ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 640 พระชายาฉีอ๋องฟื้นแล้ว
ฮองเฮาผงกศีรษะด้วยท่าทีจริงจัง “ฝ่าบาทวางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะแจ้งให้เสียนเฟยทราบเองเพคะ”
เมื่อฮองเฮาออกไปแล้ว จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงได้มีเวลาใคร่ครวญกับตัวเอง ให้ฮองเฮาเป็นคนไปบอกจะเป็นการทำให้นางหนักใจหรือไม่
หนักใจ? ฮองเฮามิได้รู้สึกเช่นนั้น
ในวังหลวงที่แสนโดดเดี่ยว ไม่อาจคาดหวังความจริงใจจากผู้ใด แม้แต่ฮองเฮาที่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับคนอื่นก็ไม่เว้น
ฮองเฮาไม่มีโอรส ฉะนั้นแล้วไม่ว่าองค์ชายองค์ใดได้ขึ้นครองราชย์ก็ไม่อาจทำให้ตำแหน่งของนางสั่นคลอน แต่ถึงกระนั้นก็มีองค์ชายบางคนที่อาจส่งผลกระทบต่อนาง
ตัวอย่างเช่นฉีอ๋อง เนื่องจากเสด็จแม่ของเขาคือเสียนเฟย ส่วนตระกูลของมารดาคือจวนอันกั๋วกงซึ่งเป็นผู้สร้างคุณูปการนับไม่ถ้วนให้แก่บ้านเมือง หากฉีอ๋องได้เป็นองค์รัชทายาท ต่อให้ตำแหน่งฮองเฮาของนางจะมั่นคงเพียงใด แต่เสียนเฟยย่อมทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นเป็นธรรมดา เพราะทันทีที่ฉีอ๋องขึ้นครองราชย์ เสียนเฟยจะกลายเป็นไทเฮาฝ่ายตะวันตก ทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน นางซึ่งอยู่ในตำแหน่งไทเฮาฝั่งตะวันออกก็ไร้ความหมาย
แม้ตำแหน่งไทเฮาจะเป็นที่เคารพนับถือ แต่ตำแหน่งนี้ก็ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ ไทเฮาที่ฮ่องเต้มิได้เห็นความสำคัญ ต่อให้ตำแหน่งจะสูงส่งเพียงใดก็เกรงว่าจะเป็นเพียงไทเฮาแค่ในนามเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าของแผ่นดินต้าโจวก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือบุรุษผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร
หากเป็นองค์ชายที่ไม่มีหมู่เฟยหรือมีหมู่เฟยที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยดูจะเป็นภัยกับนางน้อยกว่า
ฮองเฮาเข้าใจความจริงข้อนี้อย่างถ่องแท้ ฉะนั้นเมื่อนางเห็นว่าฉีอ๋องทำให้จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจ อีกทั้งพระชายาฉีอ๋องยังทำความผิดร้ายแรงถึงเพียงนี้ นางยิ่งเป็นสุขใจ และยินดีที่จะเป็นคนแจ้งข่าวนี้แก่เสียนเฟย
เสียนเฟยอยู่ในอาการว้าวุ่น
อาการปวดศีรษะของนางไม่มีทีท่าว่าจะหายไป อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่สะใภ้สี่และสะใภ้เจ็ดนัดหมายกันไปถวายธูป
จนถึงบัดนี้แล้ว นางควรได้รับข่าวคราวอะไรบ้าง
เสียนเฟยกลัวว่าจะมีผู้ใดล่วงรู้เจตนาซ่อนเร้นของตน นางจึงเก็บตัวเงียบไม่ออกไปพบหน้าผู้ใด เพราะกลัวว่าหากเกิดเรื่องกับพระชายาเยี่ยนอ๋องแล้วจะทำให้คนโยงมาถึงตำหนักอวี้เฉวียน
หญิงรับใช้นางหนึ่งเข้ามารายงาน “เหนียงเหนียง ฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”
เสียนเฟยชะงักงัน นางรวบรวมสติก่อนจะยืดเหยียดหลังตรงเตรียมต้อนรับ
ฮองเฮาเดินเข้ามาเห็นว่าเสียนเฟยเตรียมจะลุกขึ้นก็รีบออกปากห้าม “เจ้ายังป่วยอยู่ ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก”
เสียนเฟยยืดหลังขึ้นเพื่อถวายความเคารพฮองเฮา นางคลี่ยิ้ม “อาการมิได้ร้ายแรงปานนั้น หม่อมฉันมิควรเสียมารยาทกับเหนียงเหนียงเพคะ”
ฮองเฮาเม้มปาก “น้องเสียนเฟยไม่ต้องมากพิธี วันนี้อาการเป็นเช่นไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“ยังมีอาการเวียนศีรษะบ้างเป็นบางครา แต่ว่าดีกว่าเมื่อสองวันก่อนมากแล้วเพคะ” เสียนเฟยกล่าวพลางเชื้อเชิญให้ฮองเฮานั่งลง นางพยายามคาดเดาสาเหตุที่ฮองเฮาเสด็จมาหานาง
ฮองเฮารับถ้วยชาจากนางในไปจิบก่อนจะวางถ้วยลง นางกล่าว “วันนี้พระชายาฉีอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องไปถวายธูปด้วยกันที่วัดไป๋อวิ๋น มีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างทาง”
มือที่ถือถ้วยชาของเสียนเฟยกระตุกสั่นจนน้ำชากระเด็นหกใส่หลังมือ นางฝืนยิ้ม “เกิดเรื่องอะไรหรือเพคะ หม่อมฉันใจไม่ดีเลยเพคะ”
ทว่าในใจของนางยินดีอย่างยิ่งยวด สะใภ้สี่คงแสดงฝีมือแล้วสินะ
การเสียชีวิตของเจียงซื่อคงทำให้เจ้าเจ็ดทุกข์ทนอยู่พักหนึ่ง แต่นางเชื่อว่าคงใช้เวลาเยียวยาหัวใจไม่นาน หลังจากนั้นนางจะสตรีสักคนจากฝั่งมารดาของตัวเองมาแต่งงานกับเจ้าเจ็ด หากนางทำดีกับเจ้าเจ็ด ต่อให้เจ้าเจ็ดไม่คิดจะช่วยส่งเสริมเจ้าสี่ แต่อย่างน้อยๆ ก็จะได้ไม่อยู่เป็นก้างขวางคออย่างในตอนนี้
ส่วนสะใภ้สี่ที่มีความผิดติดตัวเพราะฆ่าสะใภ้เจ็ด นางไม่กลัวหรอกว่าตนเองจะควบคุมสะใภ้สี่ไม่ได้
ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ย่อมทำให้เสียนเฟยมีความสุขเป็นธรรมดา
ฮองเฮาตบมือเสียนเฟยแผ่วเบาพลางกล่าวเตือนเพราะเกรงว่าสติของนางจะหลงเจิ่นไป “หากข้าบอกอะไรเจ้า เจ้าต้องตั้งสติให้ดี เพราะตอนนี้เจ้าเองก็กำลังป่วย อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความขุ่นหมองอีกเลย…”
“เชิญฮองเฮาตรัสเถิดเพคะ หม่อมฉันจะทำใจรับให้ได้เพคะ” เสียนเฟยแสร้งประหม่า
ฮองเฮาถอนหายใจ “ระหว่างทางกลับ ม้าที่ลากรถพระชายาทั้งสองมีอาการตื่นตระหนกจนเกือบทำให้พระชายาฉีอ๋องตกลงไปในหน้าผา…”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ ใช่พระชายาฉีอ๋องรึเพคะ” รูม่านตาของเสียนเฟนขยายกว้าง ความตกใจคราวนี้เป็นของจริง
นี่นางฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของฮองเฮา เสียนเฟยก็รีบแก้ตัว “พระชายาฉีอ๋องมิได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่เพคะ แล้วพระชายาเยี่ยนอ๋องเล่าเพคะ”
“พระชายาฉีอ๋องเกาะขอบหน้าผา และองครักษ์ช่วยไว้ได้ทัน ส่วนพระชายาเยี่ยนอ๋องไม่ได้เป็นอะไร”
เสียนเฟยเก็บซ่อนความผิดหวัง และแสดงออกด้วยความโล่งอก “ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ”
ฮองเฮาถอนหายใจอีกครั้ง “แต่มีอีกเรื่องหนึ่งคือ พระชายาฉีอ๋องเสียโฉม”
เสียนเฟยอ้าปากค้างพร้อมแววตาแข็งทื่อ
ไม่ตายแต่เสียโฉมอย่างนั้นหรือ นี่มันยุ่งยากกว่าเก่าเสียอีก
“ผู้ตรวจการศาลาว่าการพระนครสืบทราบความจริงว่า เหตุการณ์ม้าพยศคราวนี้มิใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะพระชายาฉีอ๋องตั้งใจจะปองร้ายพระชายาเยี่ยนอ๋อง…”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ” เสียนเฟยลุกพรวด สีหน้าของนางเปลี่ยนฉับพลัน ร่างกายสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุม ตามมาด้วยอาการปวดแปลบที่ศีรษะประหนึ่งถูกของแหลมทิ่มจนร่างของนางโซเซ
ฮองเฮารีบเอื้อมมือไปพยุงตัวนางเอาไว้พลางกล่าว “น้องเสียนเฟยใจเย็นๆ ก่อน เจ้าต้องมีสติ…”
สติสัมปชัญญะของนางห้ามตัวเองไม่ให้พ่นถ้อยคำปริภาษสาปส่งออกมา
มีสติกับผีน่ะสิ นี่ฮองเฮาคงจะตั้งใจมาเยาะเย้ยนางถึงที่!
เมื่อคิดเช่นนี้ เสียนเฟยกลับค่อยๆ สงบลง นางสูดลมหายใจยาว “ฮองเฮาอธิบายเหตุการณ์ให้หม่อมฉันฟังอย่างละเอียดได้ไหมเพคะ”
สะใภ้สี่น่าจะยังไม่สาวความผิดมาถึงตัวนาง เพราะมิอย่างนั้น คนที่มาส่งข่าวในตอนนี้คงมิใช่ฮองเฮา ดังนั้นนางต้องไม่แสดงท่าทีลนลาน
ฮองเฮาเห็นว่าเหมาะแก่เวลาจึงเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เสียนเฟยฟัง
เมื่อฟังมาจนจบแล้ว เสียนเฟยก็เอ่ยตะกุกตะกัก “เช่นนี้ก็หมายความว่าฝ่าบาทไม่อนุญาตให้พระชายาฉีอ๋องพบหน้าผู้ใดอีกแล้วหรือเพคะ”
ฮองเฮาพยักศีรษะ “ในเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ก็มิควรแพร่งพรายให้คนอื่นรับรู้ เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของราชวงศ์”
เสียนเฟยขยับริมฝีปากด้วยท่าทีอิดโรย แล้วสักพักนางก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผากของตนเอง “ฮองเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉันรู้สึกปวดศีรษะเพคะ…”
ฮองเฮาลุกขึ้นยืนอย่างรู้งาน “เช่นนั้นน้องเสียนเฟยพักเสียหน่อยเถิด ส่วนเรื่องพระชายาฉีอ๋องก็ควรปล่อยวางเสียเถิด จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย”
เมื่อฮองเฮาจากไปแล้ว เสียนเฟยก็หยอดตัวนั่งลงบนเตียง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หลี่ซื่อทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วยังสร้างเรื่องน่าอับอาย!
มีเรื่องเดียวที่น่ายินดีคือหลี่ซื่อในตอนนี้ยังคงไม่ฟื้น อีกทั้งนางยังไม่มีโอกาสได้พบเจอใครอีกแล้ว จึงหมดกังวลว่าหลี่ซื่อจะพูดเรื่องที่ไม่ควรพูด
แต่เจ้าสี่ยังไม่มีบุตรชายเลยสักคน หนำซ้ำพระชายาก็กลายเป็นคนวิกลจริต แล้วอนาคตข้างหน้าของเจ้าสี่จะทำอย่างไรได้!
ไม่ได้ จะปล่อยให้หลี่ซื่อ ‘เป็นบ้า’ เฉยๆ คงไม่ได้ จะให้นางอยู่ครองตำแหน่งพระชายาฉีอ๋องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เสียนเฟยคิดว่า แม้แผนกำจัดเจียงซื่อจะไม่สำเร็จ แต่การได้เปลี่ยนพระชายาฉีอ๋องคนใหม่ก็มิใช่เรื่องเลวร้าย นางจะหาสตรีดีๆ สักคนมาแต่งงานกับเจ้าสี่ และให้นางคลอดบุตรชายสักสองสามคน
เพียงแต่นางจะยังกำจัดหลี่ซื่อตอนนี้ไม่ได้ นางต้องรอให้เรื่องนี้ซาไปก่อนถึงจะลงมือได้
……
ณ จวนฉีอ๋อง พระชายาฉีอ๋องฟื้นแล้ว
นางค่อยๆ ขยับเปลือกตา ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้ากลับไม่ใช้ห้องหับที่นางคุ้นเคย
“ที่นี่ที่ไหน” พระชายาฉีอ๋องเอ่ยถามแม้จะยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ
นางลืมเหตุการณ์สะเทือนขวัญระหว่างทางกลับมาจากวัดไป๋อวิ๋นไปชั่วขณะ
นางรู้สึกไม่คุ้นหน้าสาวรับใช้ที่ตอบคำถามนั้น “พระชายา ที่นี่คือเรือนโยวเจี้ยนเพคะ”
เรือนโยวเจี้ยนตั้งอยู่ในมุมหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของจวนฉีอ๋อง เป็นเรือนที่ถูกปิดตายและเงียบสงัด
ทันทีที่พระชายาฉีอ๋องได้ยินชื่อนี้ นางก็ได้สติโดยพลัน นางกระเด้งตัวพลางถาม “ท่านอ๋องล่ะ”
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าลอยมา และไม่นานฉีอ๋องก็ผลักประตูเข้ามา เขาจ้องมองพระชายาภายใต้สีหน้าเรียบเฉย