ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 604 บอกความลับ
อวี้จิ่นหัวเราะ “หากมิได้เป็นเช่นนั้น ก็คงไม่ทำตัวส่อพิรุธเพียงนี้ แต่หากว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา ข้าก็สงสัยว่าเขาทำอย่างไร”
“ไท่จื่อไม่น่าจะมีโอกาสเข้าไปทำร้ายเสด็จพ่อ”
“ข้าอาจจะคิดมากไปเอง รอดูไปก่อนเถิด เจ้าสี่เริ่มขยับตัวแล้ว อีกไม่นานไท่จื่อคงจะวิ่งพล่านไม่ต่างกัน” อวี้จิ่นยิ้มกริ่มพลางบอก
ไม่เพียงแต่เจ้าสี่ที่เริ่มขยับตัว ท่าทีของเขาก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ฉะนั้นหากไท่จื่อมีความผิดติดตัวจะไม่ลนลานได้อย่างไร
คนเขลาจิตอ่อน มิได้สุขุมเช่นเขา
อวี้จิ่นพอจะเดาได้ว่า เมื่อไท่จื่อกลับไปถึงตงกง ยิ่งเขาขบคิดคงยิ่งว้าวุ่น
หุ่นไม้ปลุกเสกที่นางในอุตส่าห์สอนสัมฤทธิ์ผลแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดียิ่งนัก ขอเพียงแค่เสด็จพ่อสวรรคต เขาก็ได้จะขึ้นครองราชย์อย่างสมเกียรติ
ว่าแต่เจ้าเจ็ดสังเกตเห็นพิรุธอะไรหรือเปล่า
ตอนที่เดินทางไปอำเภอเฉียนเหอทำให้เขารู้ว่า เจ้าเจ็ดตาดีประหนึ่งมีตาทิพย์ หนำซ้ำยังจมูกไวยิ่งกว่าสุนัข
ไท่จื่อมัวแต่กระวนกระวายใจจนเผอเรอพาตัวเองเดินไปถึงที่พักของนางใน
นางในออกมาต้อนรับ “องค์รัชทายาท…”
ไท่จื่อจ้องนางไม่วางตา จนหญิงสาวนิ่งไป
“สัมฤทธิ์ผลแล้วจริงด้วย”
“อะไรหรือเพคะ”
มือทั้งสองข้างของไท่จื่อบีบไหล่ของนาง พลางกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ก็หุ่นไม้ที่เจ้าบอกว่าสามารถทำให้คนตายได้โดยไม่ทราบสาเหตุ มันสัมฤทธิ์ผลแล้ว!”
นางในยิ้มบาง “ดีเหลือเกินเพคะ…”
สายตาของไท่จื่อที่จดจ้องไปที่นางแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา
เขาใช้หุ่นไม้ทำร้ายเสด็จพ่อ หากทำไม่สำเร็จ เขาได้กลายเป็นศพไร้หลุมอย่างแน่นอน
เรื่องนี้นอกจากฟ้าดินที่รู้แล้ว ก็มีแค่เขาและนางในคนนี้เท่านั้น…
มือของไท่จื่อที่จับอยู่ที่ไหล่ของนางค่อยๆ เคลื่อนไปที่คอของหญิงสาว เขาบีบขย้ำเต็มแรง
“องค์รัชทายาท…อึก อึก อึก…” ดวงตาของนางเบิกกว้าง สองมือพลักไสไท่จื่ออย่างสุดความสามารถ
ในวินาทีนั้น เห็นถึงความต่างของพละกำลังระหว่างเพศชายและเพศหญิงได้อย่างชัดเจน
มือของไท่จื่อบีบรัดแน่นขึ้น ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด ร่างของนางในก็ค่อยๆ แน่นิ่ง
ไท่จื่อคลายมือ เท้าพลันก้าวถอยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
เก้าอี้ในห้องของนางในมิอาจสู้ที่นั่งในห้องบรรทมของไท่จื่อ เก้าอี้เปลือยเปล่า ไม่มีการบุนวมใดๆ ไท่จื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งกระด้างและเย็นเยียบ
สายตาจดจ้องไปที่นางในที่นอนตาค้างอยู่บนพื้น จมูกและปากพ่นลมหายใจถี่รัวออกมา
เขาเพิ่งจะฆ่านางในที่หลับนอนด้วยกันมานานแรมปี!
ไท่จื่อยกมือตัวเองขึ้นมามอง และผุดยิ้มขึ้นมาเฉยๆ
ฆ่าให้ตายก็ดี เพราะตายไปแล้วจะได้ไม่ต้องกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดออกไป
ไท่จื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
แสงอาทิตย์ปลายฤดูใบไม้ร่วงไม่แผดเผาเช่นที่ผ่านมา แสงอ่อนตกกระทบลงบนร่างของไท่จื่อ ทว่าไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจอันดำมืดของเขา
พระราชวังกว้างใหญ่ไพศาล แต่ละปีมีนางในถูกสังหารเงียบๆ มากมาย ฉะนั้นการที่ไท่จื่อจะปิดเรื่องการเสียชีวิตของนางในสักคนจึงมิใช่เรื่องยาก
ไท่จื่อมอบหมายให้ขันทีคนสนิทจัดการต่อ
พระชายาไท่จื่อที่พาฉุนเกอเอ๋อร์กลับมาจากไปเยี่ยมจิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่เห็นแม้แต่เงาของไท่จื่อ นางได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความกังวล
ที่เสด็จพ่อยอมพบไท่จื่อวันนี้มิรู้ว่าควรยินดีหรือควรกังวล
ท้องฟ้ามืดสลัวตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ เมื่อพระชายาไท่จื่อและฉุนเกอเอ๋อร์รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว นางก็สั่งให้คนพาฉุนเกอเอ๋อร์กลับไปที่พักของตัวเอง ภายในห้องจึงเหลือแค่นางเพียงลำพัง
เปลวไฟถูกจุดเรื่อเรืองสว่างไสว
นางในเดินเข้ามาพลางกล่าวแผ่วเบา “พระชายาไท่จื่อ หงอวี้มาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
พระชายาไท่จื่อขมวดคิ้วพลางคิดก่อนจะเอ่ย “ให้นางเข้ามา”
หากนางจำไม่ผิด หงอวี้คือหนึ่งในนางในคนโปรดของไท่จื่อ
ไม่นาน สตรีในอาภรณ์สีเขียวก็ถูกพาตัวเข้ามา ทันทีที่เห็นพระชายาไท่จื่อ นางก็คุกเข่าลง “ถวายบังคมพระชายา”
“ลุกขึ้นเถิด เจ้ามีธุระอันใด”
หงอวี้ลุกขึ้น และชำเลืองไปที่นางในที่ยืนอยู่ข้างพระชายาไท่จื่อ
“มีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถิด” พระชายาไท่จื่อกล่าวราบเรียบ
นางไม่คิดคบค้าสมาคมกับนางในคนโปรดของไท่จื่ออยู่แล้ว
หากยกเรื่องสถานะมาเอ่ย นางมีศักดิ์เป็นถึงพระชายาไท่จื่อ ส่วนอีกฝ่ายเป็นเพียงนางใน ไท่จื่อจะโปรดปรานนางในคนนี้มากน้อยเพียงใด นางไม่อยากรับรู้ แต่หากมีการละเมิดกฎ นางก็จะจัดการโดยไม่สนใจว่าไท่จื่อจะคิดเช่นไร
หงอวี้ก้มหน้าพลางเอ่ยแผ่วเบา “พระชายาไท่จื่อ เรื่องนี้จะให้ผู้อื่นทราบไม่ได้จริงๆ เพคะ…”
พระชายาไท่จื่อเงียบงันชั่วอึดใจก่อนจะส่งสัญญาณให้คนที่คอยปรนนิบัติคนอื่นๆ ออกไป เหลือไว้แต่นางในคนสนิท
นางเองก็อยากรู้ว่า นางในผู้นี้จะพูดเรื่องอะไร แต่นางจะประมาทไม่ได้ นางจึงไม่อยู่ในห้องกับนางในเพียงลำพังแค่สองคน
“เอาเถอะ เจ้าว่าเรื่องของเจ้ามาได้แล้ว”
หงอวี้ทราบดีว่าบุคคลที่สามในห้องนั้นคือนางในคนสนิทของพระชายาไท่จื่อ จึงไม่กล้าพูดมาก นางขบริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ย “บ่าวต้องการเปิดโปงเรื่องของใครบางคนเพคะ…”
“ใคร”
“ชุ่ยซานเพคะ”
ใบหน้าพระชายาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วันนี้เพิ่งจะมีคนมารายงานว่า ชุ่ยซานล้มป่วยกะทันหันจนเสียชีวิต…
“เจ้าจะเปิดโปงนางเรื่องอะไร”
“บ่าวบังเอิญไปเห็นชุ่นซานใช้ไม้ถงแกะสลักบางอย่างเพคะ…บ่าวและชุ่ยซานมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ที่นั่นชาวบ้านใช้วิชาอาคมกันอย่างแพร่หลาย เราจะแกะสลักหุ่นไม้เป็นรูปคน และจารึกวันเวลาเกิดของคนผู้นั้นเอาไว้บนหุ่น จากนั้นก็นำไปฝัง แล้วคนๆ นั้นจะประสบโชคร้ายเพคะ…”
“โชคร้ายอะไร” พระชายาไท่จื่อถามเสียงดุดัน
“หากคนที่ปลุกเสกปักเข็มลงไปบนส่วนใดบนหุ่นไม้ คนๆ นั้นก็จะเจ็บบริเวณอวัยวะนั้นๆ ทิ่มลงไปบนเอวบ้าง ไหล่บ้าง ตามมือบ้าง ตามเท้าบ้างก็มีเพคะ…”
“แล้วหากต้องการให้คนผู้นั้นตายเล่า”
หงอวี้เม้มปากพลางตอบ “ก็ทิ่มลงตรงหัวใจเพคะ”
พระชายาไท่จื่อลุกพรวด
ทิ่มตรงหัวใจ ทิ่มตรงหัวใจ… นางนึกถึงจิ่งหมิงฮ่องเต้ที่มีอาการเจ็บแปลบที่บริเวณหัวใจ มือข้างหนึ่งที่วางอยู่บนที่เท้าแขนหล่นลงมา
“พระชายาไท่จื่อ…” หงอวี้ไม่คาดมาก่อนว่าพระชายาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ นางจึงขานเรียกด้วยความตกใจ
พระชายาไท่จื่อมิได้สนใจนาง ใบหน้ายังคงย่ำแย่ ทำให้คนรอบข้างพลอยใจเสีย เนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่อาจควบคุม
โรคหัวใจของเสด็จพ่อเกี่ยวข้องกับชุ่ยซานงั้นหรือ
ชุ่ยซายเป็นคนของตงกง…
“ไปเชิญไท่จื่อมาเดี๋ยวนี้…” พระชายาไท่จื่อออกคำสั่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “เดี๋ยว ยังไม่ต้องไป”
ทั้งหงอวี้และนางในคนสนิทหันมามองทางพระชายา
พระชายาไท่จื่อที่สุขุมมั่นคงประหนึ่งมดเดินบนหม้อร้อน เดินวนเวียนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยุดลงในที่สุด ใบหน้าของนางยังคงไม่สื่ออารมณ์ใด “ตามข้าไปที่ตำหนักคุนหนิง!”
บริเวณด้านนอกดวงไฟถูกจุดครบทุกดวง พระชายาไท่จื่อเดินปราดเปรียวนำนางในกลุ่มหนึ่งมาที่ตำหนักคุนหนิง
“เหนียงเหนียง พระชายาไท่จื่อมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
ฮองเฮาผงะไปชั่วครู่ก่อนจะรีบให้คนพานางเข้ามา
พระชายาไท่จื่อเข้ามาถึงก็คุกเข่าลงทันที
ฮองเฮาประหลาดใจหนักกว่าเก่า รีบเข้าไปพยุงนางขึ้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนสุภาพ “จู่ๆ เจ้าจะคุกเข่าทำไมกัน มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถิด”
พระชายาไท่จื่อเงยหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา
ใบหน้าของฮองเฮาแปรเปลี่ยนโดยพลัน “เกิดอะไรขึ้น หรือว่า…”
ไท่จื่อตายแล้วหรือ
ในเมื่อมิใช่มารดาแท้ของไท่จื่อ นางจึงไม่อาจเอ่ยถามเช่นนั้น
พระชายาไท่จื่อค่อยๆ สงบลง และเล่าเรื่องชุ่ยซานให้ฮองเฮาฟัง
ฮองเฮาฟังจนจบ ใบหน้าขาวซีดกล่าวเอ่ยเสียงสั่น “เจ้าได้ค้นห้องของนางในผู้นั้นแล้วหรือยัง”
พระชายาไท่จื่อส่ายหัวพลางเอ่ยแผ่วเบา “เรื่องใหญ่เพียงนี้ ลูกไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ รอให้เสด็จแม่เป็นผู้ตัดสินใจเพคะ…”
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นที่ตงกง นางที่เป็นพระชายาไท่จื่อคงพูดอะไรไม่ได้มาก หากนางตรวจสอบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองก็รังแต่จะเป็นการฝั่งตัวเองลึกขึ้น
ฮองเฮาคิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดที่กำลังจะตามมาเช่นเดียวกับที่พระชายาไท่จื่อคิด
หากเจอหุ่นพยนต์ที่ทำของใส่ฝ่าบาทที่ตงกง เกรงว่าตงกงทั้งหลังคงถึงคราวอวสาน…