ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1013
เพราะปลายมีดของเขานั้นกำลังสั่น และขาทั้งสองข้างของเขาก็ยืนไม่ค่อยไหว เหมือนกำลังสั่น
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัย
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรพวกนั้น เขามาถึงตรงหน้าของท่านดยุกอย่างรวดเร็ว เขาอยากร่วมมือกับคนสวมหน้ากากล้อมหน้าล้อมหลังท่านดยุกไว้
แต่ท่านดยุกกลับดูไม่ร้อนรนเลย และยังหัวเราะเยาะไป๋ยี่เฟยด้วย “สุดท้าย แกก็ต้องเผชิญหน้ากับฉันคนเดียวอยู่ดี”
ไป๋ยี่เฟยพูด “เรามีกันสองคนนะ”
“ไม่” ท่านดยุกส่ายหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ “แค่แกคนเดียว”
พอได้ยินแบบนั้น ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกใจหายแล้วมองไปยังคนสวมหน้ากากที่อยู่ด้านหลังท่านดยุกโดยอัตโนมัติ
เท้าของคนสวมหน้ากากที่ตอนแรกไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่ตอนนี้เหมือนมันจะมั่นคงขึ้นแล้ว เขากระโดดมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง น้ำเสียงก็ดูแน่วแน่ขึ้น “สองคน!”
จากนั้นท่านดยุกก็ได้แย้งออกมาทันทีว่า “แค่คนเดียว!”
“แกกำลังกลัวฉัน” ท่านดยุกหันหลังให้คนสวมหน้ากาก โดยที่ไม่ได้เกรงกลัวเขาเลย และยังพูดจาเยาะเย้ยด้วย “ความกลัวแบบนี้เหมือนมันจะฝักลึกเข้าไปในกระดูกแล้วด้วย”
“ตั้งแต่แรก แกก็เอาแต่หลบฉัน เลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้ากับฉันตรงๆ แล้วการที่แกใส่หน้ากากไว้ แสดงว่าแกต้องเป็นคนที่ฉันรู้จัก แกรู้ดีว่าการที่จะฆ่าฉันนั้นมันยากมาก”
“หรือก็คือ แกไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะฆ่าฉันเลย ดังนั้น สำหรับฉันแล้ว แกก็เหมือนไม่มีตัวตนอยู่เลย”
คำพูดของท่านดยุกทำให้แน่วแน่ของคนสวมหน้ากากที่มีเมื่อกี้ได้หายไปอีกครั้ง มีดในมือก็เริ่มสั่น และเขายังก้าวถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวด้วย
ไป๋ยี่เฟยก็เห็นเหมือนกัน เขาขมวดคิ้ว “นี่สหาย นายน่าจะเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลาง ถ้าเราสองคนร่วมมือกันเราต้องฆ่ามันได้แน่ นายไม่ต้องกลัวไปหรอก”
แต่ท่านดยุกกลับขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ไม่ว่าแกจะพูดอะไร มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ความกลัวที่มันมีต่อฉันนั้นมันฝังลึกอยู่ในใจ มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”
“ยกตัวอย่างเช่นคนบางคนที่เธอรู้สึกกลัวจนชินไปแล้ว ต่อให้สีหน้าจะดูไม่มีอะไร แต่ในใจของเธอก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี และตอนที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เธอก็จะรู้สึกกลัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนไม่กล้าต่อต้าน”
“เธอยังไม่ได้เตรียมใจที่จะฆ่าฉันเลย แล้วจะไม่รู้สึกกลัวได้ยังไงล่ะ? ถูกมั้ยยีหยุน?”
สองพยางค์สุดท้ายของท่านดยุกทำให้คนสวมหน้ากากถึงกับสะดุ้ง มีดในมือของเธอหล่นลงกับพื้น
“แคร๊ง!”
ท่านดยุกยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วหันหลังไป จ้องมองยีหยุนที่กำลังสั่นไปทั้งตัว
ส่วนไป๋ยี่เฟยนั้นกลับกำลังทำหน้างง
ในตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังงงอยู่นั้นเอง คนสวมหน้ากากก็ได้ถอดหน้ากากของตัวเองออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามของเธอ
ไป๋ยี่เฟยเบิ่งตาโตทันที
นี่มันคนแจกไพ่คนสวยที่อยู่ในบ่อนไม่ใช่เหรอ?
ยีหยุนจ้องมองท่านดยุกด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด และพูดด้วยเสียงที่กลับมาเป็นปกติแล้ว “คุณ……รู้ได้ยังไง?”
ท่านดยุกขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เธอติดตามฉันมานานเท่าไหร่แล้ว? เธอรู้จักฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็รู้จักเธอมากเท่านั้น”
“คุณ! คุณหุบปากไปเลย!” สีหน้าที่ซีดเผือดของยีหยุนแดงก่ำขึ้นมา
พอท่านดยุกเห็นแบบนั้นก็ได้ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจอีกครั้ง “เธอหักหลังฉัน”
“แต่เธอรู้ดี ว่าฉันก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม”
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลายปีมานี้ ฉันทำอะไรเพื่อเธอบ้าง เธอเองก็รู้ ในสำนักยี่เหมินนี้ นอกจากฉันเธอก็คือคนที่มีอำนาจที่สุด”
“แล้วยังมีอะไรที่ทำให้เธอไม่พอใจอีก? ทำไมถึงต้องหักหลังฉันด้วย?”
ท่านดยุกจากที่เย็นชาตอนนี้เริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว
แต่แล้วยีหยุนก็ชูมีดขึ้นมาแล้วตะโกนไปว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว! หุบปาก! ไม่ต้องพูดอะไรอีก!”
ระหว่างที่พูดเธอก็แทงมีดไปทางท่านดยุก
ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าตอนที่ยีหยุนพุ่งเข้าใส่ท่านดยุกนั้นเธอกำลังหลับตาอยู่
ตอนที่ยีหยุนพุ่งมาถึงข้างหน้าท่านดยุก ทั้งๆ ที่อีกแค่นิดเดียวก็จะแทงโดนตัวท่านดยุกแล้ว แต่เธอก็ชะงักไปแวบหนึ่ง
และในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ยีหยุนก็ได้พลาดโอกาสไป ด้วยเหตุนี้เธอก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนอันมหาศาลอีกด้วย
ตอนที่ยีหยุนชะงักนั้นเธอก็ได้ลืมตาขึ้น แล้วก็ได้เห็นท่านดยุกที่อยู่ตรงหน้ากำลังยิ้มเยาะเย้ยเธออยู่
จากนั้น ท่านดยุกก็ซัดฝ่ามือใส่หัวไหล่ของยีหยุน
“ตุบ!”
“เอื๊อก!”
ยีหยุนกระเด็นออกไปทางด้านหลัง และยังกระอักเลือดออกมาด้วย
หลังจากที่ยีหยุนกระแทกพื้นก็อยากที่จะลุกขึ้น แต่พอเธอพยายามไปพักหนึ่งก็ลุกขึ้นไม่ไหว และยังกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
การโจมตีของยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูง ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลางก็ยังทนรับไม่ไหว
และไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนไป๋ยี่เฟย ที่ถึกทนได้ขนาดนั้น
ยีหยุนแสดงความไม่พอใจกับความจนปัญหาออกมาทางสายตา เธอจ้องมองไปยังท่านดยุก แล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ฉัน……จะฆ่าแก! จะฆ่าแก!”
แต่ว่า สำหรับท่านดยุกแล้ว มันไม่ได้มีความน่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ท่านดยุกไม่ได้สนใจยีหยุนเลย แต่เขากลับหันไปมองไป๋ยี่เฟย “ด้วยเหตุนี้ แกก็ยังมีแค่คนเดียวอยู่ดี”
“แกก็เห็นแล้วนี่ ว่ายีหยุนที่ฝีมืออยู่ในระดับเดียวกับแกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเลย แกเองก็ไม่ใช่”
“ตอนแรกฉันก็ตั้งใจที่จะจับเป็นแก แล้วส่งตัวไปให้ทางสหพันธ์วรยุทธ แต่พอเห็นยีหยุนก็น่าจะรู้ว่าเธอคงไม่ได้ขอความช่วยเหลือไปแน่ๆ”
“ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ที่สำคัญ……แกยังฆ่าลูกน้องของฉันไปมากขนาดนั้น ทำลายความพยายามตลอดหลายปีมานี้ของฉัน ความโกรธในครั้งนี้ ฉันทนกลืนมันลงไปไม่ได้แล้ว ดังนั้น……”
“ฉันจะไม่ส่งตัวแกให้ทางสหพันธ์วรยุทธ แต่ฉันจะฆ่าแกแทน!”
พอพูดถึงตรงนี้ ท่านดยุกก็หยุดชะงัก เหมือนนึกอะไรได้ “ส่วนคุณหนูใหญ่ตระกูลฉุงนั่น ยังไงก็ไม่ต้องส่งตัวแกไปแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องส่งเธอไปด้วยเหมือนกัน”
“อีกอย่างจีซือก็ถูกแกฆ่าไปแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นอีก เห็นแก่ที่เธอหน้าตาสวยงามขนาดนั้น ฉันจะเก็บเธอไว้ข้างกายแล้วกัน”
“และเอามาแทนที่ยีหยุนได้พอดีเลย”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ของท่านดยุกแล้ว จากคิ้วที่ขมวดกันเป็นปม ตอนนี้มันก็ได้คลายออก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยค่อยๆ เข้าในสถานการณ์ขึ้นมา ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้นแล้ว
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆ เดินไปทางท่านดยุก
ท่านดยุกมองมาที่ไป๋ยี่เฟย ถึงสีหน้าจะดูนิ่งมาก แต่ในแววตาของเขาก็มีรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมแอบแฝงอยู่
ไป๋ยี่เฟยกับท่านดยุกอยู่ห่างกันราวๆ เจ็ดแปดเมตร ไป๋ยี่เฟยไม่ได้เดินไปข้างหน้า เขาแค่ยิ้มเยาะเย้ยออกมาเท่านั้น
จากนั้นก็อ้อมไปทางซ้ายของเขา เดินไปทางด้านหลังของเขาโดยรักษาระยะห่างระดับนี้เอาไว้
พอเห็นแบบนั้น รูม่านตาของท่านดยุกก็หดเล็กลง รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งเกร็งไปด้วย
เขามองหน้าไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่แตกตื่น
ไป๋ยี่เฟยเดินอ้อมท่านดยุกจนมาถึงข้างๆ ยีหยุน จากนั้นก็พยุงเธอให้ลุกขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนต่างก็มีอดีตที่ยากลำบากกันทั้งนั้น และสิ่งที่คุณต้องเผชิญหน้าก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวคุณเอง”
“ถ้าคุณสามารถก้าวผ่านตัวเองไปได้ แล้วคนอื่นยังจะพูดอะไรได้อีก?”
ยีหยุนจ้องมองไป๋ยี่เฟย ดวงตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมา
พอท่านดยุกเห็นแบบนั้น ก็ได้ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “นี่ยีหยุน เธอมันก็แค่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักของฉันเท่านั้น สำหรับฉันแล้ว อดีตของเธอนั้นมันช่างน่าสนุกเหลือเกิน”
“คิดดูสิว่าเมื่อก่อนเธอนั้น ไม่ว่าฉันจะสั่งให้เธอทำอะไร เธอก็จะทำ เธอไม่เคยต่อต้านฉันมาก่อน”
“แต่มาตอนนี้ เธอคิดว่าตัวเองมีความกล้ามากพอที่จะต่อต้านฉันแล้วใช่มั้ย?”
พอยีหยุนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอก็โกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอชูมีดขึ้นมา อยากที่จะพุ่งเข้าใส่ท่านดยุก
แต่แล้วไป๋ยี่เฟยก็ได้กดเธอเอาไว้ “ใจเย็นๆ ก่อน เขาตั้งใจที่จะยั่วยุเธออยู่”
ยีหยุนอึ้งไปชั่วขณะ แล้วจ้องหน้าไป๋ยี่เฟยด้วยความไม่เข้าใจ
แต่ท่านดยุกนั้นกลับทำสีหน้าเคร่งขรึม แววตายังดูตื่นตกใจด้วย
ไป๋ยี่เฟยมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “ท่านดยุก แกมันอ้วนเกินไป”
สีหน้าของท่านดยุกเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
ส่วนยีหยุนนั้นก็จ้องเขม็งไปที่ท่านดยุก แล้วพูดด้วยแววตาที่อาฆาตว่า “เขามันก็แค่ไอ้หมูอ้วน เห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยง!”
ไป๋ยี่เฟยพูดออกอย่างใจเย็นว่า “เขาอ้วนจนถึงขั้นใช้ชีวิตเองยังไม่ได้แล้ว แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างหมุนตัวก้าวเดินยังไม่สามารถทำได้เลย”
“ดังนั้น เขายังมีอะไรน่ากลัวอีก?”
ท่านดยุกรู้สึกโกรธมาก เขาพูดด้วยความโมโหว่า “แล้วมันจะทำไม? การที่ฉันคิดจะฆ่าพวกแก มันก็ยังเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่ดี!”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาเบาๆ “แล้วตอนที่ฉันเดินผ่านแกมา ทำไมแกถึงไม่จัดการฆ่าฉันซะล่ะ?”