ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 661 อวิ๋นชวน
หลงต้านสบถออกมา “ในที่สุดก็เอาขึ้นมาได้สักทีโว้ยย”
เดิมเขากับเหล่าฉินช่วยกันออกแรง ทว่าจู่ๆ กลับพบว่าเหล่าฉินนิ่งไป
“เหล่าฉิน เป็นอะไรไป”
เพิ่งจะออกเดินทางมาได้ไม่กี่วันเอง ไม่นึกเลยว่าเหล่าฉินที่ประพฤติตัวดีมาตลอดจะรู้จักอู้งานไม่ออกแรงเสียแล้ว แต่ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา
ขณะที่หลงต้านกำลังสงสัย ก็ได้ยินเสียงเหล่าฉินพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ปู่ของเด็กคนนั้นนะ”
หลงต้านตะลึง มองไปยังศพที่งมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นก็ผละมือออกพร้อมกับกระโดดหนีไปข้างๆ สองก้าว เอ่ยพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ “นี่มันศพที่อยู่ข้างต้นไม้!”
เหล่าฉินขมวดคิ้วทำหน้าเมินเฉย ไม่พูดไม่จา โยนศพที่แข็งทื่อทั้งตัวออกไปด้านข้าง พลางปัดหิมะที่ติดอยู่ตามตัวออก
ณ ภายในรถ เด็กชายที่ถูกผ้าห่มห่อตัวไว้นิ่งอึ้งทันทีเมื่อมองออกไป
หลงต้านสาวเท้าก้าวเข้ามา เอ่ยพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด “เจ้าเด็กบ้า เจ้าไม่ซื่อสัตย์นี่นา ในอุโมงค์น้ำแข็งยังมีเจ้านั่นอีก ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”
เด็กชายตีหน้าซื่อพลางก้มหน้าลง “ข้า ข้าไม่รู้…”
หลงต้านตบฉาดลงที่ผนังรถ เห็นได้ชัดเลยว่าความประทับใจที่มีต่อเด็กชายแย่ลงเพราะงมศพที่ไม่รู้ว่าตายไปนานเท่าไหร่ขึ้นมา “บอกมาเถอะ ศพที่เป็นเด็กล่ะ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้น สีหน้างงงัน
หลงต้านขมวดคิ้ว “เจ้าหนู เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วอย่าแกล้งทำเป็นสับสนอีกเลย ร่างของศพทั้งสองที่เจ้าทิ้งไว้ใต้ต้นไม้เมื่อคืนข้าเห็นหมดแล้ว เจ้าไม่พูดอะไรเลย แถมยังให้พวกเราไปงมปู่ของเจ้าขึ้นมา สุดท้ายงมได้ร่างนี้ อีกเดี๋ยวพวกเราลงไปงมอีกก็คงงมได้ร่างของเด็กคนนั้นขึ้นมา?”
เด็กชายก้มหน้าลงเงียบไปนาน แล้วปีนออกมามาจากรถม้าทั้งๆ ที่ตัวห่อด้วยผ้าห่ม ยืนเท้าเปล่าอยู่ตรงหน้าหลงต้าน เอ่ยพูดเสียงเบา “ข้าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเทพอุปถัมภ์ทั้งสองก็อยู่ข้างในด้วย…”
“เทพอุปถัมภ์งั้นหรือ” หลงต้านเลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองศพชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้น
เด็กชายมองเจียงซื่อและคนอื่นๆ พร้อมกับพูดอธิบายออกมา “พวกเราเรียกพวกเขาเช่นนี้…”
เด็กชายพูดไป พลางย่ำเท้า “ที่ทุกท่านช่วยข้า ข้ารู้สึกขอบคุณมากจริงๆ…พวกท่านออกเดินทางต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจข้าแล้ว…”
หลงต้านจ้องเขม็งด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าคิดว่าพวกข้าจะไม่ไปจริงๆ งั้นหรือ”
เด็กชายเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดตอบโต้
ผู้ที่ทำงานสายนี้เฉกเช่นพวกเขา เดิมก็ไม่ได้คุยกับคนอื่นมากนักอยู่แล้ว ซึ่งนับประสาอะไรกับเด็กชายคนเดียว
ทันในนั้นเจียงซื่อก็เอ่ยปากพูดขึ้น “อาหลง นำเสื้อผ้ารองเท้าที่เจ้านำมาให้เขาใส่”
แม้ว่าหลงต้านจะพูดจาเช่นนั้น ทว่าก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กชาย เขาหันหลังเดินไปท้ายรถ
เนื่องจากพวกเขาทั้งสี่ต้องเดินทางไกล จึงได้เตรียมถ้วยชาม หม้อต่างๆ และเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนใส่ไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งของพวกนี้ล้วนวางอยู่บริเวณท้ายรถ
เมื่อเปิดประตูหลังรถออก ก็ไม่เห็นด้านในตัวรถ แต่จะเป็นตู้เก็บของสูงพอๆ กับรถลึกสิบชุ่น
หลงต้านหยิบเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า แล้วเดินไปยื่นให้เด็กชาย “รีบใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า มัวแต่เอาผ้าห่มห่อตัวไว้ทำไมกัน ส่วนรองเท้าถ้าใหญ่ไปก็ใช้แก้ขัดไปแล้วกัน”
เด็กชายรับเสื้อผ้ามาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ชำเลืองมองเจียงซื่ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หลบไปใส่เสื้อผ้าด้านหลังรถม้า
ไม่นาน เด็กชายก็เดินออกมาพร้อมกับสวมเสื้อผ้าของหลงต้าน พลางดึงจัดเสื้อกันหนาวที่ใหญ่เกินตัว
เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเหล่าฉินกับหลงต้านเริ่มกลับไปงมศพอีกครั้ง จึงแอบวิ่งไปเฝ้าดูข้างๆ โพรงหิมะ
งมได้อีกศพขึ้นมา เป็นร่างของเด็กหนุ่มที่หลงต้านกล่าวเอาไว้
เด็กชายผู้เคลื่อนย้ายศพก้มหัวลง “ผู้มีพระคุณทั้งสองท่านไม่ต้องงมแล้ว ข้า ข้าจะหาวิธีเอง…”
งมได้ร่างของศพที่ไม่รู้ว่าตายไปนานเท่าไหร่ขึ้นมาอีกครั้ง หลงต้านสะสมความโกรธไว้ไม่น้อย จึงเอ่ยพูดด้วยความโมโห “ไร้สาระ เจ้าจะคิดวิธีอะไรได้! ตัวเองเดินยังตกลงไปเอง จะคิดวิธีออกอีกหรือว่าจะงมท่านปู่ขึ้นมาอย่างไร ข้าดูแล้วน่าจะรนหาที่ตายซะมากกว่า”
เด็กชายยืนนิ่งไม่พูดไม่จารับคำด่าทอจากหลงต้าน
ถึงแม้ว่าพี่ชายตรงหน้าจะปากคอเราะร้าย แต่เขารู้ว่าเขาได้เจอกับคนดี
“อาหลง รีบงมขึ้นมาเถอะ พวกเรายังต้องรีบออกเดินทาง” เจียงซื่อเอ่ยเตือน
หลงต้านพยักหน้า ยอมรับชื่อ ‘อาหลง’ ที่แปลกประหลาดนี้ แล้วเร่งมือ
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ ในที่สุดร่างปู่ของเด็กหนุ่มก็ถูกงมขึ้นมา
ทันทีที่เห็นท่านปู่ เด็กชายก็ไม่อาจรักษาท่าทีสงบได้อีกต่อไป วิ่งพรวดเข้าไปกอดร่างท่านปู่ที่เย็นเฉียบและแข็งทื่อพร้อมกับร้องไห้โฮ
หลงต้านเดินมาอยู่ข้างๆ เจียงซื่อ กระซิบถามออกไป “ท่านว่าจะจัดการเจ้าเด็กนี่อย่างไรดีขอรับ”
ถึงเขาจะปากคอเราะร้าย แต่ว่าเด็กชายเพิ่งจะอายุสิบห้าปีเอง หากทิ้งไว้กลางหิมะก็รู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย
“ลองถามเขาดูว่าอยากเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่ แล้วรอถึงเมืองต่อไปก็ค่อยปล่อยเขาลง”
หลงต้านพยักหน้ารับ เดินมาตรงหน้าเด็กชาย
เด็กชายหยุดร้องไห้ มองไปที่เขา
“เจ้าหนู คนตายไปแล้ว ร้องไปก็เปล่าประโยชน์ พวกเราต้องรีบออกเดินทาง เอาอย่างนี้ พวกเราช่วยเจ้าขุดหลุมฝังศพ แล้วเจ้าก็ออกเดินทางไปกับพวกเราเอาไหม”
เด็กชายส่ายหน้า “ขอบคุณความหวังดีของพี่ชายมาก ข้าไม่ไปกับพวกท่านแล้วล่ะ ข้าต้องพาปู่ข้ากลับบ้าน”
“แล้วจะพาไปอย่าง….” หลงต้านพูดได้ครึ่งหนึ่งถึงนึกขึ้นได้ว่าเด็กชายสามารถเคลื่อนย้ายศพได้ จึงทำหน้าประหลาดใจขึ้นมาทันที
จู่ๆ เด็กชายก็คุกเข่าลง โน้มศีรษะลงกับพื้นเคารพหลงต้าน
หลงต้านหลบอย่างรวดเร็ว แล้วพูดโพล่งออกไป “อย่ามาคุกเข่าเคารพข้าเลย คนที่ช่วยเจ้าคือพระชา…เป็นประสงค์ของแม่นางอาฮวา”
เด็กชายเบนสายตามองไประหว่างเจียงซื่อกับผู้อาวุโสฮวา สุดท้ายก็หยุดลงที่เจียงซื่อ
เจียงซื่ออมยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “แค่เรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เจ้าอย่าได้ใส่ใจ เพียงแต่ว่าเจ้าไม่ต้องการให้พวกเราพาเจ้าไปต่อจริงหรือ”
เด็กชายส่ายหน้าด้วยความแน่วแน่ โน้มศีรษะลงแนบพื้นเคารพเจียงซื่อ จากนั้นก็คำนับเหล่าฉินอีกครั้ง แล้วเดินไปนั่งยองๆ ข้างศพของท่านปู่เงียบๆ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหากเจียงซื่อและพวกยังไม่ไป เขาก็จะเฝ้าศพของท่านปู่อยู่อย่างนั้น
เจียงซื่อกับหลงต้านสบตากัน เอ่ยพูดอย่างจนปัญญา “เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
พอขึ้นรถม้าอีกครั้ง รถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
เด็กชายเหม่อมองรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า
จู่ๆ บุรุษหนุ่มที่เดินอยู่ข้างรถม้าก็วิ่งเข้ามา พร้อมกับส่งกระเป๋ากระดาษน้ำมันให้เด็กชายหนึ่งใบ
“ด้านในมีอาหารแห้ง แม่นางอาฮวาให้ข้านำมาให้เจ้า”
เด็กชายรับกระเป๋ากระดาษน้ำมันมา เอ่ยพูดเสียงเบา “ข้าชื่ออวิ๋นชวน”
อวิ๋นชวนงั้นหรือ
หลงต้านยิ้มมุมปาก
ช่างเป็นชื่อที่สง่างามเสียนี่กระไร เขานึกว่าเด็กขี้เหร่คนนี้จะชื่อเจ้าทึ่มอะไรทำนองนั้นเสียอีก
“เจ้าหนู อยู่กับปัจจุบันเถอะ คนตายไปแล้วไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้หรอก คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างหากสำคัญที่สุด” หลงต้านเอ่ยเตือนครั้งสุดท้ายแล้ววิ่งตามรถม้าไป
เด็กชายเห็นว่าหลงต้านตามขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้ว ถึงได้กอดกระเป๋ากระดาษน้ำมันไว้พลางลุกขึ้น หยิบกระดิ่งทองแดงที่ห้อยคอไว้ขึ้นมาเขย่าเบาๆ
เสียงกระดิ่งประหลาดดังขึ้น จู่ๆ ร่างท่านปู่ของเด็กชาย รวมไปถึงร่างอื่น ทั้งสามศพยืนขึ้น เดินตามหลังเด็กชายไปตามทางเข้าป่าด้วยร่างอันแข็งทื่อ
ห้ามออกเดินทางตอนฟ้าสว่างเป็นกฎที่พวกเขาต้องทำตาม ถ้าหากเช้าวันนี้พวกเขาไม่รีบออกเดินทาง บางทีท่านปู่อาจจะไม่ตายก็ได้
นี่ต้องเป็นบทลงโทษแน่ๆ
ขณะที่เด็กชายกำลังเคลื่อนย้ายศพทั้งสามเดินไปทางป่าหิมะ จึงไม่เห็นว่าหลงต้านที่อยู่ในรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปไกลหันกลับมามองด้วยความสงสัย
“เหล่าฉิน เจ้ารีบดูเร็วเข้า ศพพวกนั้นขยับแล้วจริงๆ ด้วย!”
เหล่าฉินหันไปมองแวบหนึ่ง ข่มสีหน้าประหลาดใจไว้ พลางสะบัดแส้ม้า