ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 747 เจ้ายังเด็ก
เดิมทีเซียงอ๋องก็รู้สึกโมโหอวี้จิ่นอยู่ในใจแต่ไม่อาจแสดงออกมาได้ บัดนี้เมื่อเขาเห็นเอ้อร์หนิวจึงได้พบกับข้ออ้างขึ้นทันที
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสีหน้าซีดเผือดว่า “พี่เจ็ดเดินทางมาเยี่ยมเยียน ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ดูเหมือนว่าเอาสุนัขมาด้วยจะไม่เหมาะสมกระมัง”
ไม่รอให้อวี้จิ่นตอบกลับ หลู่อ๋องก็พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “เอาสุนัขมาด้วยงั้นหรือ น้องแปด เจ้ามองดีๆ นี่คือเอ้อร์หนิว!”
เมื่อเห็นท่าทางของหลู่อ๋องที่ดูจริงจังดังนั้น เซียงอ๋องก็สับสนทันใด เขาก้มลงไปมองดูเอ้อร์หนิวอย่างระมัดระวัง
เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขหรอกหรือ
หูของมันหักลงพื้น จมูกสีดำ แม้ตัวจะใหญ่โตกว่าปกติเล็กน้อย แต่มันเป็นสุนัขอย่างแน่นอน
หลู่อ๋องชี้ไปที่ปลอกคอของเอ้อร์หนิวซึ่งมีป้ายทองแดงแขวนไว้ แล้วกล่าวว่า “น้องแปด เจ้าลืมไปแล้วจริงหรือ เอ้อร์หนิวเป็นแม่ทัพเซี่ยวเทียน ขุนนางที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้ง มีระดับเดียวกันกับขุนนางบู๊บุ๋นทั่วไป หรือการที่ขุนสาวรับใช้ราชสำนักเดินทางมาเยี่ยมเยียนน้องแปด ทำให้เจ้ารู้สึกรังเกียจ”
เซียงอ๋องถูกคำพูดของหลู่อ๋องทำเสียอึดอัดแทบตาย เขากล่าวขึ้นด้วยความโกรธเคืองว่า “พี่เจ็ดยังไม่ได้กล่าวสิ่งใดเสียด้วยซ้ำ แล้วพี่ห้าจะรีบร้อนไปไย”
หลู่อ๋องกล่าวขึ้นด้วยท่าทางไม่รู้สึกเหมือนเดินทางมาเยี่ยมเยียนแขกในเรือนนี้แม้แต่น้อย เขาเบ้ริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “นั่นเพราะข้าเป็นคนพามันมา”
เซียงอ๋องและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนั้นต่างพากันตกตะลึง แม้แต่ฉินอ๋องผู้ซึ่งมีท่าทีเงียบสงบมาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “นี่คือเอ้อร์หนิวของน้องเจ็ดไม่ใช่หรือ เหตุใดน้องห้า…”
หลู่อ๋องเหลือบมองไปสุนัขตัวใหญ่โตน่าเกรงขามตัวนั้น จะให้เขายอมรับว่าตนถูกเอ้อร์หนิวขู่เสียจนหวาดกลัวคงไม่ได้ จึงกระแอมอยู่ในลำคอแล้วตอบว่า “ข้ากับน้องเจ็บนัดกันเดินทางมา บังเอิญพบเข้ากับเอ้อร์หนิว ดังนั้นจึงชวนมันมาด้วยกัน”
เซียงอ๋องอดไม่ไหวและพูดออกมาเบาๆ ว่า “พี่ห้าดูเหมือนจะว่างยิ่งนัก”
เขาไม่ลืมตอนที่เอ้อร์หนิวไปตงกงเพื่อเยี่ยมเยียนอดีตองค์รัชทายาท จากนั้นองค์รัชทายาทคนก่อนที่แกล้งทำเป็นความจำเสื่อมก็ถูกจับได้ทันที…
เจ้าสุนัขตัวดี! เขาเหลือบมองไปยังใบหน้าสีเหลืองของเจ้าสุนัขนั้น แล้วเซียงอ๋องก็นึกอยู่ในใจ
หลู่อ๋องขมวดคิ้วเข้าหากัน “ข้ารู้ดีว่าน้องแปดคงไม่พอใจ แต่ถึงไม่พอใจอย่างไรจะพูดจาไม่เกรงอกเกรงใจแขกที่มาเยี่ยมเยียนได้หรือ ในครานั้นที่ข้าถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋อง หากว่าน้องแปดจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนข้าสักหน่อย ข้าว่าข้าคงดีใจจนน้ำตาไหล”
หลู่อ๋องกล่าวในเรื่องที่ไม่สมควรกล่าวออกมา ทำให้เซียงอ๋องโมโหเสียจนแทบเป็นลมล้มลง เขากัดฟันกรอดแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบคุณพี่ห้าที่มาเยี่ยมเยียนข้า”
เขารู้อยู่แล้วว่าพี่ห้าจะเดินทางมาเพื่อหัวเราะเยาะเขา
หัวเราะเยาะเขาก็ยังไม่เท่าไรหากมาคนเดียว แต่นี่อะไร พาเจ้าเจ็ดและสุนัขของเขามาด้วย
เซียงอ๋องทำสีหน้าไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น
ขณะนั้นเองอวี้จิ่นก็ได้กล่าวขึ้นว่า “แม้ว่าเอ้อร์หนิวจะถูกพี่ห้าพามา แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเจ้าของของมัน ในเมื่อน้องแปดไม่ยินดีต้อนรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ความรู้สึกโมโหในแววตาของเซียงอ๋องปรากฏขึ้น
เขาอยากจะบอกกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้เหลือเกิน ในเมื่อเดินทางมาแล้วจะให้อีกฝ่ายกลับไปเฉยๆ ได้อย่างไร
หลังจากที่พยายามระงับความโมโหเอาไว้ในใจ เซียงอ๋องก็บีบรอยยิ้มออกมา “พี่เจ็ดกล่าวเช่นนี้ ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก การที่พี่เจ็ดเดินทางมาหาข้า แน่นอนว่าข้ารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก เหตุใดจึงไม่ยินดีเล่า”
“แล้วเอ้อร์หนิว...”
“ข้าเพียงแค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หาได้มีความหมายอื่นใด”
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นราวกับแสงสว่างในรุ่นอรุณส่องประกายไปทั่วทั้งห้อง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
ฉีอ๋องมองไปรู้สึกขัดหูขัดตา ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “พี่น้องเรากว่าจะรวมตัวกันได้สักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เรามาดื่มให้แก่น้องแปดสักแก้วเถอะ”
หลู่อ๋องได้กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “เมื่อคราที่ข้าถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋อง ดูเหมือนพี่สี่จะไม่ได้ดื่มปลอบใจข้าเลย พี่สี่ท่านดูไม่ยุติธรรม”
ฉีอ๋อง “…”
เซียงอ๋องกำหมัดแน่น เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะดื่มสุราสักสองจอกแล้วแกล้งทำเป็นมึนเมาชกต่อยกับหลู่อ๋องสักครั้งเป็นไรไป เขาไม่เคยเจอคนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน การที่ถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋องคือเรื่องที่น่ายินดีหรือ ประเดี๋ยวก็เอ่ยถึง ประเดี๋ยวก็หยิบยกมา กลัวว่าคนอื่นจะลืมหรืออย่างไร
พี่ห้าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เขามาเพื่อตอกย้ำจิตใจกันหรือ
หลู่อ๋องมองไปยังท่าทางของเซียงอ๋องแล้วรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
ยังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาเดินทางมาเพื่อตอกย้ำหัวใจ ไม่คิดบ้างหรือว่าตอนที่เขาถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋องนั้นต้องพบกับสายตาอันดูหมิ่นเหยียดหยามมากมายเพียงใด ตอนนี้เขามีเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้ว
“มาเถิด มาเถิด มาดื่มสุรากัน วันนี้เราดื่มสุราเท่านั้น ไม่เอ่ยถึงสิ่งอื่น” ฉินอ๋องเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์
พี่น้องทั้งหลายนั่งรวมตัวกัน ในไม่ช้าก็มีสาวรับใช้หน้าตาสะสวยเดินยกสุราและกับแกล้มเข้ามา
หลู่อ๋องมองไปยังสาวรับใช้รับใช้ที่หน้าตางดงามแล้วถอนหายใจ “น้องแปด ชีวิตของเจ้าช่างดียิ่งนัก อย่างน้อยก็ยังมีสาวรับใช้รูปงามคอยรับใช้…ข้าจะบอกกับเจ้าว่า เมื่อถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋องแล้วแต่ละปีจะมีรายรับน้อยลง และค่อนข้างจะขายหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ส่งผลกระทบใดกับน้องแปดเท่าไหร่นัก เนื่องจากน้องแปดอยู่ตัวคนเดียวหามีชายาและบุตรจะต้องเลี้ยงดู ทั้งยังไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าชายาของเจ้า…”
ดูสิว่าเขาต้องใช้ชีวิตอย่างไร เงินแต่ละเดือนอันน้อยนิดนั้นถูกแม่เสือใหญ่เก็บไปจนเกลี้ยง ในจวนไม่มีบ่าวรับใช้ที่ดูดีสักคนเดียว ทำเอาเขากลายเป็นคนชอบเหลือบมองดูบ่าวรับใช้ของคนอื่นที่หน้าตาดี...
หลู่อ๋องคิดแล้วอยากจะร้องไห้ด้วยความขมขื่น
ส่วนเซียงอ๋องอดไม่ได้อยากจะตบโต๊ะเสียเหลือเกิน
อย่าได้ห้ามเขา เขาจะฆ่าเจ้าห้านี่เสีย!
เขาถูกลดตำแหน่งเป็นจวิ้นอ๋องแล้วอย่างไรเล่า เขาไม่มีลูกไม่มีภรรยาแล้วอย่างไรเล่า
พี่ห้ามีความโกรธแค้นอะไรกับเขาขนาดนี้เชียว จึงจำเป็นต้องพูดจาให้เขาต้องสะเทือนใจอยู่เรื่อย
เสียงเห่าของสุนัขดังขึ้น ทำให้เซียงอ๋องได้สติกลับคืนมา
เอ้อร์หนิวได้กลิ่นเนื้อซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ มันกระดิกหางอย่างสงบเสงี่ยม
เซียงอ๋องกำมือแล้วพยายามรวบรวมสติอารมณ์ของตนที่เหลืออยู่ ยิ้มขึ้นว่า “จัดโต๊ะให้กับแม่ทัพเซี่ยวเทียนหนึ่งโต๊ะ”
คงไม่มีใครจะให้เอ้อร์หนิวมาร่วมดื่มสุราโต๊ะเดียวกับพวกเขากระมัง ใครที่กล้ากล่าวเช่นนี้ เขาจะต้องทะเลาะกับผู้นั้นแน่
ถึงอย่างไรบัดนี้เขาก็เป็นเพียงแค่จวิ้นอ๋องแล้ว จะมีเรื่องใดแย่กว่านี้อีก
ในไม่ช้า สาวรับใช้รูปงามสองคนก็เดินเอาโต๊ะออกมา บนโต๊ะนั้นมีกระดูกวางอยู่ชามหนึ่ง
สาวรับใช้ทั้งสองไม่กล้าเข้าใกล้เอ้อร์หนิวซึ่งตัวใหญ่โตราวกับวัว พวกนางวางเอาไว้บนนั้นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อเอ้อร์หนิวเห็นกระดูกซึ่งวางอยู่บนจานนั้น มันก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมาจากลำคออย่างไม่พอใจ สายตาตักเตือนของอวี้จิ่นจึงทำให้มันสงบลงได้
“ในโลกนี้ไม่มีอุปสรรคใดที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ น้องแปดพี่ขอดื่มให้เจ้าหนึ่งจอก เมื่อดื่มสุราจอกนี้เข้าไปแล้วเจ้าจะพบแต่เรื่องดีๆ” ฉีอ๋องยกแก้วสุราขึ้นดื่มแก่เซียงอ๋อง
หลู่อ๋องกำลังคิดจะเอ่ยบางอย่างออกมาเสียดสี แต่ฉินอ๋องกระซิบขึ้นว่า “น้องห้า พอเถอะ”
ฉินอ๋องเพียงต้องการเดินทางมาอย่างสงบและเดินทางจากไปอย่างสงบ เขาไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้นที่นี่แม้แต่น้อย
โชคดีที่สุราเหล่านั้นเมื่อกรอกเข้าไปในท้องของหลู่อ๋องแล้วเขาไม่ได้ก่อเรื่องขึ้น
เมื่อดื่มสุราวนเวียนกันไปสักสามรอบเห็นจะได้ อวี้จิ่นก็ลุกขึ้นกะทันหัน
อ๋องทั้งหลายพากันมองไปที่เขา
“ข้าขอไปทำธุระสักหน่อย”
เซียงอ๋องวางแก้วสุราลง “ข้าเองก็คิดจะไปอยู่พอดี เช่นนั้นไปด้วยกันเถิดพี่เจ็ด”
อวี้จิ่นพยักหน้าอย่างสุภาพ
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินจากไป หลู่อ๋องก็เบ้ริมฝีปากกล่าวว่า “ไม่ใช่สตรีสักหน่อย เหตุใดยังต้องหาเพื่อนไปเข้าห้องน้ำด้วย”
สู่อ๋องยิ้มแล้วถามว่า “สตรีมักจะเข้าห้องน้ำทีละสองคนงั้นหรือ”
ที่ด้านนอกห้อง ลมฤดูใบไม้ผลิเยือกเย็นเล็กน้อยทำให้พวกเขาตื่นตัวขึ้นกว่าเดิม
เซียงอ๋องรอจนกระทั่งอวี้จิ่นเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาก็ก้าวไปด้านหน้าแล้วกระซิบว่า “พี่เจ็ด เมื่อวานที่ข้ากระทำเรื่องราวอับอายขายหน้าออกไปนั้น เป็นฝีมือของพี่เจ็ดหรือไม่”
อวี้จิ่นยิ้มขึ้น “น้องแปดดื่มมากไปหรือ”
“บัดนี้ไม่มีคนอื่นอยู่รอบข้าง จะเสแสร้งทำไมกัน คิดว่าข้าโง่มากหรือ” เซียงอ๋องกัดฟันกรอดท่าทีดูเคร่งขรึม
อวี้จิ่นยังคงยืนกรานคำเดิมว่า “น้องแปด เจ้าดื่มมากไปแล้วจริงๆ”
เมื่อพบว่าเขากำลังจะเดินทางจากไป เซียงอ๋องก็วิ่งตามไปด้วยความไม่พอใจแล้วกระซิบว่า “พี่เจ็ด ตอนนี้ข้าเป็นคนที่เดินเท้าเปล่าไม่กลัวคนที่สวมรองเท้า[1] พี่จัดการกับข้าเช่นนี้ เราได้เห็นดีกันแน่!”
อวี้จิ่นหยุดลงแล้วหันไปมองทางเซียงอ๋อง น้ำเสียงเขากล่าวขึ้นอย่างจริงจังว่า “น้องแปด เจ้ายังเด็กนัก เจ้ายังไม่รู้หรอกว่าการเดินเท้าเปล่านั้นยังซวยได้มากเพียงใด”
แต่อีกไม่นานเขาก็จะรู้เอง
[1] คนที่เดินเท้าเปล่าไม่กลัวคนที่สวมรองเท้า สำนวนจีน หมายถึงไม่มีอะไรให้เสียแล้ว