ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1010
ท่านดยุกที่เห็นภาพนี้งงตาค้างเลย
คนอื่นก็ตะลึงไปเลย
ยีหยุนและฉุงลี่ซือต่างก็มองไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้ามึนงง
ในใจของทุกคนต่างก็ปรากฏคำพูดประโยคหนึ่ง: เก่งกาจมาก
……..
ตอนที่ศพของยอดฝีมือระดับที่หนึ่งคนหนึ่งร่วงอยู่บนพื้น ปรากฏตัวอีกเจ็ดคน
พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่ง อีกอย่างยังมีคนหนึ่งคือยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นกลาง
เมื่อพวกเขาเห็นไป๋ยี่เฟยฆ่าราชาดาบอย่างง่ายดายแล้ว ต่างก็สีหน้าเคร่งเครียด
ไป๋ยี่เฟยมองดูเจ็ดคนตรงหน้า หรี่ตาเล็กน้อย เขาเคยได้ยินหมีฉาพูดว่าในมือท่านดยุกมียอดฝีมือระดับที่หนึ่งแปดคน โอ้ ไม่ถูก ตอนนี้เหลือแค่เจ็ดคนแล้ว
แต่ว่าเขาไม่ลังเลเลย แต่ถือดาบพุ่งเข้าหาพวกเขา
“ไม่อยากตายก็ไสหัวไป” ไป๋ยี่เฟยตะโกนเสียงดังใส่พวกเขา
น้ำเสียงอันเย็นชาของไป๋ยี่เฟยและสีหน้าอันไร้เยื่อใยของเขานั้นทำให้ทั้งเจ็ดคนตกใจกลัว จนกระทั่งอดถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้
ในเวลานี้ คนหนึ่งในพวกเขาก็ยืนออกมากะทันหัน คนนี้ดูแล้วก็เป็นวัยกลางคนอายุประมาณสี่ห้าสิบปี เขาทำเสียงเย็นชาต่อไป๋ยี่เฟย จากนั้นโบกมือแล้วพูดว่า “พวกเราลุยพร้อมกัน มันมีแค่ตัวคนเดียว”
ไป๋ยี่เฟยคนเดียว ส่วนพวกเขามีตั้งเจ็ดคน ถึงแม้ว่าหกคนเป็นระดับที่หนึ่งชั้นต่ำ แต่พวกเขายังมีระดับที่หนึ่งชั้นสูงหนึ่งคน ร่วมมือกันแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถฆ่าไป๋ยี่เฟยได้
เพราะฉะนั้น หลังพูดจบแล้ว ทั้งเจ็ดคนเห็นชอบเหมือนกัน พุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟยพร้อมกัน
ส่วนไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาก ผมก็ดำจนเหมือนหมึกเข้ม
“อ้าก”
เขาตะโกนเสียงดัง แล้วพุ่งตัวไปตัว
ผู้ชายที่เข้าถึงตัวไป๋ยี่เฟยก่อนคือคนถือดาบยาว
ดาบยาวของเขากับมีดของไป๋ยี่เฟย “ปัง” ชนเข้าหากันเสียงดัง
ต่อจากนั้น คนนั้นก็เสียง “ฟุ๊ด” พ่นเลือดออกมาเต็มปากจากนั้นก็ถอยออกไปหลายก้าว ส่วนแขนของเขาก็เหมือนบะหมี่ที่อ่อนนุ่มเล่นหนึ่ง ห้อยลงมาทันที
ไป๋ยี่เฟยไปข้างหน้าต่อ แต่ถูกอีกสองคนบีบให้ถอยพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกัน ชายวัยคนคนก็พูดเตือนทุกคน “อย่าไปโดนอาวุธของมัน”
สองคนต่อเนื่องกันแล้วที่เป็นเพราะแตะต้องมีดทรงแปลกในมือของไป๋ยี่เฟย ถึงได้พ่ายแพ้ไปในพริบตา เพราะฉะนั้นพวกเขาเข้าใจแล้ว
สองคนนั้นไม่ใช่ชะล่าใจต่อคู่ต่อสู้ แต่เป็นเพราะอาวุธในมือเขา
มีดในมือของไป๋ยี่เฟยไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร แค่สัมผัสก็สามารถระเบิดพลังออกมาอย่างมากมาย ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นต่ำธรรมดาคนหนึ่งทนรับไม่ได้
เพราะฉะนั้นที่เหลือหกคนตอนนี้ก็แค่ล้อมตัวจู่โจมไป๋ยี่เฟย แต่ไม่สัมผัสกับมีดของเขา
ไป๋ยี่เฟยถูกพวกเขารู้เรื่องพลังของมีดแล้วก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ยังมีถือดาบของเขาฟันไปทุกทิศ บีบจนคนพวกนั้นจำเป็นต้องถอยหลัง
แต่แบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บ พวกเขาล้อมไป๋ยี่เฟยไว้ศูนย์กลาง เสมือนคิดอยากจะให้ไป๋ยี่เฟยสูญเสียแรงไปแบบนั้น
ท่านดยุกมองเห็นภาพนี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ถือว่าโล่งใจแล้ว จากนั้นหัวเราะเย็นชาพูดว่า “ถึงแม้ความสามารถของไป๋ยี่เฟยจะเกินจากการคาดเดา แต่เขาก็ใกล้จะถูกฉันจับแล้ว”
ยีหยุนได้ยินก็ยิ้มทันทีพูดว่า “ท่านดยุกพูดถูก ท่านดยุกชาญฉลาด”
ท่านดยุกได้ยินคำชื่นชมแล้วก็หัวเราะอย่างได้ใจ
แต่ทว่าในใจยีหยุนไม่ได้คิดแบบนี้
เธอพบว่าไป๋ยี่เฟยไม่ใช่อย่างที่ท่านดยุกพูด ไม่เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต ทางกลับกัน ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว ยิ่งกว่านั้น ข่าวนี้ปล่อยออกมาจากตัวเขาเอง
แต่เธอไม่เข้าใจ ไป๋ยี่เฟยไปความมั่นใจมาจากไปถึงทำแบบนี้?
ตามมาด้วย ยีหยุนขมวดคิ้ว ในใจมีความสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมากะทันหัน
ฉุงลี่ซือเห็นสถานการณ์ของนี้ของไป๋ยี่เฟยแล้ว สีหน้าซีดขาว จ้องไป๋ยี่เฟยตาไม่กะพริบ กลัวว่าแค่กะพริบตา ไป๋ยี่เฟยก็หายไป
ไป๋ยี่เฟยถูกหกคนล้อมไว้ตรงกลาง ไม่ว่าเขาจะตีฝาวงล้อมยังไง ก็ตีออกไปไม่ได้ เวลาเดียวกันก็ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
ทำให้เขาต้องเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าเรี่ยวแรงร่างกายจะทนต่อไปไม่ได้
แต่ในตอนนี้นี่เอง เขาทำปฏิกิริยาที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ
นั่นก็คือเขาหลับตาลง
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ ต่างก็อึ้งไปเลย
ในวินาทีอันตรายแบบนี้ กลับยังหลับตาอีก? นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ?
หกคนที่ล้อมไป๋ยี่เฟยไว้ถึงแม้จะแปลกใจมาก แล้วก็ระวังมาก แต่เพราะว่าพวกเขามีหกคน ความคิดทุกคนต่างก็ไม่เหมือนกัน การยับยั้งชั่งใจต่อความดึงดูดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ดังนั้นหนึ่งในนั้นก็ทนต่อแรงดึงดูดการรนหาที่ตายของไป๋ยี่เฟยไม่ไหว เขายกกระบองไม้ในมือขึ้น ชี้ไปที่ระหว่างคิ้วของไป๋ยี่เฟย ทิ่มลงไปอย่างแรง
ส่วนไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ เขากำลังตระหนักคำพูดที่เมิ่งหลินเคยพูด
เมื่อความสามารถของคนบรรลุถึงจุดหนึ่งแล้ว อยากพัฒนาขึ้นไปอีก อาศัยแค่การพัฒนาพละกำลังของร่างกายตัวเองเท่านั้นมันไม่พอ เพราะว่าขอแค่คนคนหนึ่งใจเด็ดพอ ดึงศักยภาพในตัวเองออกมาได้ ก็ทำได้เช่นกัน
เมิ่งหลินเคยพูด เมื่อบรรลุถึงระดับนั้นแล้ว อยากพัฒนาความสามารถของตัวเองอย่างรวดเร็วนั้นต้องพึ่งการเข้าใจตระหนักเอง
สำหรับจะตระหนักได้อย่างไร ตระหนักอะไร ล้วนเป็นไปตามสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน
ถึงจะมีความแตกต่าง แต่ความตระหนักทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับการรับรู้ต่อสรรพสิ่งทั้งหมดที่อยู่รอบตัวคุณ
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยสำหรับคำพูดเหล่านี้ เข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่ง แต่วินาทีนี้ เขาเข้าใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้หลับตา รับรู้สัมผัสการมีอยู่ของตัวเอง รับรู้สถานที่ตัวเองอยู่ รับรู้คนรอบด้าน
ในโลกที่เขารับรู้สัมผัสถึง คือความสงบ
เหมือนดั่งมีเขาอยู่เพียงคนเดียว
ส่วนในเวลานี้ เขารู้สึกถึงเงาคนสีเทาคนหนึ่งกำลังพึ่งเข้ามาหาเขา
มือของคนนั้นถือกระบองยาวด้ามหนึ่ง กระบองนั้นค่อยๆทิ่มมาที่เขา
ไป๋ยี่เฟยเห็นกระบองเคลื่อนมาหาตัวเองด้วยความเร็วที่ช้ามากๆ
เหมือนกับเวลาดูหนัง ลดความเร็วลงสามเท่าอย่างนั้น
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
เขารู้สึกถึงว่าตัวเองตระหนักถึงอะไรบางอย่างแล้ว นั่นก็คือต่อจากนี้สักวันเขาตาบอดแล้ว เขาก็สามารถรับรู้ถึงสิ่งรอบด้านได้ ยังต่อสู้ได้เหมือนเดิม
ดังนั้นตอนนี้กระบองด้ามนั้นทิ่มเข้ามา ไป๋ยี่เฟยแค่เอียงหัวเบาๆ กระบอกนั้นก็เคลื่อนผ่านข้างหูเขาไปช้าๆ
“ฟุ๊ด”
ตามมาด้วย ไป๋ยี่เฟยทิ่มมีดเข้าร่างของคนนั้น
คนนั้นมองไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาตกตะลึง เขามองเห็นตัวเองได้ยังไง?
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้แล้ว เพราะว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้ให้โอกาสเขาเปิดปาก
ไป๋ยี่เฟยฝ่ามือกระแทกเข้าที่อกของเขา เสียงดัง “ปัง” คนนั้นก็กระเด็นออกไปทันที
“ปัง” อีกครั้ง ร่วงมาที่พื้น ตายแล้ว
ที่เหลืออีกห้าคนเห็นภาพนี้ก็ตะลึงกันหมด
เวลาเดียวกัน น้อยไปอีกหนึ่งคนพวกเขาก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
เป็นไปตามนั้น หลังจากไป๋ยี่เฟยฟาดคนนั้นกระเด็นไปแล้ว ร่างกายเคลื่อนไหว ก็พุ่งเข้าไปในอาคารสำนักยี่เหมิงโดยตรง
ไป๋ยี่เฟยก็รู้ว่าถ้าหากเขาหันกลับไปฆ่ายอดฝีมือระดับที่หนึ่งห้าคนนั้น เขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ถูกล้อมแบบนั้นอีกก็ได้ ในเมื่อแบบนี้ สู้ฝ่าวงล้อมออกไป เข้าไปหาท่านดยุกโดยตรงดีหว่า
ส่วนความคิดของไป๋ยี่เฟยนั้นถูกต้อง
เมื่อห้าคนนั้นเห็นไป๋ยี่เฟยเข้าไปหาท่านดยุก ก็ไม่สนวงล้อมอะไรแล้ว พุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟยโดยตรง
คนที่อยู่ใกล้ไป๋ยี่เฟยที่สุด อาวุธของเขาคือค้อนใหญ่หนึ่งด้าม เขายกค้อนของเขาขึ้นมาทุบไปด้านหลังของไป๋ยี่เฟย
ตอนที่ค้อนจะถูกตัวของไป๋ยี่เฟยนั้น ไป๋ยี่เฟยหันหน้า ใช้มีดของเขารับการโจมตีจากค้อนไว้
“ปัง”
“อย่า”
ชายวัยกลางคนอดตะโกนเสียงดังไม่ได้ แต่ก็สายเกินไปแล้ว
มีดใหญ่รับค้อนใหญ่ไว้ จากนั้นก็ส่งพลังอ้านจิ้งชั้นต่อชั้นอย่างแน่นหนาออกไป ทั้งๆที่เป็นแค่มีดเดียว กลับเหมือนมีดนับไม่ถ้วน