ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1007
“แม่งเอ๊ย กลางวันแสกๆก็กล้าขโมยของ” คนขับรถด่าไปด้วยเดินไล่ตามไป๋ยี่เฟยไปด้วย
ส่วนเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยได้เดินมาถึงหน้าประตูเมืองบันเทิงแล้ว ต่อจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ทุบเหล็กฉากในมือไปที่ประตูกระจกทองอย่างแรง
“เพล้ง”
ประตูกระจกถูกทุบจนละเอียด เศษกระจกก็ร่วงเต็มพื้น
คนขับรถที่ไล่ตามมาพอเห็นภาพนี้แล้วคำด่าในปากก็ชะงักทันที จากนั้นก็หมุนตัวฉับพลัน สีหน้าหวาดกลัวกลับไปที่รถบรรทุกของตัวเอง
“โอ้โห”
รถแท็กซี่ยังไม่ได้ไป ก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ดังนั้นก็ตกใจเช่นกัน “บ้าเอ้ยเอาจริงหรือเนี่ย”
…….
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทุบเพียงครั้งเดียว แต่จับเหล็กฉากทุบไปที่ประตูครั้งแล้วครั้งเล่า ยังถือโอกาสทุบป้ายไฟที่อยู่ด้านข้างพวกนั้นด้วย
การเคลื่อนไหวในการทุบประตูไม่เล็กเลย เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย คนที่เดินผ่านด้านนอกต่างหยุดเดินเพื่อดูเหตุการณ์
ส่วนบอดี้การ์ดในเมืองบันเทิงก็ได้ยินการเคลื่อนไหว พากันวิ่งออกมา
ชายวัยกลางคนใส่สูทชุดดำคนนั้นที่เป็นหัวหน้า เห็นไป๋ยี่เฟยแล้วเขาก็ตะคอกด่าเสียงดัง “ไอ้เหี้ยที่ไหน หยุดเดี๋ยวนี้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงแล้วก็หยุดทำโดยให้ความร่วมมืออย่างมาก
ชายวัยกลางคนพูดอย่างโมโห “แม่งเอ้ยแกเป็นใคร? รู้หรือไม่ว่าที่นี่มันสถานที่อะไร? กลับกล้ามาทุกประตูของเมืองบันเทิงของเรา?”
“ที่นี่ไม่ใช่เมืองบันเทิงหมิงจินเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ชายวัยกลางคนพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วแกรู้ไหมว่าที่นี่ใครเป็นคนคุ้มครอง?”
“ไม่ใช่สำนักหลิ่วเหมินเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถามอีก
ชายวัยกลางคนเห็นแล้วก็ทำเสียงเย็นชา “ในเมื่อแกรู้แล้ว งั้นก็ดี ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระมาก ทั้งหมดที่แกทุบไป ทั้งหมดสิบล้าน ชดใช้หมดแล้ว ค่อยคุกเข่าให้เจ้านายเราเพื่อรับผิด”
ปรากฏว่าเขาเพิ่งพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เอาเหล็กฉากในมือขึ้นมาทุบประตูอีก ทุบจนขอบประตูเอียงไปทันที
ชายวัยกลางคนและบอดี้การ์ดต่างก็อึ้งไปเลย
ผู้คนที่มามุงดูก็อึ้งไปตามกัน
ในเมื่อเขารู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และยังรู้ว่าที่นี่ใครเป็นคนคุ้มครอง แต่กลับกล้าทุบอีก? ไอ้บ้านี่มันสมองมีปัญหา? หรือจะไม่กลัวจริง?
ส่วนไป๋ยี่เฟยในตอนนี้เข้าไปในเมืองบันเทิงแล้ว เห็นข้าวของก็ทุบ
ขายวัยกลางคนตั้งสติได้แล้ว ชี้หน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความโมโห ออกคำสั่งกับบอดี้การ์ด “เร็ว ขวางมันไว้เดี๋ยวนี้ ต่อย เอาให้ตายไปเลย”
ดังนั้นบอดี้การ์ดก็พากันพุ่งเข้าไปข้างใน
ชายวัยกลางคนไม่ได้ขยับ ยืนดูอยู่กับที่ ปากก็ด่าไปด้วย “ไอ้สัตว์ แม้แต่เมืองบันเทิงหมิงจินของเรายังกล้าทุบ วันนี้ฉันจะให้แกรู้ เมืองบันเทิงของเราไม่ใช่ใคร……..”
แต่ทว่า คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ก็ถูกสถานการณ์ด้านในทำให้ตะลึง
“ปัง”
“อ้าก”
“ฮวั๊ก”
บอดี้การ์ดที่พุ่งเข้าไปพวกนั้นถูกไป๋ยี่เฟยต่อยจนกระเด็นออกไปคนละหมัด
พอดีทิศทางที่บอดี้การ์ดพวกนั้นกระเด็นออกไปเป็นทางประตู แต่ละคนต่างก็กระแทกลงมาที่ข้างเท้าของชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนอึ้งตาค้าง
ส่วนเสียงทุบข้าวของภายในเมืองบันเทิงยังไม่ได้หยุดลง
เสียงพวกนี้ทำให้ชายวัยกลางคนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขารีบหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรออก
ผลลัพธ์คือเขาเพิ่งจะโทรออก ไป๋ยี่เฟยก็ต่อยมาจากด้านใน ยังจ้องอยู่ที่มือถือในมือของชายวัยกลางคนตาเขม่น
ชายวัยกลางคนชะงัก จากนั้นก็โยนมือถือทิ้งโดยสัญชาตญาณ ยิ้มอย่างคลุมเครือต่อไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยกลับทำเสียงเย็นชาทีหนึ่ง โยนเหล็กฉากแล้วจากไป
เขาเดินไปถึงหน้ารถแท็กซี่พอดี เห็นคนขับรถก่อนหน้านี้ ส่วนคนขับรถตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว ส่วนไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มแล้วพูดว่า “คุณยังไม่ไปเหรอ? พอดีเลย ผมนั่งรถคุณต่อ ไปเลย”
คนขับรถได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกขนหัวลุก เขารีบพูดขึ้นว่า “พี่ชายท่านนี้ ผม…….ผมไม่รู้จักคุณนะ คุณ…….อย่าทำร้ายผมเด็ดขาดนะ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะไปหรือไม่ไป?”
คนขับรถตกใจ ไม่กล้าปฏิเสธ พูดได้เพียงแค่ว่า “ไป ไป”
ขึ้นรถแล้ว คนขับรถจำใจต้องขับรถออกไปท่ามกลางผู้คนมากมาย พาไป๋ยี่เฟยจากไป
เมื่อขับออกไปได้สักระยะ อารมณ์ของคนขับรถค่อยผ่อนคลายลงบ้าง อดพูดกับไป๋ยี่เฟยไม่ได้ “พี่ชายท่านนี้ คุณรู้หรือเปล่า เมื่อกี้คุณก่อเรื่องแล้ว?”
บนหน้าของไป๋ยี่เฟยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนถึงขั้นเย็นชา ส่วนในสายตาเขาเต็มไปด้วยแรงสังหาร
เขาถอดแว่นและหมวกออกอย่างไม่ใส่ใจ พูดเรียบเฉย “ผมรู้ แต่ผมไม่ใส่ใจ”
แต่คนขับรถกลับสีหน้าหดหู่ “พี่ชาย ผมใส่ใจนะ พวกเขาต่างก็เห็นว่าคุณขึ้นรถของผม หาคุณไม่เจอ ก็จะมาหาผม ถ้างั้นผม…….”
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยเสียงเรียบ “คุณพูดมาตามตรงเลย ผมไม่โทษคุณหรอก”
“แต่ว่า…….” คนขับรถลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็มองกระจกมองหลัง ปรากฏว่าดูแล้ว ก็เบิกตากว้างทันที หน้าใบหน้าเขาเห็นบนเสาไฟฟ้าบ่อยๆ
…….
เมื่อไป๋ยี่เฟยกลับไปถึงโรงแรมหมีฉากลับมาแล้ว หาดินระเบิดที่เขาพูดมาแล้ว
หมีฉาเห็นไป๋ยี่เฟยกลับมาจากข้างนอก ในใจกังวลมาก “คุณไป๋ คุณไปไหนมา?”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่เขา หมีฉาหุบปากทันที
จากนั้นไป๋ยี่เฟยมองเห็นดินระเบิดพวกนั้น พยักหน้าเล็กน้อยพูดว่า “พอแล้ว”
หมีฉาเห็นแล้วความไม่สบายใจและความกังวลในสายตาก็ยิ่งหนักขึ้น
ไป๋ยี่เฟยมองหมีฉา พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เมื่อกี้ผมไปเมืองบันเทิงหมิงจินมา ทุบมันเรียบร้อย”
“อะไรนะ?” หมีฉาเบิกตากว้างทันที
ไป๋ยี่เฟยบ้าไปแล้วเหรอ?
ไปทุบร้านอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้?
หรือว่าถูกความโกรธแค้นบังตาไปหมดแล้ว สติปัญญาลดลงแล้ว?
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนหมีฉาอีก แต่โทรหาจางหัวปิน “พี่จาง ผมเอง”
ในโทรศัพท์เป็นเสียงที่เป็นห่วงของจางหัวปิน “ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง? ต้องให้ผมส่งคนไปรับคุณไหม?”
“ไม่ต้อง คนทางด้านหนานเหมินเตรียมตัวเรียบร้อยรอรับผลได้เลย มาแล้วจะเปิดเผยตำแหน่งของผม”
“ถ้างั้นคุณ…….”
“พี่จาง พี่ฟังผมพูดก่อน พี่สามารถหาวิธีแอบเข้าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศฉีได้ไหม กระจายข่าวในอินเทอร์เน็ต เนื้อหาข่าวเดี๋ยวผมส่งให้ทางข้อความ”
“ได้”
พูดจบแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็วางสาย จากนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งให้จางหัวปิน
ส่วนไป๋ยี่เฟยโทรศัพท์นั้นไม่ได้หลีกเลี่ยงหมีฉาเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นหมีฉาสีหน้าตกตะลึง
ไป๋ยี่เฟย จะทำอะไรกันแน่?
…….
สำนักงานใหญ่สำนักยี่เหมิง
ฉุงลี่ซือถูกจัดไว้ในห้องนอนสุดหรูห้องหนึ่ง เธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ใหญ่มากตัวหนึ่ง
เธอไม่ได้ถูกมัด เธอเป็นอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้อิสระ
เพราะหน้าประตูมีคนยืนเฝ้า อีกอย่าง…….
เธอเห็นเองกับตา เพราะว่าเธอถูกมัดตัวโยนเข้ามา ชายอ้วนคนนั้นพูดไปประโยคหนึ่งว่าเสียมารยาทแบบนี้กับสาวสวยไม่ได้ สาวสวยที่อยู่ข้างหลังชายอ้วนคนนั้นก็ใช้ดาบตัดหัวคนนั้นโดยตรงเลย
เพราะฉะนั้น หลังจากเธอนั่งอยู่บนโซฟาแล้ว ก็ไม่กล้าขยับตัวเลย
ชายอ้วนหรี่ตายิ้มมองอยู่ที่ฉุงลี่ซือ “ไม่เสียชื่อที่เป็นภรรยาคุณชายใหญ่ หน้าตาสวยเหลือเกิน”
ฉุงลี่ซือไม่กล้าพูด
ชายอ้วนก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ถามว่า “เพราะฉะนั้น คนที่ติดตามอยู่ข้างกายคุณคือไป๋ยี่เฟยใช่ไหม?”