ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 562 ผิดศีลธรรม
เมื่อเมืองจิ๋นหลี่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น จึงมีงานที่ต้องทำเยอะมาก ทุกคนล้วนยุ่งมากตั้งแต่จ้าวซื่อหลางไปจนถึงขุนนางชั้นผู้น้อยทุกคน
อวี้จิ่นได้รับความรักใคร่เทิดทูนและไว้เนื้อเชื่อใจจากชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ มีหลายเรื่องที่เขาออกหน้าให้จึงช่วยได้มากขึ้น เช่นนั้นเขาจึงยุ่งไม่แพ้เหล่าขุนนาง
มีเพียงแค่ไท่จื่อเท่านั้นที่ว่างมาก
ตั้งแต่คืนนั้นที่ไท่จื่อรับปากตามอำเภอใจว่าจะให้เงินกองใหญ่ ทำให้เหล่าขุนนางทั้งหลายซวยไปกันหมด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไท่จื่อก่อความวุ่นวายอีก จึงเลือกขุนนางชั้นผู้น้อยที่ฉลาดเฉลียวคอยอยู่รับใช้ไท่จื่อที่เมืองอูจี
ถึงเมืองอูจีจะไม่มีอะไรให้เที่ยวเล่น ไท่จื่อก็ไม่กล้าออกไปเดินเที่ยวเตร่ที่อื่น เพราะกลัวว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเฉกเช่นเดียวกับที่เมืองจิ๋นหลี่ขึ้น ในขณะที่กำลังเบื่อหน่ายจึงรับสั่งข้าหลวงออกไป “ให้ขุนนางชั้นผู้น้อยพาเจ้าไปยังที่พักของชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่ เมื่อวานตอนที่ข้ากำลังพูดอยู่ พบว่ามีสตรีสวมชุดสีดำนางหนึ่ง รูปร่างหน้าตาดูดสดใสมีน้ำมีนวล…”
ข้าหลวงเอ่ยพูดด้วยความลำบากใจ “ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานสตรีผู้นั้นสวมชุดดำ ไม่แน่วันนี้อาจจะไม่ได้สวมชุดดำนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลัวว่าจะพามาผิดคน…”
เรื่องแบบนี้ไท่จื่อเก่งนัก เขากลอกตาใส่ข้าหลางพร้อมกับก่นด่าออกไป “เจ้าโง่ เจ้าคิดดูสิ พวกเขาเป็นผู้ประสบภัย บ้านเรือนล้วนพังทลายราบเป็นหน้ากลอง ยังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อีกหรือ เมื่อวานนางสวมชุดดำ วันนี้ก็ยังคงสวมชุดดำแน่นอน”
“องค์ชายทรงมีพระปัญญาเลิศล้ำยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”
เนื่องจากกลัวว่าข้าหลวงจะพามาผิดคนแล้วทำลายความสุขของเขา ไท่จื่อจึงนึกพิจารณาแล้วพูดออกไป “หญิงสาวผู้นั้นมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่แก้ม จำไว้ซะ”
“กระหม่อมจำได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร”
“ถ้าหากว่าสตรีผู้นั้นไม่ยอมทำตามจะทำอย่างไร เวลานี้อย่างไรก็ตามมันอยู่ข้างนอก…”
ไท่จื่อยิ้มขึ้นมาอย่างจองหอง “ก็เพราะว่าอยู่ข้างนอกถึงจัดการได้ง่าย ข้าเป็นถึงไท่จื่อ อยากหลับนอนกับสาวชนบทสักคนหนึ่งยังจะมีคนกล้าปากมากอีกหรือ หากนางไม่ยอม เจ้าก็ให้เงินไป ให้จนกว่านางจะยอม”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีเรียกขุนนางชั้นผู้น้อย พร้อมกับเอ่ยกระซิบเรื่องนี้
ขุนนางชั้นผู้น้อยแอบตะลึงเล็กน้อยแล้วกลับสู่ท่าทางปกติ
ไท่จื่อออกมาจากเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองมายังที่เล็กๆ แห่งนี้ อยากจะเสพสุขสักหน่อยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
อืม หากเทียบกับเยี่ยนอ๋องที่สง่าผ่าเผย ไท่จื่อท่านนี้ต่างหากถึงจะเหมือนผู้สูงศักดิ์ในความคิดของเขา
ขุนนางชั้นผู้น้อยไม่ลังเลที่จะพาข้าหลวงแอบเข้าไปยังที่พักของชาวบ้านเมืองจิ๋นหลี่
สตรีสวมชุดดำที่สดใสมีน้ำมีนวล…
ข้าหลวงกลอกตามองไปรอบๆ มองไปยังเหล่าหญิงสาวที่หวีไรผมรอบหนึ่ง คนที่สวมชุดดำมีไม่มากนัก ทว่าดูไม่สดใสเลยแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายแม้แต่เด็กอายุสิบสองสิบสามเขาก็ไม่พลาด แต่ก็ยังหาคนที่ดูดสดใสมีน้ำมีนวลไม่เจอ
ข้าหลวงรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาทันที
ขุนนางชั้นผู้น้อยเห็นว่าเสียเวลาไปเยอะมากแล้ว จึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “กงกงหาคนลักษณะแบบไหนกันแน่หรือขอรับ”
ข้าหลวงเอ่ยพูดอย่างท้อแท้ “สวมชุดดำ ดูสดใสมีน้ำมีนวล และมีไฝที่แก้ม”
ขุนนางชั้นผู้น้อยชี้ออกไป “กงกง ท่านดูเหนียงจื่อที่กำลังซักผ้าอยู่ริมน้ำตรงนั้นสิขอรับ ใช่คนที่ท่านตามหารึเปล่า”
เหนียงจื่อ? สตรีที่แต่งงานแล้วงั้นหรือ
ปฏิกิริยาแรกของข้าหลวงก็คือปฏิเสธ แล้วมองตามมือขุนนางชั้นผู้น้อยที่ชี้นิ้วออกไป
มีสตรีจำนวนไม่น้อยกำลังซักผ้าอยู่ที่ริมแม่น้ำ
ในอดีต เมื่อเหล่าสตรีรวมตัวกันซักผ้าจะต้องมีเสียงพูดคุยหัวเราะเฮฮา สนุกสนาน ทว่าเวลานี้บ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลองทำให้พวกนางหัวเราะไม่ออก ส่วนมากทุกคนจะก้มหน้าซักผ้าในมือเงียบๆ มีพูดคุยกันบ้างแต่ก็แค่พูดเบาๆ
สายตาของข้าหลวงหยุดลงที่สตรีชุดดำนางหนึ่ง
นางดูอายุยี่สิบต้นๆ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าขาวผ่อง ไม่นับว่าสวย แต่หากเทียบกับเหล่าสตรีที่ผิวค่อนข้างหยาบกร้านเหล่านั้นแล้วก็เรียกได้ว่าสดใสและมีน้ำมีนวลเลยทีเดียว
และที่สำคัญ ที่แก้มของหญิงสาวก็มีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง
นี่มันคนที่ไท่จื่อตามหา!
ข้าหลวงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็ตะลึงงัน
นี่ นี่มันสตรีที่แต่งงานแล้วนี่นา…
ขุนนางชั้นผู้น้อยเห็นข้าหลวงตกตะลึง จึงเอ่ยพูดอย่างเข้าใจ “กงกงอย่าได้กังวล สตรีที่แต่งงานแล้วนั้นจัดการได้ง่ายกว่าหญิงสาวนัก”
“หืม”
“ในอนาคตองค์ชายคงไม่พานางกลับเมืองหลวงหรอกใช่ไหมขอรับ”
ข้าหลวงทำหน้าขรึม “แน่นอนอยู่แล้ว”
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ห่างชั้นกับสาวใช้ในวังด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็นชนบทที่ห่างไกลความเจริญ องค์ชายไม่อาจพาไปด้วยแน่
อีกอย่าง องค์ชายมาเพื่อปลอบขวัญเหล่าผู้ประสบภัย หากนำสตรีกลับไปด้วย จะต้องถูกฝ่าบาทตำหนิ
ขุนนางชั้นผู้น้อยยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ดีแล้ว หากองค์ชายถูกใจสตรีที่ยังไม่ออกเรือน แล้วคิดอยากจะทิ้งนางในภายหลัง เกรงว่าอาจจะต้องเสียแรงมาก เพราะอย่างไรหลังจากนั้นนางก็ต้องแต่งงานออกเรือน ไม่เป็นสาวพรหมจรรย์แล้วมักจะยุ่งยาก ส่วนสตรีที่แต่งงานแล้วนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงตอนนั้นหากตอบแทนให้เพียงพอ ก็จะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้…”
ข้าหลวงหัวเราะขึ้น พลางตบบ่าของขุนนางชั้นผู้น้อย “เจ้าช่างฉลาดเสียจริง เดี๋ยวกลับไปพวกเราไปพูดกับไท่จื่อกัน”
“ท่านกงกงก็ชมเกินไปขอรับ”
“เช่นนั้นไปจัดการกันเถอะ” ข้าหลวงปุ้ยปากเป็นสัญญาณ
เรื่องแบบนี้ ให้คนในพื้นที่เป็นคนออกหน้านั้นดีที่สุด
ขุนนางชั้นผู้น้อยไม่รีบร้อน เข้าไปถามคนอื่นก่อนว่าหญิงชุดดำคนนั้นเป็นผู้ใดมาจากไหน และก็ไม่ได้ไปคุยกับสตรีผู้นั้น ทว่าเดินไปคุยกับสามีของนางโดยตรง
เมื่อชายตรงหน้าได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “จะทำแบบนั้นได้อย่างไร!”
ขุนนางชั้นผู้น้อยหยิบเหอเปาถุงเล็กยัดใส่มือชายผู้นั้น
เขาเอามือคลำๆ ดู สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “นี่ นี่มันทองคำนี่นา”
เห็นได้ชัดว่าด้านในเหอเปาเป็นทองคำหล่อจำนวนหนึ่ง
ขุนนางชั้นผู้น้อยยิ้มออกมา “ไม่เคยเห็นใช่หรือไม่ ให้ภรรยาเจ้าไปอยู่บำเรอผู้สูงศักดิ์สักสองสามคืน เจ้าก็ได้ประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
พอมองไปยังทองคำที่ล่อตาล่อใจ ชายตรงหน้าก็รู้สึกลังเล
เมื่อเห็นชายตรงหน้าลังเลใจ ขุนนางชั้นผู้น้อยก็รีบเอ่ยขึ้น “พี่ชาย ข้าจะบอกจากใจเลยนะ ทองคำเยอะขนาดนี้คงเพียงพอให้เจ้าซื้อสาวงามได้ อีกอย่างกลับไปผู้สูงศักดิ์ก็จะตบรางวัลให้อย่างงามด้วย เจ้าเอาเงินพวกนี้ไป รอภรรยาเจ้ากลับมาก็ใช้ชีวิตต่อไปด้วยดีเช่นเดิม หรืออาจจะเปลี่ยนภรรยาเป็นคนที่อายุน้อยกว่า สวยกว่าก็ย่อมได้ มีแต่ได้กำไรไม่เสียเปรียบเลย เจ้ายังลังเลอะไรอีกหรือ”
ชายตรงหน้ายิ่งใจเต้นแรงขึ้นอีก
ขุนนางชั้นผู้น้อยพูดโน้มน้าวใจต่อ “ข้าสืบข่าวมาแล้ว พวกเจ้าแต่งงานกันมาหลายปีภรรยาเจ้ายังไม่มีลูกให้เจ้าเลยสักคน หากพูดอย่างไม่น่าฟังก็คงเป็นแม่ไก่ที่ไม่ออกไข่ พี่ชายมีเงินมากมายเช่นนี้ ถึงจะทำใจเปลี่ยนภรรยาไม่ได้ อย่างน้อยก็มีเมียน้อยเพิ่มอีกคนได้…”
ในที่สุดชายตรงหน้าก็พยักหน้าลง
ขุนนางชั้นผู้น้อยยิ้มขึ้นเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้
น่าจะจริงที่สังคมชายเป็นใหญ่ หากมีเงิน จะใช้เงินทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เงินทองมากมายขนาดนี้อย่าว่าแต่ชาวนาคนนี้เลย ขนาดเขายังตื่นตาตื่นใจ
เมื่อลูบทองคำแท่งที่ซ่อนอยู่ในถุงเสื้อ ขุนนางชั้นผู้น้อยก็ใจชื้นขึ้นมา
รอจนถึงช่วงเย็น ในที่สุดไท่จื่อก็ได้หลับนอนดั่งสมปรารถนากับสตรีรูปร่างมีน้ำมีนวลที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว และเพราะเป็นสตรีที่แต่งงานมาแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
สำหรับไท่จื่อครั้งนั้นกับหยางเฟยราวกับฝันร้าย แถมยังทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจเลือนหายไปได้ไว้ด้วย
ไท่จื่อต้องยอมรับเลยว่า ตอนนี้เขาสนใจผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วมากกว่าหญิงสาวอายุน้อยเสียอีก
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่อาจบอกกับคนนอกได้
ไท่จื่อลุ่มหลงอยู่กับการเสพสุขอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่สนใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนเหล่าขุนนางต่างก็เฝ้าภาวนาว่าไท่จื่อจะไม่มาก่อความวุ่นวาย จึงไม่ได้สนใจเขามากนัก
จนกระทั่งวันนี้ผู้ตรวจการกับพานไห่และลูกน้องอีกสองคนที่ได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้มาตรวจตรามาถึง ไท่จื่อตกใจมาก ถึงได้ลนลานส่งนางกลับไป