ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 796 กองไฟ
เมื่ออันกงกั๋วถูกเรียกพบ เรื่องของเสียนเฟยก็แพร่งพรายออกไปนอกวังอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันสู่อ๋องก็งถือโถไว้พร้อมกับมองจิ้งหรีดสองตัวกำลังตีกัน
สู่อ๋องที่ขวัญหนีดีฝ่อจากความกล้าหาญในการต่อสู้ของอวี้จิ่น ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทชั่วคราวเพื่อฝึกฝนเตรียมกาย จึงลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อซื้อจิ้งหรีดมาคู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาใช้จิ้งหรีดที่ชนะตัวนั้นมาสู้กับจิ้งหรีดของคังจวิ้นอ๋อง คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับชัยชนะเป็นเงินจำนวนมาก นับว่าเป็นการหารายได้เข้าจวนแล้วกัน
เมื่อทราบข่าวว่าเสียนเฟยเสียแล้ว สู่อ๋องชะงักมือจนเกือบทำโถพลิก เขากอดโถไว้พลางหัวใจเต้นระรัวอยู่นาน
หลังจากเรี่ยวแรงกลับมา สู่อ๋องก็เช็ดเหงื่อที่แตกพลั่กบนหน้าผาก มีความคิดอันแน่วแน่ผุดขึ้นมา อยู่ให้ห่างจากเจ้าเจ็ดคนอัปมงคลไว้
เจ้าเจ็ดทำเจ้าแปดซวย แถมยังมีเจ้าสี่อีกด้วย ตอนนี้แม่แท้ๆ ของตัวเองก็ถูกกำจัดแล้ว…
อะไรนะ ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเจ็ดงั้นรึ
สู่อ๋องหัวเราะเยาะออกมา
จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร ใครเข้ากับเจ้าเจ็ดไม่ได้ หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ บอกว่าเรื่องทั้งหมดมันบังเอิญใครจะไปเชื่อกัน!
จู่ๆ จิ้งหรีดตัวหนึ่งก็ร้องออกมาเสียงใส สู่อ๋องที่มีประสบการณ์รู้ได้ทันทีว่าหนึ่งในนั้นมีผู้ชนะ
ก้มมองดูจิ้งหรีดตัวโตในโถที่กำลังอวดศักดาอาวุธ สู่อ๋องผ่อนลมหายใจออกอย่างไม่สบอารมณ์
ช่างเถอะ ที่จริงจิ้งหรีดที่ถูกเลี้ยงดีๆ แข่งชนะเยอะๆ ก็ได้เงินค่อนข้างดี ปล่อยให้ได้ใจไปก่อน รอหลังจากนั้นเจ้าเจ็ดซวยแล้วเขาค่อยขึ้นไปอยู่เหนือกว่า
การตายของเสียนเฟยทำเอาราชสำนักสั่นสะเทือนไม่น้อย เหล่าขุนนางต่างครุ่นคิดขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เหล่าองค์ชายใกล้จะถูกฝ่าบาทจัดการหมดแล้ว ทว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นยังว่างเปล่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การล่ะ ควรจะเสนอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งไท่จื่อดีหรือไม่
เหล่าขุนนางนับนิ้วมือดู เกือบหนึ่งปีแล้วที่ไท่จื่อไร้ประโยชน์นั่นสิ้นพระชนม์ หากเสนอให้แต่งตั้งไท่จื่อตอนนี้ ฝ่าบาทน่าจะควบคุมอารมณ์ได้แล้ว อย่างน้อยคงไม่ใช่แค่เอ่ยปากก็ถูกฝ่าบาทนำที่ทับกระดาษมาทุบจนตาย
ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่สงบสุข ข่าวการจากไปของเสียนเฟยเพิ่งจะผ่านไปได้ครึ่งเดือน ในที่สุดขณะที่กำลังว่าราชการก็มีขุนนางยกเรื่องการแต่งตั้งไทจื่อขึ้นมา
เหล่าขุนนางต่างมีท่าทางเดือดดาล สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้กลับมาถึงตำหนักหย่างซินก็เดินวนไปมารอบห้องด้วยความพิโรธ
เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานเอง บังคับให้เขาสถาปนาไท่จื่ออีกแล้วรึ
ทั้งราชสำนักและวังหลัง เหตุใดถึงเอาแต่ทำให้เขากังวล
จิ่งหมิงฮ่องเต้เกิดความรู้สึกกลุ้มใจอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เอามือไขว้หลังเดินออกไป ซึ่งเดินออกไปถึงข้างนอกตำหนักคุนหนิงโดยไม่รู้ตัว
พอเหลือบเห็นประตูตำหนักคุนหนิง จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เขาเดินมาถึงที่นี่ได้อย่างไร
ตั้งแต่วันนั้นที่แยกกับฮองเฮาด้วยความรู้สึกไม่ดี…เฮ้อ ช่วงนี้มีแต่การจากกันด้วยความรู้สึกไม่ดี
อย่างไรก็ตามหลังจากวันที่ฮองเฮาเมินเฉยเดินจากไปวันนั้น เขาก็ไม่เคยเข้ามาเหยียบตำหนักคุนหมิงอีก คาดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาก็ไม่ส่งคนมาเชิญ
เมื่อคิดเช่นนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ทรงกริ้วขึ้นมาทันที
ไม่มีผู้ใดแบ่งเบาความทุกข์ก็ช่างเถอะ แต่ฮองเฮายังเพิ่มความกลัดกลุ้มใจให้เขาอีก เขาอยู่ไม่ได้หรอกแบบนี้!
จิ่งหมิงฮ่องเต้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อนางในเห็นจิ่งหมิงฮ่องเต้เสด็จ ก็เตรียมตะเบ็งเสียง ทว่าถูกจิ่งหมิงฮ่องเต้ห้ามไว้
ล้อกันเล่นหรือ เขากำลังทำสงครามเย็นกับฮองเฮา หากนางในตะโกนออกมาก็รู้หมดน่ะสิ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ตอนนี้ฮองเฮากำลังเสวยองุ่นอยู่
องุ่นที่เหมือนกับหินโมรา สีม่วงฉ่ำน่าอร่อย ใช้น้ำจากบ่อน้ำล้างทำให้เย็นสดชื่นหวานฉ่ำ พอนำเข้าปากก็ไม่ต้องพูดเลยว่ามันชื่นใจขนาดไหน
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้เข้ามา เห็นนางในคนหนึ่งกำหลังแกะเปลือกองุ่นท่าทางชำนาญมาก จานผลึกหินที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยลูกองุ่นเขียวขจี ส่วนนางในอีกคนได้ใใช้ไม้จิ้มฟันที่ทำด้วยเงินจิ้มลูกองุ่นป้อนฮองเฮา
จิ่งหมิงฮ่องเต้โกรธจนหน้าเขียวกว่าลูกองุ่นที่แกะเปลือกซะอีก
ฮองเฮาควรจะอกสั่นขวัญแขวนหวาดผวาจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาไม่ใช่หรือ นี่มันอะไรกันเนี่ย
แค่กแค่ก จิ่งหมิงฮ่องเต้ไอออกมาเสียงดัง
ฮองเฮาหันไปมอง รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก ลุกขึ้นไปต้อนรับ “ฮ่องเต้ทรงเสด็จ เหตุใดถึงไม่ให้นางในมาแจ้งข้า”
จิ่งหมิงฮ่องเต้สีหน้าเหยเก
หากเข้ามาบอกก่อนแล้วเขาจะได้เห็นฮองเฮากินองุ่นท่าทางชื่นอกชื่นใจเช่นนี้หรือ
น่าโมโหเสียจริง!
จิ่งหมิงฮ่องเต้เดินผ่านหลังฮองเฮาไปแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ยื่นมือออกไปหยิบไม้จิ้นฟันในจานผลึกหินแล้วจิ้มลูกองุ่นเข้าปาก
ฮองเฮาโบกมือปัดแสดงเจตนาว่าให้บ่าวรับใช้ออกไปให้หมด จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามจิ่งหมิงฮ่องเต้ พลางเอ่ยถาม “หวานมากใช่ไหมเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้าลงอย่างอดไม่ได้
หวานมากจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่กำลังกระวนกระวายใจแล้วได้กินองุ่นเม็ดนี้
ฮองเฮายิ้มออกมาบางๆ “เช่นนั้นฝ่าบาทเสวยเยอะๆ เลยนะเพคะ”
ทันใดนั้นจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ได้สติขึ้นมา นี่เขามากินองุ่นหรือ เขามาคิดบัญชีกับฮองเฮาต่างหาก!
จะบอกว่าคิดบัญชีก็ไม่ถูก ยังไงถ้าเขาไม่สบายใจฮองเฮาก็ไม่ควรสามารถทำตัวชื่นมื่นขนาดนี้ได้
สามีภรรยาต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักคิดเสียเลย
จิ่งหมิงฮ่องเต้กินองุ่นไปอีกหนึ่งเม็ดโดยไม่รู้ตัว แล้วตรัสขึ้น “วันนี้ตาแก่พวกนั้น…แค่กแค่ก เหล่าขุนนางยกเรื่องสถาปนาองค์รัชทายาทขึ้นมามาอีกครั้ง”
ฮองเฮาตอบอืมออกมาเบาๆ ก้มหน้าเสวยองุ่น
จิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นฮองเฮาหยิบลูกซ้ายลูกขวา ชั่วพริบตาเดียวองุ่นในจานก็หายไปเกือบครึ่ง จึงกัดฟันตรัสออกมา “ฮองเฮาว่าอย่างไร”
ฮองเฮาชะงักมือ เหลือบมองจิ่งหมิงฮ่องเต้พร้อมกับเอ่ยขึ้น “วังหลังไม่สามารถแทรกแซงงานราชการแผ่นดินได้เพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หงายเงิบไปครู่หนึ่ง ตรัสด้วยท่าทางไม่พอใจ “ข้าเพียงแค่ถามความเห็นของฮองเฮา ไม่ถึงกับเป็นแทรกแซงงานราชการแผ่นดินหรอก”
ฮองเฮาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ เอ่ยพูดท่าทางสงบเสงี่ยม “ฝ่าบาทถามความเห็นจากหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะพูดออกไปด้วยความกล้า หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ตำหนิ”
“เจ้าพูดมาเถอะ”
“องค์ชายทั้งหลายต่างก็โตแล้ว ตำแหน่งองค์รัชทายาทที่ว่างอยู่ก็เหมือนกองไฟในยามค่ำคืนที่ดึงดูดแมลงเม่าเข้ามา ห้ามก็ห้ามไว้ไม่อยู่”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบไปพักหนึ่ง ตรัสถามออกมา “ฮองเฮาเห็นด้วยกับการสถาปนาไทจื่อโดยเร็วที่สุดงั้นหรือ”
ฮองเฮาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก้มหน้าก้มตาเสวยองุ่นต่อ
นางเห็นด้วยกับการสถาปนาไทจื่ออยู่แล้ว ไม่เพียงแต่เห็นด้วย แถมยังต้องการให้อวี้จิ่นที่นางรับเลี้ยงมาได้นั่งตำแน่งนั้นด้วย
แต่เรื่องนี้จะถูกเปิกเผยออกมาจากปากนางไม่ได้
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลุกขึ้น เอ่ยพึมพำ “ข้าขอคิดดูให้ดีก่อน”
เขาลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก ถือโอกาสหยิบองุ่นลูกสุดท้ายขึ้นมาโยนเข้าปาก
ฮองเฮามองจานผลึกหินที่ว่างเปล่าด้วยความงงงัน สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา
พอกลับมาถึงตำหนักหย่างซินจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ขังตัวเองไว้ในห้องทรงพระอักษร จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด
ตอนยังเด็กเสด็จแม่เคยพูดกับเขาไว้ว่า หากเจ้าไม่มีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น ตอนที่ทุกคนล้วนมีความเห็นต่างกับเจ้า แสดงว่าเจ้าผิด
เขาไม่รีบร้อนในการแต่งตั้งไท่จื่อมันผิดจริงๆ หรือ
ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงอยู่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อีกแปดหรือสิบปีโดยไม่มีปัญหา หากตอนนี้เลือกไท่จื่อออกไป ช่วงเวลายาวนานขนาดนี้ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในประวัติศาสตร์ เหล่าไท่จื่อที่ถูกสถาปนาขึ้นเร็วกว่ากำหนดแทบจะไม่เป็นผลดีเกือบทั้งหมด อวี้หลังลูกชายแท้ๆ ของเขาก็จบลงเช่นนี้
ทว่าที่เหล่าขุนนางรีบร้อนก็คงเพราะเห็นว่าเขาอายุมากแล้ว ต้องบอกเลยว่าสองปีมานี้เขาได้แต่รู้สึกอึดอัดหนักใจ บางทีอาจควรเลือกองค์รัชทายาทมาแบ่งเบาความทุกข์จากเขาได้แล้ว
แบ่งเบาความทุกข์งั้นหรือ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตาเป็นประกายขึ้นมา
ใช่แล้ว เรื่องของทางราชสำนักฮองเฮาไม่สามารถแบ่งเบาความทุกข์ได้ แต่ว่าไท่จื่อทำได้!
ต้องไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกวัน เหล่าขุนนางอยากจะด่าโวยวาย ดื้อรั้นเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก สตรีวังหลังอยากกินไก่ย่างก็ได้กิน อยากกินองุ่นก็ได้กิน แต่ละคนใช้ชีวิตมีอิสระเสียยิ่งกว่าฮ่องเต้อย่างเขาซะอีก
เพื่อความไม่ยุติธรรมต่อตนเอง จิ่งหมิงฮ่องเต้ครุ่นคิดถึงลูกชายทั้งหลายขึ้นมา