ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1016
ไป๋ยี่เฟยรีบโยนหินก้อนนั้นออกไปข้างๆ
ร่างกายอันผอมบางของฉุงลี่ซือปรากฏอยู่ตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้เห็นฉุงลี่ซือที่กำลังหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นไปทั้งตัว เขาก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก
เขาเดินเข้าไปเพื่อที่จะอุ้มฉุงลี่ซือขึ้นมา แต่ร่างกายส่วนล่างของฉุงลี่ซือนั้นกลับถูกก้อนหินทับอยู่ พอเขาขยับ ฉุงลี่ซือก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เจ็บ……”
ไป๋ยี่เฟยรีบหยุดลงทันที จากนั้นก็ให้กำลังใจเธอเบาๆ ว่า “คุณช่วยอดทนก่อนนะ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณออกมาเอง คุณต้องไม่เป็นไร”
แต่ฉุงลี่ซือนั้นกลับเงยหน้าขึ้นมามองไป๋ยี่เฟย แล้วพูดด้วยเสียงที่สั่นเคลือว่า “ฉันอยากเป็นภรรยาของคุณ……”
ไป๋ยี่เฟยแสร้งพูดอย่างโมโหว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาพูดจาเลอะเทอะนะ!”
ระหว่างที่พูด เขาก็ยกก้อนหินที่ทับอยู่บนต้นขาเธอออก
สีหน้าของฉุงลี่ซือซีดเซียวกว่าเดิม “มันเจ็บมาก……”
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว……”
แต่แล้ว หลังจากที่เขายกหินก้อนนั้นออก เขาก็ต้องช็อกกับสิ่งที่เห็น
ยีหยุนก็ได้เข้ามาช่วยเหมือนกัน แต่พอเธอได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องช็อกไปเหมือนกัน
“มันเจ็บมากเลย……” ใบหน้าของฉุงลี่ซือได้บูดเบี้ยวไปแล้ว เจ็บจนต้องกำแขนของไป๋ยี่เฟยแน่น เล็บที่ไม่สั้นไม่ยาวของเธอแทบจะจิกผิวหนังของเขาจนเป็นแผล
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร เอาแต่จ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความช็อก
ฉุงลี่ซือที่อยู่ใต้หินนั้นเหลือแค่ร่างกายส่วนบนเท่านั้น และร่างกายส่วนล่างก็ได้กลายเป็นเศษเนื้อที่เละเทะไปแล้ว ลำไส้ได้ไหลทะลักออกมาจากช่องท้อง
ภาพนี้ทำให้สมองของไป๋ยี่เฟยขาวโพลน
ฉุงลี่ซือยังคงจ้องมองไป๋ยี่เฟยด้วยความดื้อดึง “คิดดูดีๆ ……เป็น……ภรรยาของคุณ……”
เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็แทบไม่ได้ยินแล้ว
ไป๋ยี่เฟยรีบนั่งลงไปกอดฉุงลี่ซือเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน หัวของฉุงลี่ซือก็ได้ทิ้งตัวลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปทันที จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
“อ้า!”
เขาคำรามออกมา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา
ยีหยุนที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอามือขึ้นมาปิดปาก น้ำตาได้ไหลลงมาตามแก้มอย่างไร้ซุ่มเสียง
ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่ลงจอดเสร็จแล้ว
คนที่เดินอยู่หน้าสุดคือชายวัยกลางคนหัวล้านคนหนึ่ง ด้านหลังของเขายังมียอดฝีมือระดับหนึ่งอีกสามเดินตามมาด้วย
ชายหัวล้านนั่นเดินมาตรงหน้าซากประหลังหักพัง แล้วพูดด้วยท่าทางที่ยินดีว่า “ฉันยังนึกว่าซ่านโหยวคิดมากไปด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างแกจะไม่อยู่ที่เมืองหมังเฉิงจริงๆ!”
จากนั้นเขาก็หันมองไปยังไป๋ยี่เฟยที่อยู่ในซากประหักพัง แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ถ้าแกไม่อยากตายก็ยอมไปกับพวกเราดีๆ ซะ หรือว่าแกอยากตายตั้งแต่ตอนนี้เลย?”
พอยีหยุนได้เห็นชายคนนั้น เธอก็ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ
ชายหัวล้านที่อยู่ตรงหน้านั้นคือยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูง ที่สำคัญคือร่างกายของเขาก็ปกติเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ต่างจากท่านดยุกที่ไม่สามารถเดินเองได้
แต่ภายในซากปรักหักพังนั้น ไป๋ยี่เฟยที่กำลังสวมกอดฉุงลี่ซืออยู่ทำราวกับพวกเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย
เขาในตอนนี้ ในหัวคิดถึงแต่ตอนที่เขากับฉุงลี่ซือได้รู้จักกัน
รวมถึงตอนหลังที่เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับจีซือ ตอนที่พวกเขาหลบหนีอยู่กลางทะเล
เขาแบกฉุงลี่ซือที่เสื้อผ้าขาดลุ่ยเดินผ่านกลางป่า
นอนเบียดกับเธอบนเตียงที่เล็กจ้อย
เธอโวยวายอย่างเอาแต่ใจใส่เขา ส่วนเขาก็ตำหนิเธอเสียงดัง
คนนั้นไม่ใช่สัตว์เลือดเย็น เมื่อได้รู้จักกันแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกันบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวทั้งหมดนี้มันเป็นแผนที่วางไว้เพื่อเขาอยู่แล้ว ฉุงลี่ซือเป็นแค่คนที่ถูกดึงเขามาเกี่ยวด้วยเท่านั้น และฉุงลี่ซือนั้น เมื่อก่อนเป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แต่กลับต้องมาลำบากไปพร้อมกับเขา
ไป๋ยี่เฟยนั้นรู้สึกแย่มาโดยตลอด
เขายังคิดว่าจะต้องพาเธอกลับไปยังแผ่นดินใหญ่อย่างปลอดภัยให้จงได้ แบบนี้ อย่างน้อยเขาก็พอจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
แต่มาตอนนี้……
“เฮ้ย ตกลงนี่แกได้ยินที่ผู้อาวุโสของเราพูดอยู่รึเปล่า?”
ลูกน้องของชายหัวล้านนั่นก้าวออกมา แล้วตวาดใส่ไป๋ยี่เฟย
ส่วนดวงตาของไป๋ยี่เฟยนั้นค่อยๆ แดงขึ้นตามความทรงจำที่แล่นเข้ามา
ดวงตาของเขาแดงก่ำ
ไป๋ยี่เฟยนั้นสั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเขาได้มาถึงที่ขั้วโลกใต้ แล้วถูกคนจับโยนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง
ส่วนชายหัวล้านที่เห็นว่าเขากำลังตัวสั่น จึงเข้าใจว่าเขากำลังกลัว จึงได้หัวเราะเยาะออกมา “รู้จักกลัวแล้วสินะ?”
จากนั้นเขาก็หันไปถามยีหยุนว่า “แล้วท่านดยุกไปไหนแล้ว?”
ยีหยุนในตอนนี้หน้าซีดจนน่ากลัว เธอส่ายหน้าอย่างอัตโนมัติ
“ผมอยู่ตรงนี่!”
เสียงของท่านดยุกดังมาจากในที่ไม่ไกล
ยีหยุนรู้สึกตกใจรีบมองขึ้นไป แล้วเห็นท่านดยุกถูกลูกน้องสองคนพยุงไว้ และค่อยๆเดินมาทางนี้
พอเดินมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว ท่านดยุกก็จ้องมองยีหยุนอย่างไม่ชอบใจ “คนทรยศ! แม่งทำฉันเกือบตายเลย!”
ส่วนยีหยุนนั้นกลับตกใจอย่างถึงที่สุด “ทำไมคุณถึง……” ยังไม่ตาย?
ยีหยุนยังไม่ทันได้พูดจบ ร่างกายก็เริ่มสั่น เพราะนั่นคือความกลัวที่เกิดขึ้นจากสันชาติตยาน
ชายหัวล้านมองดูสภาพของท่านดยุกทีหนึ่งแล้วได้หัวเราะออกมา “คุณนี่มันลำบากจริงๆ เลยนะ!”
พอท่านดยุกได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเสียหน้ามาก จึงได้หันไปต่อว่ายีหยุนอีกครั้ง “แม่งอยากจะฆ่าฉันด้วยระเบิดอย่างนั้นเหรอ? ยังดีที่ตอนนั้นฉันไม่ได้แตกตื่นจนขาดสติไป ฉีกกางเกงออกมาใช้เป็นพลังอ้านจิ้ง แล้วเหวี่ยงระเบิดให้ไกลออกไปสิบกว่าเมตร ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอก็คงจะทำสำเร็จไปแล้ว!”
พอยีหยุนได้ยินแบบนั้นแววตาก็แสดงหวาดกลัวออกมาทันที เธอหมุนตัวแล้วคิดจะวิ่งหนีทันที
แต่พอเธอเพิ่งหมุนตัวไป ชายหัวล้านก็ได้ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาซัดฝ่ามือไปที่กลางหลังเขายีหยุน
“ตุบ!”
ยีหยุนถูกซัดจนกระเด็นไปที่ซากปรักหักพัง
จากนั้นชายหัวล้านก็หันไปพูดกับท่านดยุกว่า “จะให้ผมช่วยคุณจัดการคนทรยศนั่นแทนมั้ย?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ตรงซากปรักหักพังก็ได้มีเสียงคำรามที่แหบซ่านดังขึ้น
“ไปตายให้หมด!”
“ไปตายให้หมด!”
“ตาย!”
ระหว่างที่ไป๋ยี่เฟยคำรามออกมาทีละครั้งนั้น เขาก็ได้เงยหน้าขึ้น
ดวงตาสีเลือดของเขาจ้องเขม็งไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ วางฉุงลี่ซือลง แต่ระหว่างนั้น ดวงตาสีเลือดของเขาก็ได้ปรากฏความอ่อนโยนที่ยากจะสัมผัสได้ออกมา
และความอ่อนโยนนั้นก็ปรากฎออกมาเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่เลย
เขาค่อยๆ ยืนขึ้นอีกครั้ง แล้วเดินไปทางคนกลุ่มนั้นทีละก้าวทีละก้าว
ทุกคนที่เห็นไป๋ยี่เฟยในสภาพนั้น ก็เงียบกันไปในทันที
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนพวกเขาจะรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบๆ นั้นลดต่ำลง จนรู้สึกหนาว
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าของไป๋ยี่เฟย
พวกเขาถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
แต่ว่านี่มันเป็นแค่การตอบสนองของพวกลูกน้องเท่านั้น ยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูงอย่างชายหัวล้านกับลูกน้องสามคนของเขากลับไม่รู้สึกกลัวเลย
สาเหตุหนึ่งคือฝีมือที่ตัวเองมี ส่วนอีกสาเหตุก็คือพวกเขาเป็นคนของสหพันธ์วรยุทธ พวกเขาคิดว่ามีแค่พวกแดนเทพยุทธ์เท่านั้นถึงจะทำให้ตัวเองรู้สึกกลัวได้
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่รู้สึกกลัวไป๋ยี่เฟยที่อยู่ในสภาพนี้เลย ท่านดยุกเองก็ไม่ได้กลัว เขาคือยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นสูงส่วนไป๋ยี่เฟยนั้นเป็นแค่ยอดฝีมือระดับหนึ่งชั้นกลางเท่านั้น มันจึงไม่มีความจำเป็นเลย
มีคนพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ “จิตสังหารอันนี้รุนแรงจริงๆ!”
ท่านดยุกจึงได้ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจทีหนึ่ง “จิตสังหารรุนแรงแล้วมันจะยังไง? ถ้าฝีมือไม่ถึง ก็ต้องตายอยู่ดี!”
ชายหัวล้านนั้นสีหน้าแทบไม่เปลี่ยนไปเลย และได้ถามท่านดยุกไปอย่างสบายๆ ว่า “ทางคุณนั้นเสียหายหนักเกินไปแล้ว ผมจะให้โอกาสคุณสักครั้งเอามั้ย? ความชอบในครั้งนี้ผมยกให้”