ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 529 เตรียมตั้งรับ
ตาทุกคู่มองไปที่ใบหน้าของเสียนเฟยเป็นตาเดียว
ความคิดของเสียนเฟยพลันหยุดนิ่ง ทว่ารอยยิ้มยังแขวนค้างอยู่ที่มุมปาก
ไม่กี่ชั่วอึดใจหลังจากนั้น ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ ซีดขึ้นๆ จนในที่สุดก็ขาดสีโดยสมบูรณ์
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระองค์ตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ”
ฮองเฮาถอนหายใจแผ่วเบาพลางปลอบ “เสด็จน้องเสียนเฟยอย่าเพิ่งคิดมากไปเลย พระชายาฉีอ๋องยังสาว หากบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่นานนางคงตั้งครรภ์ได้อีก”
“เหตุใดจู่ๆ ถึงได้แท้งบุตร ในงานเลี้ยงเมื่อคืนวาน พระชายาฉีอ๋องยังดีอยู่หลัดๆ!” เสียนเฟยถามต้อนเพราะนางไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้ง่ายๆ
ฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางตอบ “ตอนที่พระชายาฉีอ๋องกำลังขึ้นรถม้าเตรียมจะออกจากวัง นางพลัดตกลงมา…”
ริมฝีปากเสียนเฟยกระตุกวูบ นางเค้นเสียง “เป็นไปไม่ได้” มือทั้งสองที่วางอยู่บนเข่าสั่นอย่างรุนแรง
พระชายาฉีอ๋องระวังตัวอยู่เสมอ แล้วจะตกจากรถม้าตอนที่กำลังขึ้นไปอย่างนั้นหรือ ให้ตายนางก็ไม่เชื่อ เรื่องนี้ต้องมีคนจงใจกลั่นแกล้งแน่นอน!
นางเพียงแต่คิดในใจ ไม่ได้เอ่ยออกมา
เสียนเฟยรู้แจ้งแก่ใจว่า สตรีในวังที่ประจบนาย แต่ชังบ่าวคอยหัวเราะเยาะนางอยู่ ถึงนางพูดเรื่องนี้ออกไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา นางไม่เคยคาดหวังความเห็นอกเห็นใจจากคนเหล่านี้
อีกอย่าง บัดนี้เด็กในท้องของพระชายาฉีอ๋องก็ไม่มีอีกแล้ว ต่อให้มีคนเห็นใจก็หาได้มีประโยชน์ไม่
ในชั่วขณะนั้น ในใจของเสียนเฟยกลับรู้สึกไม่พอใจพระชายาฉีอ๋องเอาเสียดื้อๆ
นางอุตส่าห์งดเว้นการเข้าวังมาน้อมทักของพระชายาฉีอ๋อง เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนกับเด็กเพราะเห็นว่าอายุครรภ์อยู่ในระยะเริ่มต้น และแม้งานเลี้ยงฉลองขึ้นศักราชใหม่ของราชวงศ์จะสำคัญเพียงใด ต่อให้ภรรยาเจ้าสี่จะไม่มาปรากฏตัว ก็คงไม่มีใครว่าอะไร หากภรรยาเจ้าเจ็ดยังท้องอ่อนๆ นางมั่นใจว่านางไม่มีทางมาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้อย่างแน่นอน
เสียนเฟยเข้ามาอยู่ในวังนานหลายปี นางฝึกความอดทนมานับครั้งไม่ถ้วน แม้ในตอนแรกจะมีอาการตื่นตระหนก แต่ไม่ช้าไม่นาน นางก็กลับสู่สภาวะปกติ นางยิ้มอย่างขมขื่น “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงแจ้งเรื่องนี้ให้หม่อมฉันทราบ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะเรียกฉีอ๋องเข้ามาถามไถ่อาการของพระชายาเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี”
เสียนเฟยพยักหน้าเล็กน้อยทว่ามิได้เกริ่นกล่าว ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกบิดขยี้จนแทบขาดวิ่น
ฮองเฮาหันไปมองเหล่าพระสนมพลางบอก “ข้าหมดเรื่องจะแจ้งแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเถิด”
เหล่านางสนมถวายความเคารพฮองเฮาอีกครั้ง รอจนกระทั่งฮองเฮาเดินออกไปพร้อมนางใน ทุกสายตาก็ค่อยๆ หันกลับมาที่เสียนเฟย
ท่ามกลางสายตาหลากความหมาย เสียนเฟยโยนผ้าเช็ดหน้าในมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะเดินออกไป
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นจากด้านหลัง
“เสียนเฟยเก็บอาการเก่งดีแท้ ได้ยินว่าพระชายาฉีอ๋องแท้งบุตร กลับทำใจยอมรับได้รวดเร็วเพียงนี้”
“หึๆ หากทำใจรับไม่ได้แล้วจะอย่างไร การที่นางร้องไห้ฟูมฟายก็มีแต่จะทำให้ตัวเองขายหน้า…” สนมนางหนึ่งกล่าวขึ้นพลางจงใจเดินไปชนไหล่ของนางสนมที่ประจบเสียนเฟยเมื่อครู่ นางเอ่ยกระแนะกระแหน “คนบางคน หวังจะเลียแข้งเลียขา แต่กลับเลียไม่ถูกคน ช่างน่าขันสิ้นดี”
นางสนมยศเล็กผู้นั้นมิได้อดทนเก่งเท่าเสียนเฟย ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ และในใจของนางก็รู้สึกประหม่าอย่างถึงที่สุด
ครั้นถูกโจมตีด้วยสายตาเหยียดหยามนับไม่ถ้วน นางสนมผู้นั้นจึงรีบออกจากพระตำหนักคุนหนิงทันที
ความเจ็บปวดของเสียนเฟยอัดแน่นอยู่ในใจ นางพยายามพาตัวเองกลับมาให้ถึงตำหนักอวี้เฉวียน ทันทีที่มาถึงแล้ว นางก็พุ่งตัวเข้าไปเตะเก้าอี้ไม้จื่อถานตัวน้อยกระเด็นไปไกลลิบ
เสียงเก้าอี้ตกลงพื้นดังลอยมาก่อนที่เสียนเฟยจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว พร้อมตบโต๊ะเสียงดัง
ถ้วยชาบนโต๊ะสั่นสะเทือน ฝาปิดร่วงตกแตกที่ข้างเท้าของนาง
นางจดจ้องไปยังฝาถ้วยหลากสีที่บัดนี้แปลงสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อย
สิ่งของแบบเดียวกัน หากจะทำลายก็ง่ายนิดเดียว บางคราวเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เหมือนกับฝาถ้วยที่แตกเกลื่อนกลาด และเหมือนกับเด็กในท้องของลูกสะใภ้ที่อวัยวะยังไม่ครบสมบูรณ์ดี...
ครั้นนึกถึงเด็กในครรภ์พระชายาฉีอ๋อง เสียนเฟยก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
เด็กคนนี้มาได้เวลาดีแท้ พอเหมาะพอเจาะกับตอนที่เจ้าสี่และจิ้นอ๋องกำลังจะแย่งชิงตำแหน่งไท่จื่อ ซึ่งก็เพิ่มโอกาสให้เจ้าสี่ได้มากทีเดียว
แต่เหตุไฉน ถึงได้หายไปดื้อๆ
หากจะหายไปดื้อๆ เช่นนี้ สู้ไม่มาตั้งแต่แรกยังดีเสียกว่า…
เสียนเฟยหันไปสั่งข้าหลวง “ไปเชิญฉีอ๋องเข้าวังเดี๋ยวนี้”
ฉีอ๋องที่ข่มตาหลับไม่ลงทั้งคืนรี่เข้ามาที่ตำหนักอวี้เฉวียน
“ถวายบังคมเสด็จแม่”
“เจ้าไม่ต้องถวายบังคมแล้ว ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า เรื่องที่ภรรยาของเจ้าแท้งลูกมันเป็นได้อย่างไร” ทันทีที่สั่งให้เหล่าคนรับใช้ออกไปแล้ว เสียนเฟยก็เข้าประเด็นทันที
ฉีอ๋องเงยหน้าสบตากับเสียนเฟย ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำ น้ำเสียงแหบแห้งดุดัน “ที่พื้นรถมีคราบน้ำมันพ่ะย่ะค่ะ…”
เสียนเฟยดันที่วางแขนผุดลุกพรวด “ที่พื้นรถมีคราบน้ำมันอย่างนั้นหรือ”
ฉีอ๋องผงกศีรษะรับก่อนจะทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “ต้องเป็นฝีมือจิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
เสียนเฟยยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไร้วี่แววของความสงสัย “หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้ ข้าถึงได้เตือนชายาของเจ้าแต่แรกแล้วว่าให้ระวังตัว ไม่ต้องเข้ามาน้อมทักที่วัง ให้นางเฝ้าอยู่แต่ในจวน มิฉะนั้นแล้วคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้…”
ฉีอ๋องได้ฟังดังนั้น สีหน้าก็คล้ำหม่นลงทันใด
ครั้นเสียนเฟยระบายออกมาจนพอใจแล้ว นางก็กล่าวเย็นเยียบ “เดิมทีเจ้าและจิ้นอ๋องก็ตีคู่สูสีกันมา ต่างก็มีข้อเด่นของตัวเอง เด็กคนนี้เคยทำให้เจ้าเป็นต่อ ทว่าตอนนี้เด็กไม่อยู่แล้ว สถานการณ์จึงย่ำแย่กว่าตอนแรกเสียอีก…”
ฉีอ๋องไม่เคยมีบุตรชายมาก่อน กว่าภรรยาเอกจะตั้งท้องกลับดันมาแท้งลูกเสียอย่างนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะห้ามคนไม่ให้คิดว่า ฉีอ๋องเป็นพวกไร้โชค และสวรรค์ไม่ได้อยู่ข้างเขา
โอรสสวรรค์ย่อมถูกคัดเลือกโดยสวรรค์ แม้แต่จักรพรรดิยังเชื่อเรื่องนิมิตหมายอันเป็นมงคล เพราะนั่นจะเป็นสิ่งยืนยันคำกล่าวนี้
ฉะนั้นแล้วผู้คนในยุคนี้ถึงได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ไม่ต่างกัน
แล้วฉีอ๋องจะไม่ทราบเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เขาเค้นเสียงกล่าว “เจ้าสามกล้าทำกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลก อำมหิตไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน!”
เสียนเฟยเย้ยหยัน “ใช้เด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของฝ่ายตรงข้ามมาพลิกสถานการณ์ เป็นใครจะไม่ทำ”
ความโหดเหี้ยมปรากฏในแววตาฉีอ๋อง เขาไม่คิดจะปิดบังเสียนเฟย “หากเขากล้าใช้เด็กมาพลิกสถานการณ์ให้เป็นต่อ ลูกก็จะทำแบบเดียวกัน!”
เสียนเฟยเลิกคิ้ว “เจ้าจะลงมือกับฝูเกอเอ๋อร์อย่างนั้นรึ”
ฝูเกอเอ๋อร์เป็นบุตรชายคนเดียวของจิ้นอ๋อง ซึ่งเป็นทายาทตามกฎหมาย ฉะนั้นเขาถึงเป็นคนสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย
“เช่นนั้นคงไม่เหมาะนัก” เสียนเฟยส่ายศีรษะ “ภรรยาของเจ้าเพิ่งจะแท้งลูก หากเกิดเรื่องกับฝูเกอเอ๋อร์หลังจากนี้ไม่นาน คงโจ่งแจ้งเกินไป เสด็จพ่อของเจ้ามิใช่คนโง่ เจ้าต้องคิดให้รอบคอบ”
ฉีอ๋องหัวเราะเย็นชา “ลูกไม่ลงมือกับฝูเกอเอ๋อร์หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”
ฉีอ๋องหรี่ตาก่อนจะเค้นเสียงชื่อของอีกคนออกมา “ฉุนเกอเอ๋อร์”
เสียนเฟยผงะไปทันใด “เจ้าจะลงมือกับโอรสของอดีตไท่จื่ออย่างนั้นหรือ”
“มิใช่ลูกที่ลงมือกับโอรสของอดีตไท่จื่อ แต่ลูกจะทำให้เจ้าสามเป็นคนลงมือ!” แววตาของฉีอ๋องเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาอธิบายต่อ “ไม่ทราบว่าเสด็จแม่รู้หรือไม่ว่า เสด็จพ่อยังดูมีเยื่อใยกับอดีตไท่จื่อ ดูได้จากการที่เจ้าห้าถูกลดยศเพราะไปต่อยอดีตไท่จื่อ”
เสียนเฟยพยักหน้าเชื่องช้า มุมปากยกยิ้มอย่างเลือดเย็น “ฝ่าบาทไม่เคยลืมฮองเฮาองค์ก่อน ถึงได้หวงแหนโอรสองค์นี้ยิ่งนัก”
เสียนเฟยกัดฟันพูดประโยคนั้น
หากถามเหล่าสตรีในวังว่าอิจฉาใครมากที่สุด คำตอบไม่ใช่ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน และไม่ใช่ไทเฮา แต่กลับเป็นฮองเฮาอายุสั้นพระองค์ก่อน!
สตรีผู้มีชะตาเป็นถึงฮองเฮา อีกทั้งยังเป็นหญิงที่ฮ่องเต้ไม่เคยลืมจากหัวใจ อีกทั้งบุตรชายของนางยังได้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทนานถึงยี่สิบปี เรื่องน่ายินดีทั้งหมดทั้งมวลนี้ถูกหญิงผู้นั้นครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
แต่แน่นอนว่าการปลดไท่จื่อในครั้งนี้ ทำให้เหล่าสตรีในวังหลังได้สัมผัสถึงความยุติธรรมเป็นครั้งแรก
“แล้วเจ้าวางแผนล่อให้จิ้นอ๋องลงมือกับโอรสอดีตไท่จื่ออย่างไรรึ”