ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 739 งานเลี้ยงวันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา
- Home
- ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ
- ตอนที่ 739 งานเลี้ยงวันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา
เมื่อมีสิ่งที่ปรารถนาจึงจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เขาคิดหาวิธีต่างๆ พยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับผู้ที่จะขึ้นไปนั่งตำแหน่งนั้น
ในมุมมองของเซียงอ๋อง เขากับตำแหน่งสูงสุดนั้นเรียกได้ว่าไม่มีชะตาต่อกันสักน้อย ต่อจากนี้เขาก็เป็นได้เพียงแค่ผู้ติดตามฉีอ๋อง ในอนาคตจะสามารถรุ่งเรืองได้หรือไม่ ต้องดูว่าฉีอ๋องจะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะคนนั้นหรือไม่ เพราะบัดนี้การเอาใจไทเฮาดูไม่มีความหมายเท่าไรนัก
เมื่อได้ยินเซียงอ๋องกล่าวเช่นนี้ ฉีอ๋องก็ได้แอบหัวเราะดีใจ
การที่เจ้าแปดถูกเจ้าเจ็ดจัดการ เขาจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องดีได้อย่างไร
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะยังคงป้องกันเจ้าแปดเอาไว้บ้าง เพราะเกรงกลัวว่าเจ้าแปดจะมีความเย่อหยิ่ง ไม่รู้ว่าวันใดหากเห็นโอกาสแล้วจะแว้งกัดเขา ทว่าบัดนี้เขากลับวางใจยิ่งนัก
ในบัดนี้เจ้าแปดดูหมดกำลังใจอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื่องด้วยเขาพลาดโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นโอรสของฮองเฮา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าแปดจึงกลายเป็นผู้ที่เขาสามารถเชื่อใจได้ที่สุดในอนาคต
ฉีอ๋องใช้ปลายเล็บเคาะไปยังถ้วยน้ำชากระเบื้องเคลือบสีขาว แล้วกล่าวเตือนว่า “ของขวัญที่จะมอบให้ในวันคล้ายวันพระราชสมภพของเสด็จย่า น้องแปดควรจะเอาใจใส่สักหน่อย อาจไม่จำเป็นต้องพิเศษมากมาย อย่างน้อยก็อย่าได้ทำให้เสด็จย่ารู้สึกไม่พึงพอใจ”
เซียงอ๋องพยักหน้าแต่ก็ไม่เห็นด้วยนัก “เรื่องนี้ข้ารู้ ว่าแต่ทางด้านพี่สี่ควรจะต้องเตรียมตัวเอาไว้หน่อย อย่าให้เจ้าเจ็ดขึ้นเทียบเอาได้เล่า”
เมื่อกล่าวถึงอวี้จิ่น เซียงอ๋องก็รู้สึกโกรธแค้นกัดฟันกรอด
หลายวันมานี้ เขานอนอย่างกระสับกระส่ายทุกคืนวัน เมื่อนึกถึงเรื่องในวันนั้นที่เจ้าเจ็ดเดินทางเข้าวังเพื่อพบเสด็จพ่อและกล่าวเรื่องไร้สาระเหล่านั้น เขาก็รู้สึกปวดใจ
เขาเคยจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วน หากในครานั้นเขาเดินทางกลับจวนอย่างว่าง่าย ตำแหน่งโอรสของฮองเฮาจะเป็นของเขาหรือของเจ้าเจ็ดก็ไม่แน่
ไม่สิ เห็นได้ชัดว่าเสด็จพ่อเอนเอียงมาทางเขามากกว่า
น่าสงสารเหลือเกินที่ตัวเขาเองไม่รู้เรื่องใด วันต่อมาก็พบกับฝันร้ายที่เจ้าเจ็ดถูกฮองเฮารับไว้เป็นโอรส
ที่น่าสมเพชกว่านั้นก็คือ พี่น้องคนอื่นๆ ยังสามารถเดินทางเข้าไปในพระราชวังเพื่อสืบถามข้อมูลกับมารดาของตนได้ แล้วเขาเล่า นอกเสียจากใช้สุราในการบรรเทาความคับแค้นใจแล้ว เขาทำสิ่งใดได้อีก
มารดาของเขาเป็นเพียงแค่นางระบำ เนื่องด้วยให้กำเนิดเขาออกมาจึงได้มีสถานะเป็นพระสนมขั้นผิน ต่อให้เขาเดินทางเข้าวังไปเอ่ยถามก็คงไม่รู้เรื่องใด
ดูเหมือนเซียงอ๋องจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับลี่ผินคือเมื่อใด
สำหรับเขา มารดาเช่นนี้ทางที่ดีอย่าได้พบเลย หากพบหน้ากันก็เป็นการตอกย้ำว่าเขานั้นคือบุตรที่ให้กำเนิดมาจากมารดาที่มีสถานะต่ำต้อย
ฉีอ๋องวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าเจ็ดมีความสามารถเกินที่ข้าคิดไว้จริง เขาเดินทางกลับมาจากชายแดนทางใต้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองสามปี จากองค์ชายที่แม้แต่เสด็จพ่อก็ไม่รู้จัก กลับกลายมาเป็นโอรสของฮองเฮา ในอนาคตต่อไปข้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาจะก้าวไปถึงจุดใด”
“พี่สี่หมายความว่าอย่างไร”
ฉีอ๋องยกถ้วยน้ำชาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เขาจิบมันเบาๆ แล้วเยาะเย้ยตนเอง “น้องแปด เจ้าไม่คิดหรอกหรือว่าเจ้าเจ็ดเป็นคนที่มีโชคชะตายิ่งใหญ่นักหนา”
ดวงตาของเซียงอ๋องหดลง เขากล่าวเสียงหลงว่า “พี่สี่คิดว่าเจ้าเจ็ดจะกลายเป็นองค์รัชทายาทงั้นหรือ”
ฉีอ๋องแววตาเป็นประกาย “น้องแปดคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรือ”
อารมณ์ของเซียงอ๋องรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เขาเอาอะไรมา…”
“เพราะบัดนี้เขาคือโอรสของฮองเฮา” ฉีอ๋องวางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง แววตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง “อวี้หลางเป็นโอรสของหยวนฮองเฮา และเป็นโอรสสายตรงคนเดียวของเสด็จพ่อ ท้ายที่สุดแล้วก็จบชีวิตลงด้วยการถูกกำจัด ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามล้วนเกิดขึ้นได้ แล้วเหตุใดเจ้าเจ็ดจึงไม่อาจขึ้นเป็นรัชทายาทได้เล่า”
เซียงอ๋องได้แต่นิ่งเงียบ
ฉีอ๋องก็นิ่งเงียบเช่นกัน เขารอจนกระทั่งน้ำชาในถ้วยเย็นลง ก่อนถอนหายใจว่า “หากเจ้าเจ็ดได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท หรืออาจจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง น้องแปด เจ้ายินดีหรือไม่”
เซียงอ๋องนำมือทุบไปที่โต๊ะอย่างแรงแล้วเปล่งเสียงอันดังว่า “อย่าได้คิดหวัง!”
เขาทำลายเส้นทางสู่สวรรค์ของตนแล้วยังอยากคิดจะเดินขึ้นไปด้านบน เพียงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็แทบจะอาเจียน
และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงอยากจะช่วยพี่สี่
เมื่อจ้องมองไปยังถ้วยน้ำชาที่สั่นสะเทือนเนื่องจากแรงกระแทกของโต๊ะ ฉีอ๋องก็ได้กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “นั่นสิ จะยินดีได้อย่างไร”
“พี่สี่มีวิธีรับมือที่ดีหรือไม่” เซียงอ๋องสงบอารมณ์ลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูบูดบึ้งไม่น่ามอง ฉีอ๋องมองไปและพึงพอใจยิ่งนัก
ยิ่งเจ้าแปดเกลียดชังเจ้าเจ็ดมากเพียงไร แผนการของเขาก็จะง่ายดายขึ้นเพียงนั้น
ฉีอ๋องเอื้อมมือเข้าไปหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวขนาดเล็กออกมาแล้วยื่นไปด้านหน้า
“นี่คือ…”
ฉีอ๋องเงยหน้าขึ้นมองไปทางเซียงอ๋องแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “เป็นยาชนิดหนึ่ง”
เซียงอ๋องไม่ได้เอื้อมมือไปแตะต้องขวดสีขาวขนาดเล็กนั้น น้ำเสียงเซียงอ๋องดูลังเล “ยาอะไร”
มุมปากของฉีอ๋องโค้งงอขึ้นเล็กน้อยแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ยาชนิดนี้ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส สามารถผสมได้กับสุรา ผู้ที่ดื่มเข้าไปจะมีอาการเสียสติ ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งก้านธูป เขาจะกระทำการเหลือเชื่อออกมา …”
เซียงอ๋องจ้องไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวแล้วนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน
“น้องแปด เจ้าเจ็ดนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของเจ้าที่คอยขัดขวาง เป็นการดีกว่าหากจะใช้ช่วงเวลาที่เขายังไม่ทันได้กางปีกโบยบิน เราจะยิงเขาตกลงมาเสียก่อน เรื่องนี้คงต้องให้เจ้าช่วยแล้ว”
“ข้าหรือ”
“ถูกต้อง ยานี้จะทำให้คนเราสูญเสียการควบคุมสติ จะมีอยู่โอกาสใดเหมาะสมกว่าวันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพของเสด็จย่าอีกเล่า”
เซียงอ๋องขมวดคิ้วเข้าหากัน “แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนั้นหากเจ้าเจ็ดไม่อาจควบคุมตัวเองได้เป็นเรื่องดี แต่จะมีโอกาสในการวางยานี้ให้เจ้าเจ็ดหรือ”
ฉีอ๋องยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น “การที่ข้ามาหาน้องแปดไม่ได้เพราะต้องการให้เจ้าลงมือเอง และข้าก็ไม่ได้ต้องการจะปลีกตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ นั่นเป็นเพราะว่าน้องแปด เจ้ามีโอกาสมากกว่า”
เซียงอ๋องเม้มริมฝีปากเรียวบาง รอให้ฉีอ๋องอธิบาย
ฉีอ๋องหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวเล่นไปมาอยู่ในมือ แล้วกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “น้องแปด เจ้าเองก็เห็นแล้ว ตามปกติเจ้าเจ็ดไม่ค่อยสนใจข้าเท่าไรนัก หากข้าไปดื่มสุรากับเขา อาจจะถูกเขาผลักดันออกไป ส่วนน้องแปด เจ้าเพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องในวันนั้นที่เจ้าเดินทางเข้าวังพร้อมเขา คาดว่าเขาคงจะยอมดื่มสุราเพื่อปลอบโยนเจ้า ถึงอย่างไรเสีย เจ้าเจ็ดก็เป็นพวกที่ชอบเหยียบย่ำคนอื่น จากนั้นยังใช้มีดแทงให้บอบช้ำ…”
ดวงตาของเซียงอ๋องเป็นประกายสั่นไหวเล็กน้อย
หากจะสามารถถอยออกมาหลังจากที่วางยาพิษเจ้าเจ็ดได้ล่ะก็ เขาเองก็ไม่รังเกียจที่จะลองดู
เพราะถึงอย่างไรทุกเรื่องราวก็ล้วนมีอันตรายและความเสี่ยง สิ่งที่พี่สี่ต้องการไม่ใช่เพียงผู้ช่วยที่เอาแต่นั่งเฉยๆ รอความสำเร็จเท่านั้น
หากว่าทำผิดพลาดล่ะก็ …
ฉีอ๋องเข้าใจดีถึงความกังวลของเซียงอ๋องเขาจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ยานี้จะละลายทันทีเมื่ออยู่ในสุรา ตอนที่น้องแปดดื่มสุรากับเขา เพียงแค่แอบใส่ยาลงไปก็พอแล้ว จากนั้นข้าจะเข้าไปดื่มสุราให้แก่เจ้าเจ็ด และจะมีคนอื่นๆ ตามไปด้วย ต่อให้เจ้าเจ็ดเสียสติไปก็คงไม่มีใครสืบถึงแก้วสุรานั้น น้องแปดจงวางใจเถิด”
เมื่อพบว่าเซียงอ๋องเอาแต่นิ่งเงียบ ฉีอ๋องจึงได้กล่าวว่า “หากน้องแปดคิดว่าเป็นเรื่องยากก็ช่างเถิด อนาคตยังอีกไกล เราค่อยหาโอกาสใหม่ก็ย่อมได้ เพียงแต่เกรงว่าในวันนี้จู่ๆ เสด็จพ่อก็ได้ให้เจ้าเจ็ดไปเป็นโอรสของฮองเฮา วันพรุ่งนี้อาจจะมอบตำแหน่งองค์รัชทายาทให้เขาก็ย่อมได้ เมื่อถึงเวลานั้น เราต้องการจัดการกับเจ้าเจ็ดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย…”
ประโยคนี้ของฉีอ๋องทำให้เซียงอ๋องตัดสินใจได้ เขากัดฟันกรอด “หากตัดไม่ขาดอาจจะทำให้วุ่นวายได้ เอาตามนี้เถิด”
การที่เขาช่วยพี่สี่ก็เหมือนกับการช่วยตนเอง หากทำสำเร็จล่ะก็ในอนาคตก็จะไร้ความกังวลใด
ในวันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ทุกคนต่างพากันร่วมดื่มสุรา ใครเล่าจะไปคิดว่าสาเหตุมาจากแก้วสุรานั้น
อีกอย่างตอนที่เจ้าเจ็ดไม่อาจควบคุมสติของตนเองได้ ด้วยความห่วงใยที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่มีต่อเสด็จย่า เกรงว่าคงจะจัดการโยนเจ้าเจ็ดออกไปเสีย ไม่ให้แม้แต่โอกาสจะอธิบาย แล้วจะสืบเรื่องใดพบเล่า
ฉีอ๋องยิ้มขึ้นแล้วมองไปทางเซียงอ๋อง เขาตบบ่าเบาๆ “เรื่องนี้คงต้องรบกวนน้องแปดด้วย เมื่อไหร่ที่เรื่องนี้สำเร็จ พี่จะต้องตอบแทนเจ้าอย่างงาม”
เซียงอ๋องยิ้ม “พี่สี่กล่าวเช่นนี้ราวกับคนแปลกหน้า เราทั้งสองคือพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องกล่าวเช่นนี้หรอก”
ทั้งสองคนกุมมือกันและหันมายิ้มสบตา
ชั่วพริบตาเดียว วันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮาก็มาถึง อวี้จิ่นและเจียงซื่อเดินทางมาโดยรถม้า ทั้งสองเข้าพระราชวังไปพร้อมกัน
บนรถม้า อวี้จิ่นพิงไปที่ผนังรถแล้วยิ้มถามขึ้นว่า “อาซื่อ เจ้าว่างานเลี้ยงในวันนี้จะเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นหรือไม่”