ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 667 คืนก่อนวันสำคัญ
สำหรับสภาพจิตใจของอาหลาน เจียงซื่อก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง
ในใจอาหลานนั้นไม่อาจดูหมิ่นและรุกรานสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งสำหรับสาวรับใช้คนสนิทคนนี้แล้ว ตำแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ในใจของนางนั้นสูงส่งกว่าหัวหน้าผู้อาวุโสด้วยซ้ำ
คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมาสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เสพสุขการเคารพเลื่อมใสที่เดิมควรจะเป็นของสตรีศักดิ์สิทธิ์ สำหรับอาหลานแล้วมันทนไม่ได้จริงๆ
และด้วยเหตุนี้ ต่อให้หัวหน้าผู้อาวุโสจะเป็นผู้ชี้แนะ อาหลานก็แทบทนไม่ไหวที่จะแสดงอำนาจต่อเจียงซื่อ เพื่อให้ตัวแทนคนนี้ยอมรับความเป็นจริงว่าตัวปลอมก็คือตัวปลอม
ส่วนเรื่องที่เจียงซื่อกับสตรีศักดิ์สิทธิ์มีรูปร่างหน้าตาไปจนกระทั่งน้ำเสียงเหมือนกัน ไม่ทำให้อาหลานรู้สึกเคารพยำเกรง กลับทำให้ตื่นกลัวยิ่งขึ้นมากกว่า
หญิงสาวภาคภูมิใจที่ได้เป็นสาวรับใช้คนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์จึงกลัวว่าเจียงซื่อจะมาแทนที่สตรีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
แม้ว่าเจียงซื่อจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ทว่าก็ไม่อาจปล่อยอีกฝ่ายให้ทำตามอำเภอใจได้
สอนให้อีกฝ่ายยอมรับความจริงแต่แรก ต่อไปจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด
“เป็นอะไร ยังไม่เข้าใจอีกหรือ” เจียงซื่อชำเลืองมองอาหลานพร้อมกับแสยะยิ้ม
อาหลานหัวใจกระตุกวูบ ฝืนพูดออกไป “เข้าใจแล้ว”
ไม่นึกเลยว่าสตรีต้าโจวผู้นี้จะชั่วร้ายขนาดนี้ มาถึงเผ่าอูเหมียวแล้วยังจะวางอำนาจบาตรใหญ่
ทว่าที่อีกฝ่ายพูดก็ไม่ผิด หัวหน้าผู้อาวุโสเป็นฝ่ายขอร้อง ถ้าหากทำให้คนผู้นี้ไม่สบายใจหรือทำให้งานไม่สำเร็จ หัวหน้าผู้อาวุโสจะต้องโยนนางเข้าไปในรังงูนับหมื่นตัวแน่นอน
เมื่อจินตนาการถึงภาพนั้น อาหลานก็ตัวสั่นระริกออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำได้เพียงข่มความโมโหเหล่านั้นไว้ชั่วคราว
“เข้าใจแล้วก็ไปล้างหน้า จากนั้นก็ชงชาร้อนๆ มาให้ข้า”
อาหลานกัดฟันกรอด เบือนหน้าหนีพร้อมกับเดินออกไป
เจียงซื่อสีหน้าผ่อนคลายลง ทว่ากลับไม่ได้โล่งอกสักเท่าไร หัวหน้าผู้อาวุโสบอกว่าใกล้จะถึงเทศกาลซินหั่วแล้ว ตอนนี้นางยังไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก รอบำรุงขวัญคนในเผ่าหลังจากเทศกาลซินหั่วแล้วจะพาพี่ชายออกไปอย่างไรดี นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่นางต้องครุ่นคิด
นางรู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อาซังตายไปแล้ว คำสาบานของผู้อาวุโสฮวานั้นไม่นับว่าเป็นอะไร
นางนิ่งเงียบไม่พูดอะไรตลอดทั้งคืน
……
อาหลานไปดูเจียงจั้นก่อน
“อะไรนะ เจ้าอยากให้อาฮวามาดูแลเจ้างั้นหรือ” เมื่อได้ยินประสงค์ของเจียงจั้น อาหลานก็ทำสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา
เจียงจั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้หรือ เมื่อวานท่านป้าท่านนั้นยังบอกว่าได้เลย”
อาหลานริมฝีปากสั่นระริก โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ข้างในใจ
เหตุใดผู้อาวุโสฮวาถึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา หรือรู้สึกว่านางปรนนิบัติรับใช้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง
ผู้ชายน่ารังเกียจตรงหน้านี้อีก นางดูแลเขาจนไม่ได้สนใจว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งสาวรับใช้คนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่นึกเลยว่าเขาจะอยากเปลี่ยนตัว
อาหลานไม่รู้ว่าความโกรธของนางนั้น แท้จริงแล้วมาจากความรู้สึกบางอย่างในใจ…
เจียงจั้นไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าโมโหอะไร พูดออกไอย่างเสียงดังฟังชัด “รบกวนแม่นางอาหลานคนเดียวมาตลอดคงไม่เหมาะสม ผลัดเปลี่ยนกันน่าจะดีกว่า”
อาหลานริมฝีปากสั่นระริก เอ่ยถามออกไปทีละคำ “คุณชายอยากให้อาฮวามาดูแลจริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ”
“ใช่น่ะสิ” เจียงจั้นเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้แปลกเล็กน้อย
อาหลานหันหน้าเดินออกไป ปล่อยให้เจียงจั้นลืมตาอ้าปากหวอ
ไปก็ไปสิ จะยกข้าวเช้าของเขาออกไปด้วยทำไมกัน ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะโกรธเสียแล้ว หรือว่านางชอบดูแลปรนนิบัติรับใช้คน…
อาหลานเดินออกไปด้วยความโมโหแล้วพบว่าในมือยังถือถาดรองไว้อยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้นางถือกลับไป จึงเทเศษอาหารลงในถังน้ำด้วยสีหน้าดำทะมึน ก่นด่าอยู่ในใจ ผู้ชายสารเลว หิวตายไปเลยก็ดี!
เมื่อมาถึงที่พักหัวหน้าผู้อาวุโส อาหลานก็พูดสิ่งที่เจียงจั้นต้องการออกมา
หัวหน้าผู้อาวุโสรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
สองพี่น้องคู่นี้จัดการไม่ง่ายเลย
“ไปเรียกผู้อาวุโสฮวามา” หัวหน้าผู้อาวุโสเอ่ยกำชับสตรีวัยกลางคน
ไม่นาน ผู้อาวุโสฮวาก็รีบเข้ามา
“เรื่องอาฮวา”
ผู้อาวุโสฮวาตะลึงไปเล็กน้อย นึกถึงเจียงซื่อขึ้นมาทันที
พระชายาเยี่ยนอ๋องเสนอความคิดอะไรไม่ดีออกมาอีกงั้นรึ
หัวหน้าผู้อาวุโสฮวาดูออกว่าผู้อาวุโสฮวาคิดอะไรอยู่ จึงพูดออกไปอย่างจนปัญญา “ข้าหมายถึงหลานสาวของเจ้า”
ผู้อาวุโสฮวาถึงได้เข้าใจขึ้นมาทันที “อยู่ที่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ”
“แอบพานางกลับมา คุณชายท่านนั้นเป็นคนขอเองว่าอยากให้อาฮวามาดูแล”
ผู้อาวุโสฮวางงงันเล็กน้อย
เมื่อวานคุณชายท่านนั้นไม่ได้พูดเช่นนี้นี่นา แถมยังบอกว่าไม่ชอบชื่ออาฮวาเพราะมันไม่ไพเราะด้วย
“ไปเถอะ”
ผู้อาวุโสฮวาขานรับอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปจากที่พักหัวหน้าผู้อาวุโส
ที่เมื่อวานปล่อยหลานสาวไว้ที่โรงเตี๊ยมก็เพื่อมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้พระชายาอ๋องกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว เดิมอาฮวาก็ต้องกลับมาที่เผ่าอยู่แล้วด้วย
……
เมื่ออาฮวายืนอยู่ตรงหน้าเจียงจั้น เจียงจั้นก็หิวจนซูบไปแล้ว
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะคุณชาย”
“ในที่สุดเจ้าก็มาสักที ข้านึกว่าจะเป็นเพราะสิ่งที่ข้าพูดเมื่อวาน แม่นางจะไม่ยอมมาแล้วเสียอีก” เจียงจั้นพยายามเค้นรอยยิ้มอันหวานหยดย้อยออกมา
อาฮวาทำหน้างงงวย “คุณชายพูดอะไรน่ะเจ้าคะ”
เจียงจั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง
ไม่ถูก เขาเสียสละทำขนาดนี้แล้ว แม่นางผู้นี้ต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล จากนั้นก็แอบปล่อยเขาออกไปเงียบๆ ไม่ใช่หรือ
ไม่แน่อาจจะยังคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่เขาพูดเมื่อวานอยู่ก็เป็นได้
เจียงจั้นหุบยิ้ม ทำหน้าจริงจัง “ข้าเพิ่งมานึกได้ทีหลังว่าชื่ออาฮวานั้นเพราะกว่าอาหลานเยอะเลย ลูกสาวของพี่ใหญ่ข้าก็เลี้ยงแมวอ้วนตัวหนึ่งชื่อว่าอาฮวา เห็นได้ว่าชื่อนี้มีแต่คนชอบ…”
“คนบ้า!” อาฮวากลอกตาใส่ ยกถาดรองอหารแล้วหันหลังเดินจากไป
เจียงจั้นตะลึง
นี่ นี่ไม่ใช่คนเดียวกันกับแม่นางคนเมื่อวานแน่!
ข้าวเช้าก็ถูกยกไปแล้ว ข้าวกลางวันก็ถูกยกไปแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีแรงหนีแล้วล่ะ
มองออกไปนอกหน้าต่างตาละห้อย เจียงจั้นได้แต่ครุ่นคิดอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ในขณะเดียวกัน เจียงซื่อฟังหัวหน้าผู้อาวุโสพูดเรื่องเผ่าอูเหมียวมาครึ่งวันแล้ว รวมไปถึงเคล็ดวิชาที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้เหล่านั้นด้วย
เดิมวิชาเหล่านี้ไม่อาจเปิดเผยกับคนนอกได้ แต่เมื่อต้องการให้เจียงซื่อสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีความรู้ใดเกี่ยวกับวิชาเลย ก็จะมีพิรุธได้ง่าย
“อาซัง ที่ข้าพูดเจ้าจำได้หมดรึยัง”
เจียงซื่อพยักหน้า “จำได้แล้วเจ้าค่ะ”
หัวหน้าผู้อาวุโสยังคงสีหน้านิ่งไว้ ทว่ากลับรู้สึกแปลกใจอยู่ข้างในใจ
นางพูดอะไรเยอะแยะไปตั้งครึ่งค่อนวัน และไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะจำได้ทั้งหมด
“เช่นนั้นเจ้าลองพูดเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวิชาที่ข้าสอนออกมา”
เจียงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “วิชาดูเมฆถามลม คือการสังเกตการณ์รูปร่างและสีของเมฆบนท้องฟ้ารวมไปถึงแยะแยะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จากความชื้นของลมฟ้าอากาศเพื่อใช้ในการตัดสินสภาพอากาศว่าอึมครึม แดดจ้า ฝนตกหรือหิมะตก…”
เมื่อได้ยินเจียงซื่อพูดวิชาชนิดสุดท้ายจบด้วยจัวหวะการพูดที่สบายๆ หัวหน้าผู้อาวุโสก็ประหลาดใจมาก
หญิงสาวผู้นี้ความจำดีเสียจริง!
หัวหน้าผู้อาวุโสค่อยๆ สงบลง
หากมีคนที่ความจำดีจำทุกอย่างที่ควรจำได้ทั้งหมด การปฏิบัติแผนการสวมรอยก็คงเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
เมื่อมองไปยังสตรีที่เกิดมาหน้าตาเหมือนกับอาซัง หัวหน้าผู้อาวุโสรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา ถ้าหากสอนนางจนได้วิชา ใครกันจะพูดว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์
เสียดายที่การเรียนรู้วิชาไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งสตรีผู้นี้ก็รับมือได้ยาก…
หัวหน้าผู้อาวุโสมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ทว่าเจียงซื่อกลับมีท่าทีสงบเสงี่ยม
ไม่นานก็ถึงคืนก่อนเทศกาลซินหั่ว มีผู้อาวุโสหลายท่านร่วมลงนามเข้าพบหัวหน้าผู้อาวุโส
หัวหน้าผู้อาวุโสมาพบทุกคนที่ห้องโถง
ผู้อาวุโสใบหน้าเรียวยาวท่านหนึ่งเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา “หัวหน้าผู้อาวุโส เผ่าของข้าเป็นผู้นำเทศกาลซินหั่วและอีกสิบกว่าชนเผ่ากำลังร่วมกันสวดอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้าเนื่องในปีใหม่ ครั้งนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่ออกมาพบปะพวกเราอีกหรือ”
“จริงด้วย หัวหน้าผู้อาวุโส ถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์จะกำลังเรียนรู้วิชาสกัดหนอนพิษกู่แล้วเข้าฌานบำเพ็ญตน แต่ก็ไม่น่าจะไม่ออกมาให้เห็นหน้าเช่นนี้…” ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งเอ่ยปากพูด