ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 520 ปิดฉาก
แม้ชุยซวี่มาปรากฏอยู่ต่อตา แต่ถึงกระนั้นองค์หญิงใหญ่หรงหยางกลับไม่มีวี่แววว่าจะลุกขึ้น นางเพียงขยับเปลือกตาเล็กน้อยพลางเค้นเสียง “ทำไม มาหัวเราะเยาะข้างั้นซิ”
“ไม่ใช่ ข้าจะมาถามเจ้าเรื่องหนึ่ง”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางมองตรงมาทางชุยซวี่
ใบหน้าชุยซวี่ราบเรียบ แต่ในแววตากลับมีประกายพายุใหญ่ซัดกระหน่ำ เขาเอ่ยถามเน้นทีละคำ “เจ้าเป็นคนฆ่าอาเคองั้นหรือ”
ใบหน้าองค์หญิงใหญ่หรงหยางบิดเบี้ยวไปก่อนจะยิ้มพลางบอก “ข้ากะแล้วเชียวว่าเจ้าต้องมาถามเรื่องหญิงชั่วนางนั้น!”
“เจ้าเป็นคนฆ่าอาเคออย่างนั้นหรือ” ชุยซวี่ถามซ้ำอีกครั้งโดยไม่สนใจอาการคลุ้มคลั่งขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง
ระหว่างนางและชุยซวี่เป็นความสัมพันธ์ที่มีทั้งรักทั้งชัง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางเป็นฝ่ายเหนือกว่าเสมอ แต่มาวันนี้ เมื่อนางกลายเป็นสามัญชน ความสมดุลแสนละเอียดอ่อนนั้นจึงพลันมลายหายสิ้น
สติของนางในตอนนี้ไม่อาจเรียกว่าครบสมบูรณ์ วาจาที่เอื้อนเอ่ยห้าวหาญไม่กริ่งเกรง “แล้วจะทำไม”
“เจ้าเป็นคนฆ่าอาเคอจริงๆ งั้นหรือ” ชุยซวี่เสียงสั่น ประกายในแววตาดับสูญโดยสมบูรณ์ ราวกับแปลงสภาพเป็นแอ่งน้ำนิ่งแน่ และไม่มีวันเกิดระลอกคลื่นในแอ่งน้ำนั้นได้อีกแล้ว
องค์หญิงใหญ่หรงหยางยืนขึ้น พลางขยับตัวเข้าประชิดร่างของชุยซวี่
หญิงสาวรูปร่างสะโอดสะอง ใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอดหลายสิบปีที่สำหรับชุยซวี่แล้วนางเป็นคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันน่าทึ่ง “ใช่ ข้าเป็นคนทำให้นางตาย ใครใช้ให้นางแต่งงานมีลูกถึงสามคนแล้วยังมายุ่มย่ามกับเจ้า! ชุยซวี่ ข้าแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้ากลับปล่อยให้ข้าเฝ้าห้องเปล่าเปลี่ยวเพียงลำพัง ส่วนตัวเองกลับไปอาลัยอาวรณ์หญิงที่มีสามีแล้ว พวกเจ้าลอบนัดพบกันที่วัดไป๋อวิ๋น แล้วข้าไม่ควรกำจัดคนชั่วอย่างนางให้สิ้นซากหรืออย่างไร”
สายตาที่มองไปยังองค์หญิงใหญ่หรงหยางลุ่มลึกเกินจะกล่าว “นางมิได้ทำอย่างที่เจ้าว่า ข้าเองก็ด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าคิดเพ้อไปเองคนเดียว!”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางหัวเราะลั่น “ชุยซวี่ อย่ามาหลอกซะให้ยาก! เจ้ากล้าพูดหรือว่าในตอนนั้น เจ้าและนางไม่ได้เคยเจอกันที่วัดไป๋อวิ๋น ผู้หญิงคนนั้นบังอาจมายุ่มย่ามผู้ชายของข้า นางต่างหากรนหาที่ตาย”
“เหตุใดโลกนี้ถึงได้มีผู้หญิงใจดำอำมหิตเช่นเจ้า”
“ใจดำอำมหิต? เจ้าต่างหากที่บังคับให้ข้าเป็นเช่นนั้น! ตอนที่ข้าแต่งงานกับเจ้า หากเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยใจจริงสักนิด ข้าจะกลายเป็นคนเช่นนี้หรือ”
ชุยซวี่ส่ายหัว “เจ้าเป็นคนร้องขอเอง ฮ่องเต้บังคับคนได้ แต่บังคับใจใครไม่ได้ ข้าก็บอกกับเจ้าชัดเจนแต่แรกแล้ว…”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางนิ่งเงียบไปทันที
ก่อนพิธีอภิเษก ชุยซวี่เคยกล่าวเช่นนี้กับนาง แต่ตอนนั้นนางไม่เชื่อ
นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์ มีทั้งตำแหน่ง ทั้งใบหน้างดงามจับตา หากนางได้แต่งงานกับชุยซวี่ นานวันเข้า เขาจะไม่ไหวหวั่นกับนางสักนิดเลยหรือ
แต่สุดท้ายนางก็ได้รู้ว่า หัวใจของชายผู้นี้ทำขึ้นจากก้อนหิน เพราะแม้แต่เรื่องฉันสามีภรรยาที่เกิดขึ้นก็เพราะนางใช้ยาช่วยทั้งนั้น…
ครั้นหวนนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา ความอัปยศและความขุ่นเคืองก็ทวีท่วมท้นเต็มอก ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของนางเลือดเย็นเก่ากว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่นะ อ๋อ เพื่อมาถามให้แน่ใจว่าข้าเป็นคนฆ่าหญิงชั่วนางนั้นหรือเปล่า ทำไมรึ เจ้าจะล้างแค้นแทนนางอย่างนั้นหรือ”
“แล้วไม่ได้หรืออย่างไร” ชุยซวี่กล่าวถามราบเรียบ
องค์หญิงใหญ่หรงหยางหัวเราะลั่น “ชุยซวี่ เจ้าอย่าลืมนะว่าเสด็จพี่เพียงแต่ถอดยศองค์หญิงใหญ่ของข้าเท่านั้น มิได้สั่งประหารข้า ต่อให้ข้าเป็นสามัญชน แต่อย่างไรข้าก็ยังเป็นธิดาของไทเฮา หากเจ้าลองแตะต้องข้าแม้แต่ปลายนิ้ว ดูซิว่าเสด็จพี่จะยอมปล่อยเจ้าไปหรือไม่! อยากจะล้างแค้นแทนหญิงชั่วนั่นหรือ รอชาติหน้าก็แล้วกัน…”
ทันทีที่คมดาบแทงทะลุเข้าที่ทรวงอกของนาง ประโยคท่อนหลังถึงได้ขาดห้วงไป
นางก้มศีรษะลง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองชุยซวี่
ใบหน้าของชุยซวี่ยังคงเฉยชา เสียงที่เปล่งออกมานิ่งเรียบดุจกัน “คราวนี้ ข้าจะไม่ทนรอให้ถึงชาติหน้าอีกแล้ว”
เขากระชากดาบออกมา และปาดเข้าที่คออย่างแม่นยำ
โลหิตอุ่นสาดกระเซ็นบังตาขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง
นางพยายามลืมตาด้วยความยากเย็น ภาพตรงหน้าไม่ปรากฏชัดเป็นเรือนร่าง จะมีก็แต่เลือดที่เข้าตา
เสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงบนพื้น นางรู้ว่านั่นคือชายหนุ่มที่นางทั้งรักทั้งชังมาชั่วชีวิต
ถัดมา เสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกลงบนพื้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้คือร่างของนางเอง
พื้นเย็นเฉียบทำให้นางได้สติ อาการพร่ามัวเมื่อครู่พลันหายสิ้น ร่างบุรุษแน่นิ่งข้างกายนางปรากฏแจ่มชัด
เขาหลับตาพริ้มพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก ประหนึ่งว่ากำลังชมวิวงดงามในความฝันอย่างไรอย่างนั้น
หยดน้ำตาเม็ดใหญ่กลิ้งไหลออกจากตาขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง ความเจ็บปวดจากหัวใจแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“ชุยซวี่ ชุยซวี่…” นางเพรียกหาสุดเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าร่างบุรุษที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับไม่กระดิกกระเดี้ย มีเพียงโลหิตจากร่างของเขาที่ไหลท่วมอย่างบ้าคลั่ง เจิ่งนองมาเปื้อนร่างของนาง เลือดของทั้งคู่ไหลผสมผเสเข้าด้วยกัน
เสียงร้องเรียกของหญิงสาวแผ่วลง และเงียบไปในที่สุด ก่อนที่เสียงตกตะลึงมากมายจะเข้ามาแทนที่ ทุกผู้ทุกคนในจวนองค์หญิงใหญ่กรูมารวมอยู่ในที่เดียวกัน
“ท่านพ่อ ท่านแม่…” ชุยอี้ผลักบ่าวรับใช้ที่ขวางทางอยู่ออกไปจนพ้นทาง เขาทรุดตัวลงอยู่ข้างร่างทั้งสอง
เบื้องหน้าของเขาคือภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต บิดาผู้สุขุมเคร่งครัดนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ที่คอมีรอยแผลน่าสยดสยอง ส่วนมารดาผู้ทรงสง่ารอบรู้ก็นอนนิ่งอยู่ที่พื้น ที่บริเวณทรวงอกมีบาดแผลขนาดใหญ่ และมีโลหิตไหลทะลัก
ทั้งสองอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ใบหน้าหนึ่งสงบเรียบ อีกใบหน้าหนึ่งตรมตรอมราวกับมีถ้อยคำอัดอั้นอยู่เป็นพันเป็นหมื่นคำ
ใกล้กันขนาดนั้น ทว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว…
ชุยอี้คุกเข่าอยู่อย่างนั้นพลางร้องไห้ครวญคราง
เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
หนึ่งปีก่อนหน้านี้ เขามีทั้งน้องสาว ทั้งท่านพ่อ ทั้งท่านแม่ ไม่ว่าในบ้านจะมีเรื่องผิดใจอะไร แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่เหตุใดพอน้องสาวหายตัวไป ท่านพ่อถึงได้ฆ่าท่านแม่ แล้วฆ่าตัวตายตามไปเช่นนี้…
บ่าวรับใช้ในจวนคุกเข่าลงแทบพื้นร่ำไห้ “คุณชาย ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
องค์หญิงใหญ่เสียชีวิตแล้ว พวกนางจึงไม่สามารถเก็บข้าวในจวนได้ การจะทำอะไร หรือไปที่ไหนล้วนต้องรอคำสั่งทั้งสิ้น
ชุยอี้ยันตัวขึ้น ฝืนกัดฟันพลางกล่าว “ข้าจะไปที่วัง!”
“คุณชาย คุณชาย…”
……
ในห้องทรงพระอักษร จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่กำลังโยนม้วนฎีกาไปไว้ด้านข้าง หนังตากระตุกวูบ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ว้าวุ่นใจขึ้นมาทันใด
ไม่มีทาง แค่เรื่องสองวันที่ผ่านมาก็ทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว อย่าบอกนะว่าเรื่องวุ่นๆ ยังไม่จบอีก
“พานไห่…”
“บ่าวอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปถามซิว่าเรื่องตั่วหมัวมัวมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม ไม่ใช่ว่านางทนทารุณทรมานไม่ไหวจนตายไปแล้ว”
พานไห่ไปตามคำสั่ง ไม่ช้าไม่นานจวบจนจิ่งหมิงฮ่องเต้จิบชาเสร็จ ขันทีอาวุโสก็กลับเข้ามารายงาน
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยืดหลังโดยไม่รู้ตัว “ว่าอย่างไร”
กลับมาเร็วเกินไป สภาพเช่นนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องดี!
พานไห่ไม่รู้ว่าควรบอกจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างไร
สองวันมานี้มีเรื่องให้ฝ่าบาทกลุ้มพระทัยมากพอแล้ว…
“มีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา!”
“คุณชายชุยขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ครุ่นคิดชั่วครู่ “ชุยอี้? เขาคงมาอ้อนวอนแทนมารดากระมัง เจ้าไปบอกชุยอี้ทีว่า นางสมควรได้รับโทษนั้น ต่อให้ผู้ใดมาอ้อนวอนก็ไม่เป็นผลทั้งนั้น…”
พานไห่กลั้นใจบอก “คุณชายชุยร้องไห้ และบอกว่าแม่ทัพชุยและองค์หญิงใหญ่หรงหยางเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำหยกปี่เซียะหลุดมือ ตกลงพื้นแตกกระจายจนไม่เหลือเค้าเดิม
“เรียกชุยอี้เข้ามา! ไอ้เด็กนี่ แค่เพราะจะเข้าเฝ้าข้าเลยต้องสร้างเรื่องถึงขนาดนี้เชียวหรือ”
ชุยอี้เข้ามาพร้อมดวงตาแดงก่ำ เขาทรุดตัวลงคร่ำครวญ “เสด็จลุง ท่านพ่อกับท่านแม่ตายแล้ว…”
“ตายหมดเลยรึ ชุยอี้ ถ้าเจ้าล้อเล่น ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”
“เสด็จลุง หลานจะเอาเรื่องท่านพ่อท่านแม่มาล้อเล่นได้อย่างไร ทั้งคู่ตายแล้วจริงๆ…”
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
ชุยอี้ฟูมฟาย “ท่านพ่อฆ่าท่านแม่ และสุดท้ายท่านพ่อก็ฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ…”