ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 569 คลอดบุตร
มีการจัดเตรียมหมอตำแยไว้ตั้งนานแล้ว ซึ่งมีประมาณหกคนได้
เดิมสี่คนก็เพียงพอแล้ว แต่อวี้จิ่นรู้สึกว่าหกคนค่อนข้างมงคล มีนัยเป็นความราบรื่น ดังนั้นจึงเพิ่มเข้าไปอีกสองคน
หมอตำแยทั้งหกยุ่งกันหัวหมุน เหล่านางกำนัลถือของเครื่องใช้หลากหลายอย่างเข้าๆ ออกๆ
อวี้จิ่นยืนอยู่ด้านล่างระเบียงทางเดิน มองเข้าไปด้านในด้วยความกังวล และเกือบจะชนเข้ากับจี้หมัวมัว
จี้หมัวมัวตะเบ็งเสียงลั่น “ท่านอ๋อง ท่านมาก่อความวุ่นวายอะไรที่นี่เพคะ!”
เยี่ยนอ๋องที่ปกติอยู่ต่อหน้าข้าราชบริพารทั้งหลายจะทำหน้าเย็นชาเสมอ ทว่าในตอนนี้กลับไม่มีมาดอะไรหลงเหลืออยู่ เขาชะโงกหน้ามองผ่านจี้หมัวมัวไปพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ข้าก็มาดู…”
“ดูก็ไม่ได้เพคะ มีสตรีที่ไหนคลอดลูกแล้วมีบุรุษเข้ามายุ่งวุ่นวายดู” จี้หมัวมัวทำหน้าขรึม เอ่ยพูดเสียงดัง “มีใครอยู่บ้าง มาเชิญท่านอ๋องออกไปพักด้านนู้นหน่อย”
อวี้จิ่นเหลือบมองจี้หมัวมัว ไม่รอให้นางกำนัลเข้ามาไล่ หันหลังเดินไปยังห้องที่อยู่ข้างห้องโถงทันที
จี้หมัวมัวเห็นก็โล่งใจ จึงหันหน้าเดินเข้าไปในห้อง
จริงๆ เลยนะ สตรี่ที่กำลังคลอดลูกเหล่าชายฉกรรจ์ก็ออกแรงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ไม่เคยเห็นท่านอ๋องเป็นเช่นนี้เลย
ในมุมมองของจี้หมัวมัว การคลอดเรื่องเป็นเรื่องของสตรี บุรุษไม่ควรเข้ามาที่เรือนใน เวลากลางวันบุรุษจะไปทำอะไรก็ทำ พอถึงเวลาก็ประกาศว่าเด็กคลอดออกมาแล้วก็พอ
ทว่าท่านอ๋องนั้นแทบจะทนไม่ไหวเข้ามาคลอดแทนพระชายาอ๋อง แต่ถือว่าไม่ได้โชคร้าย
ดีที่ยังฟังคำเกลี้ยกล่อม
จี้หมัวมัวเพิ่งจะหายวับไปจากหน้าประตู อวี้จิ่นก็หยิบเก้าอี้ตัวเล็กออกมา
จี้หมัวปีศาจใจร้าย ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!
อวี้จิ่นถือเก้าอี้ตัวเล็กมาวางลงด้านล่างระเบียง นั่งลงทำหูผึ่งรอฟังเสียง
นอกจากเสียงพูดของหมอตำแยก็มีเสียงฝีเท้าที่ชุลมุนวุ่นวาย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงเจียงซื่อ
อวี้จิ่นรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้น เขาเคยถามผู้ที่มีประสบการณ์มามายมาย ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการคลอดลูกนั้นเจ็บปวดมาก ต้องมีการร้องโอดครวญออกมาเสียงดัง แล้วอาซื่อทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยล่ะ
“อาหมาน…” อวี้จิ่นรู้สึกร้อนใจ โบกมือเรียกอาหมาน ยังคงไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะกลัวว่าจี้หมัวมัวที่อยู่ในห้องจะรู้เข้า
อาหมานวิ่งเหยาะๆ เข้ามา “ท่านอ๋องเรียกบ่าวหรือเจ้าคะ”
อาหมานกับอาเฉี่ยวล้วนเป็นสาวแรกแย้ม อาเฉี่ยวละเอียดรอบคอบ และเป็นหนึ่งในสาวรับใช้ที่เจียงซื่อเชื่อใจ จี้หมัวมัวถูกบังคับให้อยู่ในห้อง อาหมานเป็นคนซุ่มซ่ามจึงโดนไล่ออกมาข้างนอกเหมือนอวี้จิ่นแต่แรก
“เข้าไปดูพระชายาหน่อยสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าค่ะ” อาหมานรีบขานตอบแล้วเดินเข้าไปในห้อง
อวี้จิ่นจ้องประตูห้องตาไม่กะพริบ จู่ๆ ก็รู้สึกมีอะไรเข้ามาใกล้ๆ
เอ้อร์หนิวนอนส่ายหางลงข้างๆ เขา
อวี้จิ่นยื่นมือออกไปถือโอกาสวางลงบนหลังเอ้อร์หนิว พลางลูบขนที่หนานุ่มของสุนัขตัวใหญ่ไปมา
สุนัขตัวโตเพิ่งจะเริ่มรู้สึกเพลิดเพลินเล็กน้อย แต่ต่อมากลับทนไม่ได้แล้ว
ความเร็วที่เจ้านายลูบขนมันเร็วเกินไปรึเปล่านะ แทบจะดึงขนมันออกไปหมดแล้ว!
อาหมานปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู จี้หมัวมัวที่หน้าตาทะมึนเดินตามติดมาจากด้านหลัง
เมื่อเจอเข้ากับอวี้จิ่นที่ไม่ยอมไปแถมยังยกเก้าอี้เล็กมาอีก ด้านข้างมีสุนัขนอนอยู่ด้วย จี้หมัวมัวหน้าเขียวขึ้นมาทันที “ท่านอ๋อง ทำไมท่านถึงยังอยู่ที่นี่อีกเพคะ!”
อวี้จิ่นทำหน้าขรึม “จี้หมัวมัวไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะไม่ไปไหน”
จิ้มหมัวมัวริมฝีปากสั่นระริก ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอย่างไรดี
พูดออกมาว่าไม่ไปอย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้ แถมไม่แม้แต่จะหาข้ออ้าง นางจะพูดอะไรได้
เมื่อเห็นว่าจี้หมัวมัวไม่ไล่แล้ว อวี้จิ่นกลับจับนางไว้ไม่ปล่อย “หมัวมัว ทำไมพระชายาอ๋องถึงไม่ส่งเสียงตะโกนล่ะ”
หมัวมัวสีหน้านิ่งขรึมราวกับสายน้ำ “เพิ่งจะอาการกำเริบเอง ยังเร็วอยู่ หากตะโกนตอนนี้พอถึงเวลาก็ไม่มีแรงคลอดแล้ว เช่นนั้นจึงไม่อาจตะโกนได้เพคะ”
อวี้จิ่นขมวดคิ้วขึ้น
ไม่อาจตะโกนได้ แสดงว่ามันเจ็บจริงๆ…
“ต้องรออีกนานเท่าไหร่พระชายาอ๋องถึงจะคลอด”
“มันพูดยากเพคะ สตรีบางคนก็คลอดเร็ว บางคนก็ช้า เร็วสุดก็ประมาณสองชั่วยาม นานสุดสามวันสองคืนก็อาจเป็นไปได้…” เมื่อเห็นสีหน้าอวี้จิ่นผิดปกติ จี้หมัวมัวจึงเอ่ยปลอบใจออกมา “ท่านอ๋องว่างใจเถอะเพคะ ทารกในครรภ์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ร่างกายพระชายาก็ได้รับการบำรุงมาไม่เลว จะต้องคลอดออกมาได้อย่างราบรื่นเป็นแน่ อืม ประมาณหลังเที่ยงน่าจะได้แล้วเพคะ”
เที่ยงคืน เช่นนั้นก็เป็นช่วงยามจื่อน่ะสิ
อวี้จิ่นสีหน้าย่ำแย่ยิ่งขึ้น พูดโพล่งออกไป “นานขนาดนี้เลยรึ”
จี้หมัวมัวสีหน้าแข็งทื่อ “ท่านอ๋องอย่าได้ร้อนใจไป หากคลอดออกมาหลังเที่ยงคืนถึงจะดี”
หลังจากเที่ยงคืนก็เป็นเดือนหกแล้ว
ถึงจะห่างไปเพียงครู่เดียว มันก็แตกต่างกันอย่างลิบลับสำหรับเด็ก และยิ่งแตกต่างมากขึ้นสำหรับจวนอ๋อง
“ผู้ใหญ่ได้รับความทุกข์ยากน้อยลงถึงจะถูกต้อง” อวี้จิ่นขมวดคิ้วพูดขึ้น
จี้หมัวมัวเบะปาก พูดเกลี้ยกล่อม “ท่านอ๋องวางใจเถอะ หมอตำแยที่นำมาล้วนเป็นหัวกะทิของเมืองหลวง นายน้อยจะต้องคลอดออกมาได้อย่างราบรื่นเป็นแน่ สู้ไปรอที่ด้านหน้าไม่ดีกว่าหรือ ทันทีที่นายน้อยคลอดออกมาบ่าวจะส่งคนไปแจ้งให้ท่านทราบอย่างรวดเร็วเพคะ”
อวี้จิ่นส่ายหน้า “ลูกของข้าเกิดทั้งที ทำไมจะต้องให้คนส่งสาส์นไปบอกอีก ถึงแม้ว่าข้าจะตั้งมั่นอยู่ที่นี่โดยช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่าข้าสบายใจ พระชายารู้ว่าข้ารออยู่ข้างนอก ก็คงรู้สึกสบายใจเช่นกัน”
จี้หมัวมัวไม่เข้าใจความคิดอวี้จิ่นเอามากๆ พลั้งปากพูดออกไป “สตรีทุกคนล้วนผ่านประสบการณ์มาเช่นนี้…”
อวี้จิ่นทำหน้าซื่อ “จี้หมัวมัวพูดผิดแล้ว”
“พูดผิดอย่างไรเพคะ” จี้หมัวมัวอึ้งไปเลย
เรื่องการคลอดบุตรของสตรี ท่านอ๋องยังต้องสอนนางอีกหรือ
“บุรุษไม่สามารคลอดบุตรได้แต่สตรีทำได้ มันเป็นความแตกต่างตามธรรมชาติโดยแท้จริง แต่ไม่อาจคิดว่าเพราะเหตุนี้จึงรู้สึกว่าความเจ็บปวดจากการคลอดลูกเป็นสัจธรรมอันเปลี่ยนแปลงมิได้ ถึงแม้สตรีทุกคนล้วนต้องผ่านเรื่องเช่นนี้ ทว่าไม่อาจคิดได้ว่าเพราะความเจ็บปวดของสตรีคนอื่นที่ประสบมา จะสามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่ตัวเองเผชิญได้” อวี้จิ่นพูดไปพลางมองไปที่ประตูห้อง พูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ “อีกอย่าง ข้าก็แค่สงสารภรรยา ไม่ได้หรือ”
จี้หมัวมัวดึงมุมปากขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องรักและถนอมพระชายาเช่นนี้ เป็นบุญวาสนาของพระชายา เช่นนั้นท่านก็รอเถอะเพคะ แค่อย่าเข้าไปข้างในก็พอ”
นางไม่มีเวลาว่างครุ่นคิดสิ่งที่ท่านอ๋องพูดหรอก รู้อยู่หรอกว่าท่านอ๋องเป็นพวกหลงภรรยา ไม่ว่าจะพูดโน้มน้าวใจยังไงถ้าไปไปก็คือไม่ไป
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ เริ่มมีเสียงร้องโอดโอยของเจียงซื่อดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย อวี้จิ่นอดทนต่อไปไม่ไหวถีบเก้าอี้ตัวเล็กคว่ำ อยากจะเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด
จี้หมัวมัวยืนขวางอยู่หน้าประตูราวกับภูเขาลูกหนึ่ง สีหน้าแย่ราวกับจะฆ่าฟันคนได้ตลอดเวลา “ท่านอ๋องห้ามเข้าไปเด็ดขาด!”
เกินไปแล้วนะ เกินไปแล้วจริงๆ ถ้าหากท่านอ๋องพุ่งเข้าไปข้างใน นางก็จะถวายชีวิตเข้าสู้!
ตอนนี้ จี้หมัวมัวเกลียดแค้นจั่งสื่อของจวนเยี่ยนอ๋องจนเข้าไส้
ตาแก่นั่นคิดหาเหตุผลมารั้งท่านอ๋องไว้ไม่ได้เลยหรือ เป็นจั่งสื่อประสาอะไรกันเนี่ย
พระชายาอ๋องคลอดบุตรนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าจั่งสื่อไม่ได้พักผ่อนในเวลานี้แน่ เพียงแต่ว่าเขาเอาแต่จัดการอยู่เบื้องหน้าและรอฟังข่าวเท่านั้น
หลังจากจิบชาแล้วจั่งสื่อก็ถูฝ่ามือไปมาอยู่เงียบๆ เดาว่าจี้หมัวมัวคงร้อนใจจนอยู่ไม่สุขแล้ว ถึงเวลาที่นางควรจะได้ลิ้มลองรสชาตินี้แล้ว นึกถึงตอนนั้นที่ให้นางตักเตือนพฤติกรรมที่พระชายาบุกเข้าไปในห้องอักษรของท่านอ๋อง ไม่นึกเลยว่านางจะกล้าปฏิเสธ
อวี้จิ่นอยากจะเข้าไปดู ทว่าจี้หมัวมัวหัวเด็ดตีนขายังไงก็ไม่ยอม ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อต่อกันอาหมานก็วิ่งออกมาแล้วตะโกนขึ้น “จี้หมัวมัว ดูเหมือนว่าจะคลอดอ๋องน้อยแล้ว…”
จี้หมัวมัวสาวเท้าพุ่งตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว
อวี้จิ่นกำลังยกเท้าจะเดินตามไป ปลายจมูกเกือบชนเข้ากับประตูห้องที่ปิดดังโครม
เพิ่งจะผ่านเที่ยงคืนไป พระชายาเยี่ยนอ๋องคลอดบุตรออกมาได้อย่างราบรื่นเป็นสุข