว้าพระหัตถ์จิ่งหมิงฮ่องเต้ ขวับ
จิ่งหมิงฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์อย่างขมขื่น “ลูกก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง…”
ไทเฮาได้สติกลับคืนมา สีพระพักตร์เริ่มกลับสู่ปกติ พลางเอ่ยขึ้นเรียบๆ “หรงหยางสั่งสอนบุตรสาวตัวเองอย่างไร!”
ในสายตาของไทเฮา ชุยหมิงหย่ว์รักษาดวงตาของพระนางจนหายดี นางจึงได้ขอพิธีอภิเษกให้กับเซียงอ๋องแทนชุยหมิงเย่ว์มาได้ ก็นับว่าได้ชดเชยกันแล้วทั้งสองฝ่าย
แต่ในใจลึกๆ ไทเฮายังคงมีความไม่พอพระทัยในตัวชุยหมิงเย่ว์อยู่บ้าง
วันนี้พอได้ยินชุยหมิงเย่ว์ฆ่าคนแล้วหายสาบสูญ นอกเหนือจากความตะลึงตกใจแล้ว ไทเฮากลับรู้สึกโล่งอกอย่างน่าประหลาด
ยัยเด็กนี้โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ช่างโชคดีเสียจริงที่ไม่ได้แต่งเข้าจวนเซียงอ๋อง
ไทเฮาไม่กล้าคิดแม้แต่น้อยว่าถ้าชุยหมิงเย่ว์จัดการเซียงอ๋องแทน แล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
จิ่งหมิงฮ่องเต้คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะรับเรื่องราวได้เร็วถึงเพียงนี้ พลางถอนหายใจเงียบๆ
ท้ายที่สุดก็เพราะเป็นไทเฮา ความสามารถในการควบคุมตนเองเช่นนี้ เหล่าสนมท้ายวังควรเรียนรู้ไว้ให้มาก
พูดคุยกับไทเฮาไปอีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไทเฮาไม่มีความผิดปกติใดจริงๆ จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงลากลับ
หลังจากจิ่งหมิงฮ่องเต้เสด็จกลับแล้ว ไทเฮาออกคำสั่งทันที “ช่วงนี้หากว่าองค์หญิงใหญ่หรงหยางขอเข้าเฝ้า แจ้งกลับไปว่าข้าไม่สบาย”
มีบุตรสาวประพฤติตนเช่นนี้ หรงหยางควรทบทวนตัวเองดีๆ
องค์หญิงใหญ่หรงหยางกลับไม่คิดจะทบทวนตัวเอง
เดิมทีควรเป็นงานเลี้ยงฉลองวันไหว้พระจันทร์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่นางกลับได้ฉลองตัวคนเดียวในจวนองค์หญิง
สมัยก่อน หมิงเย่ว์มักพาอาอี้มาหานาง…
อาหารรสเลิศวางเต็มโต๊ะ องค์หญิงใหญ่หรงหยางไม่แตะตะเกียบเลยแม้แต่น้อย แต่กลับไปพักที่ห้องตั้งแต่เช้า
เมื่อนอนหลับไปอย่างสลึมสลือได้ไม่นาน องค์หญิงใหญ่หรงหยางพลันลุกขึ้นนั่ง นางได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
นางฝัน ในฝันของนางหมิงเย่ว์เลือดออกรูทวารทั้งเจ็ด และร้องขอให้นางแก้แค้นให้…
ภาพในฝันนั้นสมจริงมาก จนองค์หญิงใหญ่หรงหยางถึงกับว้าวุ่นใจ
หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหมิงเย่ว์จริงๆ
ใช่แน่ หญิงสาวอายุน้อยอย่างหมิงเย่ว์ แม้มีวิชาติดตัวอยู่บ้าง แต่ความอันตรายเวลาอยู่คนเดียวก็มีมากเช่นกัน
เดิมทีนางคิดว่าหาตัวพบก็ต้องมารับโทษประหารชีวิต จึงหวังเพียงว่าบุตรสาวหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ปลอดภัยก็พอ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ!
ในช่วงเวลาเช่นนี้ ผู้คนมักเชื่อในเรื่องลี้ลับ องค์หญิงใหญ่หรงหยางลงจากเตียงและเดินไปยังประตูอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้อง นางพลันหยุดลง
นางอยากไปหาชุยซวี่ บอกกับเขาว่าหมิงเย่ว์เกิดเรื่องแล้ว แต่บอกแล้วจะเป็นอย่างไรต่อเล่า
ชุยซวี่ต้องพูดว่าหมิงเย่ว์หาเรื่องใส่ตัวเองแน่ๆ
ชายผู้นี้เคยใส่ใจภรรยากับบุตรสาวของเขาที่ไหนกัน ภายในใจคิดถึงแต่เพียงหญิงชั่วที่ตายไปนานแล้ว!
องค์หญิงใหญ่หรงหยางทั้งเกลียดชังทั้งแค้นใจ สภาพที่น่าเศร้าของบุตรสาวในฝันยิ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวไม่สบายใจ พลิกตัวไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งคืน นางทาแป้งปกปิดใต้ตาดำคล้ำเสร็จก็เข้าวังไปเข้าเฝ้าไทเฮาทันที
“ไทเฮาประชวร?” เมื่อได้ยินคำตอบของนางกำนัล องค์หญิงใหญ่หรงหยางตะลึงไปครู่หนึ่ง นางฝืนยิ้มและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ดูแลไทเฮาให้ดี ไว้ข้าเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนเหนียงเหนียงอีกที”
เมื่อไม่ได้เข้าพบไทเฮา องค์หญิงใหญ่หรงหยางจึงกลับจวนองค์หญิง นางทำลายข้าวของในห้องทุกชิ้น
……
นี่เป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์แรกหลังจากที่เจียงซื่อแต่งเข้าจวนเยี่ยนอ๋อง เพราะไม่ต้องเดินทางไปร่วมฉลองที่พระราชวัง สองสามีภรรยาจึงฉลองกันอย่างสบายๆ
แต่ความสบายๆ นี้ดำเนินถึงวันรุ่งขึ้นเพียงเท่านั้น แล้วเจียงซื่อก็ได้รับจดหมายจากเจียงอีหนึ่งฉบับ
ท่านยายของพวกนาง…เหล่าฮูหยินจวนอี๋หนิงโหวล้มป่วยอาการหนัก
ข้อความในจดหมาย เจียงอีได้เชิญเจียงซื่อไปเยี่ยมท่านยายด้วยกันที่จวนอี๋หนิงโหว
[1]เจิ้งต้าน มีอีกชื่อหนึ่งว่า หยวนต้าน หมายถึงเทศกาลปีใหม่