ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 692 มีเรื่องจะถาม
เอ้อร์หนิวยืนด้วยสองขาหลัง ส่วนสองขาหน้าเกาะอยู่ที่ไหล่ของเจียงซื่อ เจ้าสุนัขตัวใหญ่แลบลิ้นหมายจะเลียแก้มนวลเนียนของหญิงสาว
แต่ถูกอวี้จิ่นสกัดไว้เสียก่อน ชายหนุ่มดึงหน้า “ไอ้เจ้าหมาอกตัญญู ข้าที่เป็นคนเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ยามที่ข้ากลับมาถึงจวนยังไม่เคยเห็นเจ้าแสดงท่าทีดีอกดีใจขนาดนี้!”
เอ้อร์หนิวชำเลืองมองอวี้จิ่นก่อนจะส่งเสียงออดอ้อนเจียงซื่อ
เจียงซื่อตีแขนอวี้จิ่นพลางบ่น “ท่านจะถือสาเอ้อร์หนิวทำไมกัน”
แม้นางจะกลับมาก่อนหนึ่งวัน แต่นางเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ขนาดจี้หมัวมัวยังไม่ทราบ ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากเอ้อร์หนิวจะไม่รู้ อาการของเจ้าสุนัขตัวใหญ่ในตอนนี้จึงตื่นเต้นไม่น้อย
ท่าทีของอวี้จิ่นยังคงไม่พอใจ “อยู่กับนายหญิงทุกวันยังไม่พออีกหรือ ไปเลยไป!”
เอ้อร์หนิวเห่าใส่อวี้จิ่นสองทีก่อนจะวิ่งไปห้องข้าง
“พี่รอง ก่อนหน้านี้มีข่าวแจ้งมาว่าเกิดเรื่องกับพี่รอง คนในจวนวิ่งกันให้วุ่น…พี่รีบเล่าให้ข้าฟังเร็วเข้าว่าเกิดอะไรขึ้น” ครั้นเห็นว่าบ่าวรับใช้หลายคนกำลังมองอยู่ เจียงซื่อจึงต้องเล่นละครต่อ
แต่งานนี้มิใช่งานถนัดของเจียงจั้น เขาเพียงแต่ส่งยิ้มรูปหล่อพลางบอก “เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ข้าอยากไปหาหลานสาวตัวน้อยของข้า”
เจียงซื่อก็คร้านจะต่อบท นางจึงเดินเข้าไปในห้องข้าง “พี่รองตามข้ามา อาฮวนน่าจะกำลังหลับอยู่”
ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้สาวรับใช้และผอจื่อคอยอยู่ด้านนอก
อากาศยังคงหนาวเย็น ที่นอนของอาฮวนถูกจัดไว้ด้านในสุดของห้อง มีการขึงผ้าม่านทำจากผ้าฝ้ายซึ่งปักลายอย่างประณีตเพื่อกันลม
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงกลองป๋องแป๋งดังขึ้นจากหลังม่าน แต่เสียงนั้นฟังดูพิลึกพิลั่นชอบกล
อวี้จิ่นขมวดคิ้วโดยพลัน “นั่นแม่นมหรือบ่าวรับใช้ แค่เล่นกลองป๋องแป๋งกล่อมเด็กยังทำไม่ได้ ไล่ให้ไปทำงานส่วนอื่นเถอะ”
เจียงซื่อเลิกม่านขึ้นและเดินเข้าไป
ส่วนอวี้จิ่นและเจียงจั้นเดินตามเข้าไปทีหลัง ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าทั้งคู่ก็ได้แต่ชะงักงันนิ่งอึ้ง
เอ้อร์หนิวที่คาบกลองป๋องแป๋งไว้ในปากกำลังสั่นหัวไปมา เสียงที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นจังหวะตามที่ควรจะเป็น อาฮวนที่กำลังนั่งโอนเอนจ้องมองไปที่เจ้าสุนัขตัวใหญ่ไม่วางตาพร้อมส่งเสียงหัวเราะชอบใจ แม้มีคนเดินเข้ามา เด็กน้อยก็ยังไม่สนใจ
ส่วนแม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยประคองไม่ให้อาฮวนหงายท้องลงไป
เจียงจั้นถลึงตาไปที่เอ้อร์หนิวโดยลืมมองหน้าหลานสาวที่เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกไปเสียสนิท
เขาคิดมาตลอดว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ไม่เหมือนสุนัขตัวอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มันยั่วยุให้มนุษย์รู้สึกโมโห ทำให้เขารับรู้นิสัยของมันคลาดเคลื่อน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสุนัขตัวนี้จะแสนรู้ถึงขั้นเล่นกลองป๋องแป๋งกล่อมเด็กได้ด้วย!
อวี้จิ่นเห็นภาพตรงหน้าก็พูดไม่ออก
เอ้อร์หนิวกล่อมอาฮวนจนนางหัวเราะร่าเพียงนี้ เจ้าสุนัขตัวนี้กำลังต้อนเขาที่เป็นบิดาของเด็กน้อยให้จนมุมอยู่หรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต อวี้จิ่นก็รีบพุ่งตัวเข้าไปพลางดันเอ้อร์หนิวไปด้านข้าง
กลองป๋องแป๋งในปากเอ้อร์หนิวร่วงลงพื้นส่งเสียงขลุกขลัก
เมื่อเสียงกลองป๋องแป๋งเงียบลง อาฮวนก็จ้องไปที่หน้าบิดา เบะปากและเริ่มร้องไห้
อวี้จิ่นประหม่าทันที เข้ารีบอุ้มบุตรสาวขึ้นมากอดปลอบ แต่เด็กน้อยกลับร้องไห้ดังกว่าเก่า
ชายหนุ่มส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อรีบรับอาฮวนไปอุ้ม นางปลอบบุตรสาวในขณะที่ชำเลืองมองไปทางเอ้อร์หนิว
อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าเอ้อร์หนิวจงใจคายกลองป๋องแป๋งออกจากปาก ช่างน่าสงสารเจ้าของที่ไม่รู้เลยว่าถูกสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงมากับมือตลบหลังเข้าให้…
สงสารสามีเพียงไม่นาน เจียงซื่อก็ปล่อยเรื่องนี้ไป
เพราะถึงอย่างไร อาฮวนและเอ้อร์หนิวก็ล้วนเป็นคนที่นางรักทั้งสิ้น ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
อาฮวนที่อยู่ในอ้อมแขนเจียงซื่อหยุดร้องไห้แล้ว เจียงจั้นถึงกล้าเอ่ย “อาฮวน มองลุงสิ นี่ลุงเอง”
อวี้จิ่นรีบกล่าว “อาฮวนจำคนได้แล้ว รอให้นางเงียบสนิทก่อนเจ้าค่อยแนะนำตัวก็ได้มิใช่หรือ”
อวี้จิ่นกล่าวประโยคไม่ทันไรก็เห็นว่าอาฮวนหันมามองเจียงจั้นด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นก่อนจะยื่นแขนออกไป
นี่คือ…ให้อุ้ม?
อวี้จิ่นทำหน้าบึ้งตึงพลางมองเจียงจั้นที่รับอาฮวนไปอุ้มก่อนจะหอมเข้าที่แก้มหนึ่งที อาฮวนไม่ได้ร้องไห้ หนำซ้ำยังหัวเราะร่า ทำเอาคนเป็นพ่อแท้ๆ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด
เขาออกจากจวนไปหนนี้ บุตรสาวสุดที่รักกลับลืมหน้าเขาไปแล้ว แค่ตอนเห็นหน้าบิดาแต่ไม่รู้สึกสนิทใจเท่าเห็นหน้าเอ้อร์หนิวก็ว่าแย่แล้ว แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเข้าเลี้ยงเอ้อร์หนิวมาโดยไม่ได้สอนให้มันทำตัวเหมือนสุนัข แต่กลับเล่นกลองป๋องแป๋งได้ แต่กับเจียงจั้น อาฮวนเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรก!
เจียงซื่อทำได้เพียงปลอบใจสามีตัวเอง “อาฮวนคงเห็นว่าพี่รองหน้าเหมือนข้า อาฮวนถึงรู้สึกสนิทใจ”
เจียงจั้นยกอาฮวนขึ้นสุดแขน เด็กน้อยหัวเราะสุดเสียงด้วยความชอบใจ ชายหนุ่มเอ่ยอย่างภาคภูมิ “จริงด้วย ถึงจะเป็นแค่ลุง แต่ก็เป็นคนที่อาฮวนสนิทใจมากที่สุด อีกหน่อยหากมีใครแกล้งอาฮวน ก็มาฟ้องลุงได้ทันที”
อวี้จิ่นเสียดเย้ย
มีคนชมหน่อยล่ะเหลิงใหญ่ ถ่อมตัวไม่เป็นเลยหรือ
“ถึงจะสนิทใจมากเพียงใด แต่สุดก็มิใช่ลูกแท้ๆ หากเจ้าชอบเด็ก ก็มีลูกสักคนซิ” พูดมาถึงเพียงเท่านี้ อวี้จิ่นก็ทำทีนึกขึ้นได้ “อ้อ ข้าเพิ่งนึกออกว่าเจ้ายังไม่มีภรรยาเลยนี่หน่า”
เจียงจั้นเบ้ปากพลางมองไปที่อวี้จิ่น
นี่มันน้องเขยประสาอะไร พูดจาแทงใจดำจริงๆ
ทั้งสามอยู่เล่นกับอาฮวนพักหนึ่งก่อนจะกลับไปที่จวนตงผิงปั๋ว
ในช่วงเวลาสั้นๆ จวนตงผิงปั๋วถูกทำความสะอาดใหม่ทั้งหลัง แม้แต่สิงโตหินที่หน้าประตูยังดูมีสง่าราศีอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านอ๋อง พระชายาและคุณชายรองมาถึงแล้วขอรับ”
เจียงอันเฉิงเดินออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง เขาเดินเข้าไปตบไหล่อวี้จิ่นแล้วจึงหันไปสำรวจการเปลี่ยนแปลงของเจียงซื่อก่อนจะถอนหายใจออกมา “ดีแล้วที่ไม่ได้ซูบผอมไปกว่านี้ เจ้ายังสาว สวดมนต์ภาวนาอยู่ในหอพระทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เป็นไร แต่หากอดอาหารด้วย เกรงว่าร่างกายจะแย่เอา”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ สายตาเครียดเขม็งก็ปราดไปทางเจียงจั้นพร้อมกับถ้อยคำตำหนิ “เพราะเจ้าแท้ๆ ที่ทำให้น้องสาวต้องเป็นห่วง หากไม่ก่อเรื่องสักวันมันตายหรืออย่างไร”
เจียงจั้นลูบจมูกด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง เขาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
เขาเพิ่งจะ ‘ตายแล้วฟื้น’ กลับมา ท่านพ่อลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรือ
เจียงอีโน้มน้าว “ท่านพ่อ อยู่ข้างน้องอย่าเอ่ยวาจาเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ เข้าไปคุยกันข้างในจะดีกว่า”
ทั้งหมดเดินเข้าไปในเรือนฉือซิน
หลังความตื่นเต้นพักใหญ่ เฝิงเหล่าฮูหยินก็มองไปที่เจียงซื่อพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสับสน “ไม่คิดเลยว่าการที่เจ้าเก็บตัวสวดมนต์ภาวนาจะพาเจียงจั้นกลับมาได้อย่างปลอดภัย สวรรค์มีตาจริงๆ…”
คำภาวนาของเจ้าหนูสี่ส่งอานิสงส์ได้ถึงเพียงนี้ คราวหน้าหากนางป่วย นางให้หนูสี่สวดมนต์เผื่อนางก็คงช่วยได้?
ในขณะที่หญิงชรากำลังฝันหวานก็เห็นเจียงซื่อแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยเนิบนาบ “คงเป็นเพราะตั้งจิตอธิษฐานแน่วแน่ เมื่อเป็นเรื่องของพี่รอง ข้าก็ตั้งใจจริง มิได้ว่อกแว่กเลยแม้แต่น้อย”
เฝิงเหล่าฮูหยินพูดไม่ออกเพราะรู้สึกราวกับถูกยิงด้วยลูกธนู
นางหวังสูงเกินไปจริงๆ จากนิสัยเจ้าหนูสี่ ไม่ด่านางสาดเสียเทเสียก็ดีแค่ไหนแล้ว
หลังมื้ออาหาร เจียงซื่อหาจังหวะสนทนากับเจียงอันเฉิงเพียงลำพัง
“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่านพ่อ”
เจียงอันเฉิงยังไม่รู้ว่าบุตรสาวจะถามเรื่องน่าตกใจ เขายกถ้วยชาขึ้นมาด้วยท่าทีเบาสบาย “อยากจะถามอะไรงั้นหรือ”
เจียงซื่อถามสิ่งที่คางคาอยู่ในใจมานาน “ตอนที่ท่านแม่คลอดลูกออกมา มีแค่ลูกคนเดียวใช่หรือไม่”
“จะมีแค่เจ้าคนเดียวได้อย่างไร มีพี่ใหญ่ของเจ้า แล้วก็พี่รองของเจ้า” เจียงอันเฉิงกล่าวแล้วจึงจิบชาในถ้วย
“ลูกหมายถึง ลูกไม่มีฝาแฝดใช่หรือไม่”
เจียงอันเฉิงสำลักน้ำชา