ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 52 ขายตัวเองเพื่อชำระหนี้
เอ้อร์หนิวรีบวิ่งเข้าไปหาเจียงซื่อ มันกระดิกหางในขณะที่ปากขนาดใหญ่ของมันคาบเหอเปาแตะไปที่มือของหญิงสาว
เมื่อเห็นความคาดหวังในดวงตาของเจ้าสุนัขตัวใหญ่ เจียงซื่อก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ให้ข้าหรือ
เอ้อร์หนิวส่งเสียงร้องในลำคอเบาๆ อย่างออดอ้อน มันพยายามยัดเหอเปาใส่มือเจียงซื่อให้ได้
เจียงซื่อข่มใจปฏิเสธความหวังดีของเจ้าสุนัขตัวใหญ่ไม่ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็ยอมกางมือรับ จากนั้นก็ยิ้มแล้วยื่นมันส่งให้กับอาหมานและพูดว่า กลับไปแล้วเก็บใบไม้ทองและเงินให้ดี แล้วเผาเหอเปาทิ้งเสีย
อาหมานตอบรับด้วยความยินดี มองดูเหอเปาในมือของตน นางก็เอ่ยถามออกไปด้วยดวงตาเป็นประกายว่า คุณหนู ดูเหมือนครั้งนี้จะเยอะกว่าครั้งที่แล้วอีกเจ้าค่ะ พวกเราจะเก็บไว้เองจริงหรือ
นางจำได้อย่างชัดเจนว่าครั้งที่แล้วคุณหนูของนางส่งเหอเปานั่นให้กับคุณชายรองด้วยสีหน้ารังเกียจเพียงใด ทำเอานางปวดใจจนเลือดไหลซิบๆ
เก็บไว้เถอะ หนึ่งครั้งไม่ชินสองครั้งชิน[1] นางไม่มีเหตุผลที่จะจงใจสร้างปัญหากับเงินในถุงนี้
เสียงฝีเท้าที่อ่อนโยนและแผ่วเบาของใครบางคนฉับพลันดังส่งมา เอ้อร์หนิวหันศีรษะกลับไปและเห่ากระตุ้นสองสามครั้ง
ไม่นานเงาร่างของบุคคลนั้นก็ปรากฏตัวออกมาจากตรงมุมหนึ่ง เจียงซื่อขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเอ้อร์หนิวจะพาเขามาด้วย
อาหมาน พวกเราไปกันเถอะ ไม่รอให้อวี้ชีเดินเข้ามาหา เจียงซื่อรีบหันหลังกลับต้องการจะจากไป แต่แล้วนางก็พบว่าชายเสื้อของตัวเองถูกเอ้อร์หนิวดึงรั้งไว้
เจียงซื่อก้มศีรษะลง เห็นว่าในดวงตาของเจ้าสุนัขตัวใหญ่บัดนี้เปิดขึ้น หยาดน้ำตาสีใสเอ่อคลอขึ้นเต็มดวงตา หางของมันลู่ตกลง และท่าทีของมันก็ไร้เดียงสาดูน่าสงสารมาก
เอ้อร์หนิว ปล่อยก่อน เจียงซื่อพูดกับมันน้ำเสียงจนใจ
ตอนนี้นางเริ่มสงสัยแล้วว่าเอ้อร์หนิวกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้งเหมือนกับนางหรือเปล่า มิฉะนั้นความใกล้ชิดที่ผิดปกตินี้ของเอ้อร์หนิวที่มีต่อนางสมควรจะอธิบายว่าอย่างไรดี
ต้องรู้ก่อนว่าเอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขธรรมดา แต่มันเป็นสุนัขที่มีประสบการณ์ผ่านสงครามมาแล้ว ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่จะออดอ้อนขอความรักจากผู้คน
เอ้อร์หนิวสะบัดหางไปมา ทำราวกับฟังคำพูดของนางไม่เข้าใจ
อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ อย่างไรมันก็ไม่ยอมปล่อยปากเด็ดขาด!
ได้เห็นท่าทีตีมึนไม่รู้ความของเอ้อร์หนิว แม้แต่อาหมานที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังอดกลอกตาใส่ไม่ได้ พูดกับตัวเองในใจว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสุนัขตัวนี้เจ้าแผนการมากกว่าข้าอีกเล่า
ไม่อาจไม่พูดว่าลูกไม้นี้ของเอ้อร์หนิวได้ผลดีมากจริงๆ เวลานี้อวี้ชีได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงซื่อแล้ว และระยะห่างระหว่างทั้งสองคนไม่เกินสิบจั้งเท่านั้น
พอได้เผชิญหน้ากับเขาจริงๆ เจียงซื่อกลับสงบลงมาก รอยยิ้มห่างเหินถูกแสดงขึ้นบนใบหน้า เจียงซื่อเอ่ยทักทายเขาไปว่า คุณชายอวี๋ บังเอิญยิ่งนัก
อวี้ชีขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น พินิจนางอย่างพึงใจและยิ้มให้ ข้าจงใจตามคุณหนูเจียงมาเอง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงซื่อถูกเก็บกลับไปในทันที คุณชายอวี๋หมายความว่าอย่างไร
ทันใดนั้นอวี้ชีก็โค้งคำนับให้กับเจียงซื่ออย่างจริงจัง เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณคุณหนูเจียงมากที่ยื่นมือเข้าช่วยเอ้อร์หนิว
เจียงซื่อหลบการคำนับของอวี้ชีพัลวัน พูดด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่เย็นว่า คุณชายอวี๋ล้อเล่นแล้ว ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย
โฮ่งๆๆ เอ้อร์หนิวเห่าไปทางเจียงซื่ออย่างเห็นค้าน
ไร้สาระ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าซื่อซื่อเป็นคนช่วยข้าไว้ เจ้านายท่านรีบตอบแทนนางแทนข้าเร็วเข้า
มุมปากของอวี้ชียกยิ้มขึ้น ดูสิ คุณหนูเจียง แม้แต่เอ้อร์หนิวก็ยอมรับแล้ว
เจ้าสุนัขตัวใหญ่ฮัมเสียงในลำคอและพยักหน้า
เจียงซื่อไม่สนใจบทร้องรับของหนึ่งคนหนึ่งสุนัขตรงหน้านี้ กัดฟันปฏิเสธไปอย่างเฉียบขาดว่า ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าคุณชายอวี๋ พูดถึงเรื่องอะไร นี่ก็สายมากแล้ว ข้าควรกลับจวนเสียที
โฮ่งงง! เอ้อร์นิวเห่าเรียกร้องความสนใจออกไป มันวิ่งไปที่ตีนกำแพงและเริ่มขุดดินบริเวณนั้นออก
อาหมานพูดพึมพำ คงไม่ใช่ว่าเอ้อร์หนิวยังซ่อนเหอเปาไว้ตรงนี้อีกใบหรอกนะ
เจียงซื่อถลึงตาจ้องอาหมานตาเขียวปั้ด
สาวรับใช้ของนางโลภมากขนาดนี้เมื่อไหร่กัน
อาหมานรีบหุบปากลงฉับทันใด
ในไม่ช้า เอ้อร์หนิวก็กลับมาพร้อมกับบางสิ่งในปากของมันและวางมันลงตรงหน้าเจียงซื่อ
อ๊ะ มันคือถ้วยชาใบนั้น! อาหมานเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วหลุดโพล่งออกมา
จะว่าไปแล้วถ้วยน้ำชาใบนี้ก็แข็งแรงใช่ได้เลย หลังจากโยนมันใส่หัวชุยอี้ไปแล้วมันก็กลิ้งตกลงไปที่พื้นถนน ยกเว้นรอยบิ่นเพียงเล็กน้อยที่ปากถ้วยน้ำชา มันก็ไม่มีจุดไหนได้รับความเสียหายอีก
เอ้อร์หนิวเห่าใส่เจียงซื่อครั้งหนึ่ง ความหมายของมันชัดเจนมาก พยานสุนัขพร้อม พยานวัตถุสุนัขพร้อม ยังไม่ยอมรับอีก!
เจียงซื่อมุมปากกระตุกไม่หยุด
นิสัยชอบซ่อนของไม่เลือกหน้าของเอ้อร์หนิวคงไม่มีวันรักษาหายแล้ว!
ตอนที่เอ้อร์หนิวกำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤต คุณหนูเจียงได้ใช้ถ้วยน้ำชาใบนี้เพื่อสกัดการล้อมขององครักษ์สองคนนั้นไว้ อวี้ชียิ้มให้อย่างสดใส มองดูหญิงสาวที่กำลังหงุดหงิดตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยน
เด็กหญิงตัวน้อยของเขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวรูปงามแล้ว น่าเสียดายที่นางลืมภาพการพบกันโดยบังเอิญที่น่าประทับใจครั้งนั้นไปจนหมด แถมยังมีทัศนคติไม่ค่อยดีต่อเขาอีก
อวี้ชีคิดอย่างนั้น แววตาของเขาพลันเศร้า
เขาไม่มีประสบการณ์ในการเอาใจหญิงสาว จึงไม่รู้ว่าสมควรจะใช้วิธีไหนทำให้นางรู้สึกดี
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิธีเอาใจสตรีที่ไม่ชอบเขาเลย
ไม่เป็นไร หน้าหนาสักหน่อย พบปะพูดคุยกันบ่อยๆ ก็คงใช้ได้แล้วกระมัง
เจียงซื่อเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นและพูดขึ้นเบาๆ ถึงกระนั้น คุณชายอวี๋ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะข้ากับเอ้อร์หนิวมีวาสนาต่อกัน เพียงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเล็กน้อย อย่าได้เกรงใจไป
อวี้ชีกล่าวอย่างเข้มงวด ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้ คุณหนูเจียงคงไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเอ้อร์หนิว ในความเห็นของคุณหนู มันอาจเป็นเพียงการยื่นมือเข้าช่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่สำหรับข้าเรื่องนี้หนักหนาไม่ต่างจากพระคุณในการช่วยชีวิตเลย
เจียงซื่อขมวดคิ้ว
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าเจ้าคนชั่วนี้กำลังพูดอะไรที่ไร้ยางอายออกมา
แค่กๆๆ ใบหน้าที่งดงามคล้ายกับหยกสลักชั้นดีของชายหนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาหลุบตาลงไม่กล้าสบตาหญิงสาว ว่ากันว่าพระคุณช่วยชีวิตนั้นยากจะตอบแทน คุณหนูเจียงมีความปรารถนาใดหรือไม่ จิ่นพร้อมบันดาลให้ทุกอย่าง
หัวใจของเจียงซื่อเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง
ชื่อเล่นอักษรเดียวของอวี้ชีก็คือ ‘จิ่น’ บัดนี้เขาใช้ชื่อจริงต่อหน้านาง ไม่คิดเลยว่าในชาติภพนี้เขาจะแจ้งชื่อจริงของเขาแก่นางรวดเร็วปานนี้
ไม่สิ เขายังใช้แซ่ ‘อวี๋’ ต่อหน้านางอยู่เลย
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ระลอกคลื่นบนทะเลสาบในใจของเจียงซื่อก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง
นางในเวลานี้ ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอูเหมียวที่ชื่ออาซังอีกต่อไปแล้ว และนางกับเขาก็ได้พบกันในเมืองหลวง
พบกับตัวตนที่แท้จริงของนางก่อนจะถูกบังคับให้สวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์นามอาซัง
ไม่ต่างจากชาติก่อน เขายังคงเข้าหานางในฐานะอวี๋ชี หลังจากล่อลวงหัวใจของนางได้แล้ว ก็ใช้นางเป็นตัวแทนของสตรีที่เขารัก
โชคดีที่นางมีบทเรียนจากชาติที่แล้ว และนางจะไม่มีวันโง่อีกต่อไป
นับเป็นโชคดีอีกอย่างที่นางในตอนนี้ ยังมีฐานะเป็นบุตรีคนที่สี่ของจวนตงผิงปั๋วที่เพิ่งถูกถอนหมั้นไป มิใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าอูเหมียว ดังนั้นแม้ว่าอวี้ชีจะจงใจเข้าหานางจริง แต่พวกเขาไม่มีวันแต่งงานกันได้
เมื่อคิดตกในเรื่องนี้แล้ว ร่างกายที่กดดันจนเคร่งเครียดมาตลอดของเจียงซื่อก็ผ่อนคลายลง นางยกมุมปากยิ้มให้เขาอย่างสงบมากขึ้นและพูดออกไปว่า ข้าไม่ต้องการสิ่งใดทั้งนั้น ทางที่ดีคุณชายอวี๋ลืมเรื่องในวันนี้ไปเสียจะดีกว่า
หัวใจของอวี้จิ่นเจ็บปวดยิ่งนัก
หญิงสาวตรงหน้าแม้จะดูบอบบางอ่อนโยน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงกำแพงเหล็กหนาที่กั้นอยู่ระหว่างพวกเขาชัดเจนมาก เขาไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปได้เลย จึงไม่รู้ว่าในใจของนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่
บรู๊ววว เอ้อร์หนิวใช้อุ้งเท้าตบไปที่หลังเท้าของอวี้จิ่น หางปัดไปมาเร็วๆ และเห่าใส่เขาด้วยความรังเกียจ
มัวยึกยักชักช้าอยู่ได้ ของขวัญในส่วนของมันให้เสร็จไปสองครั้งแล้ว แต่เจ้านายของมันยังมัวกลัดกลุ้มคิดมากอยู่นั่นแหละ
หรือเจ้าแสนทึ่มของมันจะไม่รู้ว่าหากสุนัขกังวลมากเกินไปขนจะร่วง!
บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพระคุณในการช่วยชีวิต หากจิ่นลืมมันไป ไม่เท่ากับว่ากลายเป็นคนเนรคุณอกตัญญูหรือ อวี้จิ่นยิ้มเรียบๆ แต่ในใจเขากลับรู้สึกประหม่ามาก
คำพูดนี้พูดได้ครบจบความยิ่ง จะขาดก็แต่ประโยคที่ว่ายินดีใช้ตัวเข้าแลกเท่านั้น นางคงไม่ใจร้ายถึงขั้นผลักไสผู้คนไปไกลนับพันลี้หรอกกระมัง
ได้ยินมาจากเหล่าองครักษ์ว่า เขาเป็นบุรุษรูปงามในสายตาของหญิงสาว บางทีนี่อาจทำให้ข้าได้เปรียบขึ้นมาบ้างเล็กน้อย และคงเอาชนะใจนางได้อยู่บ้างใช่หรือไม่
เจียงซื่อสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มจางๆ เช่นนั้นให้เงินข้าก็แล้วกัน
หือ? สีหน้าของอวี้จิ่นคล้ายจะบิดเบี้ยวไป เขายกมือขึ้นแตะปลายจมูกเบาๆ
ดูเหมือน…เขาจะหูฝาด
คุณ คุณหนู พูดอะไรเช่นนี้เจ้าคะ อาหมานเงยหน้าพรวด แทบจะร้องไห้ออกมา
จริงอยู่ที่ว่าเจ้าคนบ้าตัณหาผู้นี้หน้าตาดีมาก แถมยังมีบุคลิกดี มีฐานะ มิหนำซ้ำยังให้เจ้าสุนัขตัวใหญ่คาบเงินมาส่งให้บ่อยๆ อีก แต่คุณหนูก็ควรใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองบ้าง
ช่างเหอเปาเถอะ เริ่มเก็บเล็กผสมน้อยกันเลยดีกว่า…
ในเมื่อคุณชายอวี๋รู้สึกไม่ดีและต้องการตอบแทนให้ได้ เช่นนั้นให้เงินข้าเถิด คุณชายอวี๋จะได้รู้สึกสบายใจด้วย เจียงซื่อกล่าวด้วยเสียงเบา
นางแสดงความโลภออกมาขนาดนี้ อีกฝ่ายคงคิดขยาดและอยากถอยห่างจากนางบ้างแล้วกระมัง
คุณหนูเจียงต้องการเท่าไหร่หรือ อวี้จิ่นกล่าวขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะดึงสติของตัวเองกลับมาได้
แต่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่ถูกปิดกั้นไว้ตลอดหลายปีก็ระเบิดออกมา เสียงหัวเราะของเขาฟังดูปลอดโปร่งมาก ดูท่าอีกฝ่ายจะกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ใบหน้าของเจียงซื่อเห่อร้อนขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก นางสบถใส่ตัวเองในใจ จากนั้นก็ช่วยแก้ต่างให้กับตัวเองอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ว่านางไม่เฉียบขาดพอ แต่เป็นเพราะคนตรงหน้านี้เขาเกิดมาหล่อเหลาเกินไป
ทุกคนล้วนชอบของที่ดูดีสวยงาม
เจียงซื่อชูนิ้วขึ้นนิ้วหนึ่ง คุณชายอวี๋ให้ความสำคัญต่อเอ้อร์หนิวขนาดนี้ ข้าก็ไม่อาจเรียกน้อยเกินไป ประเดี๋ยวท่านจะรู้สึกไม่สบายใจอีก เอาเป็นว่าหนึ่งพันตำลึงก็แล้วกันเจ้าค่ะ
หนึ่งพันตำลึงหรือ ไม่มาก อวี้ชียิ้ม
เจ้าค่ะ เจียงซื่อรอให้อีกฝ่ายควักเงินออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ข้าไม่มีเงิน ดูท่าคงต้องขายตัวเพื่อชำระหนี้แล้วล่ะ
อะไรนะ!
[1] หนึ่งครั้งไม่ชินสองครั้งชิน หมายถึง เวลาที่เราทำอะไรเป็นครั้งแรก เราจะรู้สึกเก้ๆ กังๆ แต่พอทำเป็นครั้งที่สองก็จะชำนาญมากขึ้น สำนวนนี้มักจะพูดเวลาที่เจอหน้ากันครั้งแรก และยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกัน หรือเวลาที่เราทำงานอะไรเป็นครั้งแรก แล้วยังรู้สึกไม่ชำนาญ