ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1012
ไป๋ยี่เฟยไม่เปิดโอกาสให้ชายวัยกลางคนได้พูดจบ ออกแรงที่ขา หน้าอกของชายวัยกลางคนยุบลงไปเป็นรู้ เขากระอักเลือดออกมา จากนั้นก็เบิ่งตาโต และตายไปในที่สุด
ทันใดนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็ได้หัวเราะออกมาอย่างไม่ชอบใจ “มีแม่แก่ๆ ต้องเลี้ยงดูเหรอ?”
“ตอนที่พวกแกฆ่าคน เคยคิดบ้างรึเปล่าว่าพวกเขาก็มีแม่แก่ๆ กับลูกๆ ต้องให้เลี้ยงดูเหมือนกัน?”
“นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่พวกแกจะเอามาฆ่าใครอย่างตามใจชอบได้!”
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด หมุนตัวแล้วเดินไปทางอาคารของสำนักยี่เหมิง
พอพวกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านดยุกเห็นไป๋ยี่เฟยกำลังเดินเข้ามา ก็พากันยกอาวุธขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้าไป
แม้แต่ยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลางยังถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าได้อย่างง่ายดายแบบนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องพูดถึงเลย
ไป๋ยี่เฟยเองก็รู้ถึงจุดนี้ คนพวกนี้ไม่มีความเชื่อที่มากพอ เมื่อเทียบกับอนาคตและเงินทองแล้ว พวกเขาย่อมเห็นแกชีวิตของตัวเองมากกว่าอยู่แล้ว
ส่วนท่านดยุกที่เห็นแบบนั้น สีหน้าก็ซีดไปทันที
“ท่านดยุก เรารีบไปกันเถอะครับ!” ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น
เหมือนท่านดยุกจะตั้งสติได้แล้ว แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างร้อนรนว่า “ใช่ ไป! รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ว่าแล้วท่านดยุกก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบนโดยมีลูกน้องคนนั้นคอยพยุงเขาไปด้วย
ตอนที่พวกเขาจากไป แทบจะลืมฉุงลี่ซือไปแล้ว
ส่วนฉุงลี่ซือนั้นกำลังตกอยู่ในความตะลึง ยืนอึ้งอยู่กับที่
แต่ตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าใกล้เธอทีละก้าวนั้น ความตกตะลึงในแววตาของฉุงลี่ซือก็ถูกแทนที่ด้วยความนับถือที่เต็มเปี่ยม
แต่พอตอนที่ไป๋ยี่เฟยเดินมาถึงตรงหน้าเธอ ก็ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ท่านดยุกไปไหนแล้ว?”
ความแตกต่างในครั้งนี้มันมีมากเกินไป ฉุงลี่ซือรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ที่ไป๋ยี่เฟยจะพูดกับเธอด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เย็นชาแบบนี้
ฉุงลี่ซือรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วทำไมถึงต้องแสดงพฤติกรรมแบบนั้นกับเธอด้วย?
ว่าแล้วฉุงลี่ซือก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดว่า “เข้าไปแล้ว!”
ตอนนั้นฉุงลี่ซือนั้นถูกจับตัวไปเลย เธอไม่ได้เห็นภาพที่หมู่บ้านที่ตกอยู่ในกองเพลิงด้วยซ้ำ ดังนั้น เธอจึงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ได้เลย
ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ไม่อยากอธิบายอะไรกับฉุงลี่ซือมากมาย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นเลยแม้แต่คำเดียว แล้วเดินเข้าไปด้านในเลย
พอฉุงลี่ซือเห็นแบบนั้น ก็พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ทั้งร้อนรนทั้งไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “คุณไม่สนใจฉันแล้วเหรอคะ?”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับเดินเข้าไปในอาคารโดยไม่หยุดเลยแม้แต่นิดเดียว
พอเข้ามาในอาคาร ไป๋ยี่เฟยก็พบว่าตรงหน้าบันไดนั้นเป็นเพียงทางเดินยาวช่องเดียว ตรงสุดทางเดินเป็นประตูบานหนึ่ง
นี่น่าจะเป็นประตูที่จะผ่านไปอีกด้านหนึ่ง
ท่านดยุกน่าจะหนีไปทางนั้นแล้ว
ว่าแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็รีบตามไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เนื่องจากตอนที่ออกไป แสงจากอีกฟากมันก็สว่างกว่าภายในอาคาร ทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องหรี่ตาลงโดยอัตโนมัติ
และในจังหวะนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกถึงพลังงานอันมหาศาลที่พุ่งมาหาตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว จากการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันนั้น เขาจึงใช้ได้แค่ท่าแนบพิงตัวเท่านั้น
“ตุบ!”
หลังจากเสียงดังสนั่นไหวสงบลง ไป๋ยี่เฟยถึงกับถอยหลังไปห้าหกก้าวกว่าจะตั้งหลักได้
ในทันใดนั้นเอง เขาที่ตั้งใจจะอดทนไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้อยู่ดีเสียง “เอื๊อก!” ดังขึ้น เขากระอักเลือดออกมาจำนวนมาก
ไป๋ยี่เฟยเอามือกุมอกแล้วมองออกไป จากนั้นก็ได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงประตูนั้นก็คือท่านดยุก เขารู้สึกตกใจทันที
ท่านดยุกจ้องไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าที่ได้ใจ “ก็แค่เล่นละครเท่านั้น แกคิดว่าฉันจะพึ่งพาแค่ลูกน้องแปดคนในการได้ตำแหน่งดยุกมารึไง?”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตกใจขึ้นมา หมีฉาไม่เคยพูดกับเขาว่าท่านดยุกนั้นเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งเหมือนกัน
และจากการที่พวกเขาปะทะกันเมื่อกี้ ไป๋ยี่เฟยก็รับรู้ได้แล้วว่า ท่านดยุกนั้นไม่ใช่แค่ยอดฝีมือเท่านั้น แต่ฝีมือนั้นยังสูงกว่าเขาด้วย!
ตอนที่ท่านดยุกหัวเราะใบหน้าของเขาก็สั่นสะเทือนไปหมด “ไม่พอ ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับใครมานานแล้ว ยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่เลย”
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็สังเกตว่าข้างๆ ของท่านดยุกยังมีคนยืนอยู่สองคน
สองคนนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นต่ำ และสิ่งที่พวกเขาต้องทำนั้นไม่ใช้การต่อสู้พร้อมกัน แต่เป็นการพยุงท่านดยุกเอาไว้ต่างหาก
ท่านดยุกนั้นอ้วนเกินไป อ้วนจนไม่สามารถยืนได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องให้คนคอยพยุงอยู่ตลอด
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ไม่ต้องกลับไปอีก!” ท่านดยุกหรี่ตาลง
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าเย็นชา เอามือลง กำเป็นกำปั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ไม่ต้องห่วง ถ้าวันนี้ไม่ได้ฆ่าแก ฉันก็ไม่ไปแน่นอน!”
พอท่านดยุกได้ยินแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “ฉันเป็นถึงยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูง สูงกว่าแกหนึ่งขั้น แล้วแกยังคิดจะฆ่าฉันอีกเนี่ยนะ?”
แต่ว่า ทันทีที่คำพูดของท่านดยุกสิ้นสุดลง จู่ๆ ก็มีเสียง “ฉึก!” ดังขึ้น
หน้าอกของลูกน้องที่ยืนอยู่ทางขวาท่านดยุกก็มีปลายมีดปรากฏขึ้น
จากนั้น ก็มีเสียงที่เย็นเยือกดังขึ้น
“แล้วถ้าเพิ่มฉันอีกคนล่ะ?”
ทุกคนต่างมองไปทางด้านหลังของท่านดยุก แล้วก็ได้เห็นว่าข้างหลังของลูกน้องคนนั้น ตรงนั้นได้มีชายที่สวมหน้ากากยืนอยู่คนหนึ่ง
ชายคนนั้นใส่เสื้อคลุมยาวสีดำ เสียงที่พูดออกมาก็ค่อนข้างประหลาด ฟังแล้วไม่ปกติเท่าไหร่
แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาเลย เพราะเขาสามารถปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ด้านหลังของยอดฝีมือระดับหนึ่งคนหนึ่งอย่างไร้ซุ่มเสียง จากนั้นก็เสียบทะลุคนคนนั้นไปแล้ว
ท่านดยุกเห็นคนที่อยู่ข้างๆ ล้มลงไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามไปว่า “แกเป็นใคร?”
จากนั้นคนสวมหน้ากากก็ไม่ได้ตอบคำถามของท่านดยุก แต่กลับหันมาพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เรามาร่วมมือกัน ฆ่ามันซะ!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้ลงมือในทันที เขาก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน
คนคนนี้คือใครเขาก็ยังไม่รู้ ที่สำคัญ ถ้าต้องการลอบสังหารท่านดยุกละก็ เมื่อกี้เขาก็สามารถลอบฆ่าท่านดยุกได้เลย แบบนั้นมันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้แสดงความสงสัยในใจออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจุดประสงค์ของคนสวมหน้ากากจะเป็นอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็ฆ่าลูกน้องของท่านดยุกไปแล้วคนหนึ่ง แต่ถ้าต้องการหลอกล่อให้เขาลงมือกับท่านดยุกละก็ มันก็ดูจะโจ่งแจ้งไปหน่อยนะ
ถ้ามองจากมุมนี้ คนสวมหน้ากากนั่นน่าจะมาช่วยเขาจริงๆ
ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยพูดพร้อมกับพยักหน้า “ตกลง!”
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พุ่งเข้าใส่ท่านดยุกอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“มาได้จังหวะพอดีเลย!”
ท่านดยุกตะโกนใส่ไป๋ยี่เฟย
แต่พอเขาตะโกนเสร็จ เขากลับหันไปลงมือกับคนสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ด้านหลัง
พอคนสวมหน้ากากเห็นเข้าก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็รีบถอยหลัง เขาไม่ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับท่านดยุกตรงๆ
จะว่าไปคนพวกนี้ต่างก็เจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น ท่านดยุกทำทีว่าจะสู้กับไป๋ยี่เฟย แต่ความจริงแล้วเขากลับหันไปโจมตีใส่คนสวมหน้ากากแทน และคนสวมหน้ากากก็เหมือนจะรู้แผนการของท่านดยุกไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงถอยหลังไปพร้อมกัน จึงสามารถหลบฝ่ามือของท่านดยุกไปได้
ในเวลาเดียวกัน คนสวมหน้ากากก็มาถึงตัวของลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งอีกคน แล้วแทงมีดลงไป
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยได้มาถึงที่ด้านหลังของท่านดยุกแล้ว เขาซัดฝ่ามือไปที่กลางหลังของท่านดยุก
แต่ท่านดยุกก็ได้หมุนตัวอย่างฉับพลัน ใช้มือข้างหนึ่งจับแขนของไป๋ยี่เฟยเอาไว้ บังคับให้การโจมตีของเขาเปลี่ยนไปอีกทาง ส่วนมืออีกข้างก็โจมตีใส่ใบหน้าของไป๋ยี่เฟย
ถึงท่านดยุกจะอ้วน แต่เขาก็เร็วมาก
พอมือของไป๋ยี่เฟยถูกเปลี่ยนทิศ จึงรีบเก็บพลังอ้านจิ้ง แล้วใช่ท่าแนบพิงตัวโจมตีใส่ท่านดยุก
แล้วฝ่ามือของท่านดยุกก็โจมตีไปโดนหัวไหล่ของไป๋ยี่เฟยแทน
“ตุบ!”
ในจังหวะที่โจมตีโดน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าเลือดลมของตัวได้นั้นแปรปรวนอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดตรงหัวไหล่ก็ได้แล่นเข้ามา จากนั้นเขาก็ได้กระเด็นออกไป
ส่วนท่านดยุกก็ทนไม่ไหวจนต้องถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็ล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะสรีระร่างกายของเขา
เขามองไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาที่แตกตื่น “นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน?”
ถึงแม้ไป๋ยี่เฟยจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ท่านดยุกก็ไม่ใช่ไม่ตอบสนองไปซะทีเดียว
เห็นได้ชัด ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางชนะเลย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง คนสวมหน้ากากก็สามารถจัดการกับยอดฝีมือระดับหนึ่งอีกคนได้อย่างง่ายดาย จากตรงนี้ก็สามารถยืนยันได้ว่า อย่างน้อยเขาก็เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลางคนหนึ่ง
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยคิดว่าถ้าพวกเขาร่วมมือกันละก็ ต้องฆ่าท่านดยุกได้แน่ ว่าแล้วเขาก็ตะโกนให้คนสวมหน้ากากว่า “น้องชาย เราโจมตีพร้อมกัน! ฆ่ามันซะ!”
คนสวมหน้ากากไม่พูดพร่ำทำเพลงยกมีดขึ้นมาแล้วโจมตีใส่ท่านดยุกทันที
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับมองเขาด้วยความประหลาดใจ