ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1026
หลงหลิงหลิงไม่สบายใจเป็นอย่างมาก หวังเจียจุ้นเห็นเธอเป็นสิ่งของ จึงอดเยาะหยันไม่ได้ว่า “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? เอาตัวเองเป็นใหญ่เกินไปหน่อยมั้ง!”
หวังเจียจุ้นยิ้มบางๆ กล่าวว่า “แต่ทุกคนที่มาแย่งของกับฉัน ล้วนไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว!”
หลงหลิงหลิงทำสีหน้าไม่น่าดูขึ้นมา
คำพูดนี้ของเขาชัดเจนว่าเป็นการข่มขู่
ซึ่งหลงหลิงหลิงยังไม่อาจเข้าใจได้ “คุณชายหวัง ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ผู้หญิงที่สวยกว่าฉันมีมากมาย ถึงขนาดที่ว่าผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งมีภูมิหลังก็มีมากเช่นกัน ทำไมถึงจะต้องเป็นฉันให้ได้ด้วย?”
หวังเจียจุ้นส่ายหน้าเล็กน้อย ยิ้มกล่าวอีกว่า “ใช่ที่ผู้หญิงหน้าตาสวยมีมากมาย ใช่ที่ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งมีภูมิหลังก็มีมากมายเช่นกัน แต่ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งแถมยังมีคุณค่ากลับมีไม่มาก”
หลงหลิงหลิงขมวดคิ้ว
หวังเจียจุ้นยิ้มอธิบายว่า “คุณควรรู้ไว้ ตระกูลเย่แห่งสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง พวกเขาทำธุรกิจอยู่ที่มณฑลเป่ยไห่แต่ถูกตระกูลหวังของเราทำลายเสียย่อยยับ”
“ซึ่งเป้าหมายต่อไปของผม ก็คือเฟยเสว่กรุ๊ป”
“ผมคิดว่าไม่ต้องให้ผมพูดมาก คุณก็น่าจะรู้ว่าจุดจบของเฟยเสว่กรุ๊ปย่อมจะเหมือนกับเย่ซื่อกรุ๊ป”
“ดังนั้นนะ หลิงหลิง หากคุณแต่งให้ผมก็คือคนของผม อนาคตเฟยเสว่กรุ๊ปล้ม คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตกงานแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไม่เพียงแค่นี้ หลังคุณแต่งให้ผมแล้ว พวกเรายังสามารถร่วมมือกัน นำเจ้านายของคุณ ที่ชื่อไป๋ยี่เฟยอะไรนั่นมาทำลายให้ย่อยยับ”
“แบบนี้มันดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
หลงหลิงหลิงมองหวังเจียจุ้นด้วยความตกตะลึงเต็มใบหน้า
ที่เธอคิดไม่ถึงคือความทะเยอทะยานของตระกูลหวังถึงกับใหญ่โตขนาดนี้ ทำกับเย่ซื่อกรุ๊ปไปแล้ว ยังต้องการจะกดเฟยเสว่กรุ๊ปให้ตกต่ำอีก
ถึงขนาดที่ว่าพูดออกมาต่อหน้าเธอโดยตรง
หลังหลงหลิงหลิงได้สติคืนมายังคงเอ่ยขึ้นอย่างโมโหว่า “พวกเรากับเย่ซื่อกรุ๊ปไม่เหมือนกัน คุณมั่นใจในตัวเองเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
หวังเจียจุ้นใบหน้ายังคงเจือรอยยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร คุณยังไม่รู้จักผมดี และไม่รู้จักตระกูลเราดี”
“ในสายตาของพวกคุณ เกรงว่าคงรู้จักแต่สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง กลับไม่เคยได้ยินตระกูลหวังของพวกเรา”
“ในความเป็นจริงบางสิ่งล้วนลอยอยู่บนผิวน้ำ พวกคุณเพียงกลัวสิ่งเหล่านั้นที่ดำรงอยู่บนผิวน้ำของคุณ แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่ลับต่างหากถึงจะทำให้คนหวาดกลัวที่สุด”
“อีกทั้งของอย่างวงศ์ตระกูลนี้ ที่เห็นไม่ใช่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่เป็นรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ของวงศ์ตระกูลต่างหาก”
หวังเจียจุ้นพูดคำเหล่านี้ไม่สนใจโดยสิ้นเชิงว่า ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนจะได้ยินหรือไม่
แต่ในความเป็นจริง หลังไป๋ยี่เฟยฟังจบกลับตกใจอย่างมาก
ก็เหมือนกับมหาสมุทร สิ่งที่อยู่บนผิวทะเลเพียงพอจะทำให้คนหวาดกลัวแล้ว แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ก้นทะเลต่างหากจึงจะทำให้คนหวาดกลัวมากที่สุด
เช่นนี้พูดได้ว่า หวังเจียจุ้นมีความเป็นไปได้ว่ามาจากตระกูลที่ปลีกตัวจากโลกภายนอกโดยหลบซ่อนอยู่ในที่ลับ
แต่เขาก็สงสัยขึ้นมาอีกว่า ในเมื่อซ่อนอยู่ในที่ลับมาตลอด แล้วทำไมตอนนี้ถึงเลือกจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ?
หรือว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกว่าควรปรากฏตัวได้แล้ว?
หลงหลิงหลิงกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เพียงรู้สึกว่าหวังเจียจุ้นอวดดีมาก จึงกล่าวเสียงเย็นว่า “ฉันไม่มีทางหักหลังเจ้านาย!”
หลังพูดจบเธอก็ยืนขึ้น เตรียมจะจากไป
เวลานี้ บอดี้การ์ดของคุณชายหวังก็เดินหน้าขึ้นมา ยื่นมือขวางหลงหลิงหลิงไว้
หลงหลิงหลิงสีหน้าพลันเปลี่ยนไป พูดเสียงโกรธว่า “หมายความว่ายังไง?”
หวังเจียจุ้นยิ้มบางๆ พูดว่า “ผมบอกแล้วไง บนโลกนี้ขอเพียงเป็นสิ่งที่ผมถูกใจ ก็ไม่มีใครกล้าแย่งกับผม”
“ยังมีอีกคือ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธผมเช่นกัน”
หลงหลิงหลิงได้ยินเช่นนี้ในใจก็กระวนกระวายขึ้นมา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ในที่สุดหวังเจียจุ้นก็วางแก้วไวน์ลง แล้วใช้ผ้าเช็ดปากผืนหนึ่งเช็ดที่มุมปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินมายังหลงหลิงหลิง พูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสเป็นอย่างยิ่งว่า “ในเมื่อคุณไม่ตอบรับความรู้สึกผม อย่างนั้นก็มีเพียง……”
“ใช้กำลังบังคับแล้ว”
“คุณ!” หลงหลิงหลิงพลันเบิกตากว้าง ขณะเดียวกันใบหน้าก็ถูกทำให้อับอายจนขึ้นสี
หวังเจียจุ้นยืนอยู่ตรงหน้าหลงหลิงหลิง ยื่นสองนิ้วออกมาต้องการจะลูบคางของหลงหลิงหลิง หลิงหลิงคิดจะหลบโดยสัญชาตญาณ แต่ตอนที่นิ้วของหวังเจียจุ้นแตะถูกคางของเธอนั้น เธอกลับพบว่าเธอขยับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ในดวงตาของหลงหลิงหลิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “คุณจะทำอะไร? พี่ชายฉันยังอยู่ที่นี่นะ!”
พอหวังเจียจุ้นได้ยินคำว่าพี่ชาย ในที่สุดก็ทอดสายตามามองที่ไป๋ยี่เฟยได้เสียที
ไป๋ยี่เฟยเองก็ยืนขึ้นมาหยุดตรงหน้าหลงหลิงหลิงแล้วเช่นกัน เขามองหวังเจียจุ้นอย่างเย็นเยียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เอาอุ้งเท้าของแกออกไป!”
หวังเจียจุ้นเพียงเหลือบมองไป๋ยี่เฟยแวบหนึ่งอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็ตำหนิว่า “หลิวเตา แกมันเลี้ยงเสียข้าวสุกใช่ไหม?”
หลิวเตาพลันตกใจจนตัวสั่นคราหนึ่ง จากนั้นก็รีบวิ่งมาที่นี่ต้องการจะผลักไป๋ยี่เฟย “ไอ้หนูฉันแนะนำว่านายจงไปจากที่นี่จะดีกว่า อย่ารบกวนเรื่องดีของคุณชายเรา ไม่อย่างนั้นนายจะแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว!”
“คุณชายของเราถูกใจน้องสาวนายได้ นั่นเป็นความโชคดีของเธอ นายควรดีใจ หากรู้สถานการณ์ ก็รีบไปจากที่นี่ซะ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากพูดไร้สาระกับหลิวเตา จึงไม่สนใจเขา แต่ดึงหลงหลิงหลิงมาไว้ที่ด้านหลังตนเองแทน
หลงหลิงหลิงมองเงาร่างสูงใหญ่ของไป๋ยี่เฟย หัวใจก็เต้นระรัวไม่หยุด
และในเวลานี้จู่ๆ เธอก็รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
อันที่จริงหากนับดูแล้ว หลงหลิงหลิงถึงจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่มีใจให้ไป๋ยี่เฟย
เวลานั้นท่าทีที่หลี่เสว่มีต่อไป๋ยี่เฟยเป็นเพียงการยอมรับในโชคชะตา ไม่ได้มีใจให้ไป๋ยี่เฟย
แต่สุดท้ายเธอก็มองดูไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่รักกัน ต่อมาก็มองดูหลิวเสี่ยวอิงกับเขาพัวพันอยู่ด้วยกันอีก มีเพียงเธอที่ได้แต่ใช้ฐานะลูกน้องคนหนึ่งอยู่ข้างกายเขา
ดังนั้นเธอจึงไม่ยินยอมอย่างมากจริงๆ
ทว่าเรื่องความรักบนโลกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด และไร้เหตุผลที่สุดเช่นกัน จึงไม่อาจใช้ก่อนหลังมาเปรียบเทียบกันได้
หลังหลิวเตามองเห็นไป๋ยี่เฟยดึงหลงหลิงหลิงออกมา ก็ถลึงตาต้องการจะตบไป๋ยี่เฟย “แกฟังภาษาคนไม่ออกใช่ไหม?”
เวลานี้ จู่ๆ เงาร่างอีกสายหนึ่งก็ปรากฏอยู่ข้างกายเขา
“พลั่ก!”
มือของหลิวเตาไม่ได้ตกบนร่างของไป๋ยี่เฟย แต่ถูกฝ่ามือหนึ่งของยีหยุนตบจนล้มไปกับพื้นแทน
“โอ๊ย!”
เขากุมหน้าไว้เจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว สมองก็มึนงงเล็กน้อย รอจนกว่าเขาจะดิ้นรนจนลุกขึ้นมาได้ไม่ง่ายเลย จึงชี้นิ้วไปที่ยีหยุน “แกถึงกับกล้าตบฉัน!”
“คุณชาย!”
หวังเจียจุ้นหันศีรษะไปมอง ถามยีหยุนเสียงเย็นว่า “คนของตระกูลหวังแกกล้าแตะต้อง?”
“มีอะไรไม่กล้า?” ยีหยุนแค่นเสียงเบา
หวังเจียจุ้นถูกตอกจนหน้าหงาย
แต่ไหนแต่ไรมาล้วนอยู่บนจุดที่สูงส่ง ไม่เคยมีใครกระด้างกระเดื่องแบบเธอ ดังนั้นตอนที่พบเจอการถูกคนกระด้างกระเดื่องเป็นครั้งแรก จึงถึงกับชะงักไป
เวลานี้ ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งที่อยู่ด้านหลังเขาก็เดินเข้ามา ขวางพวกไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนไว้
หลังหวังเจียจุ้นได้สติก็เยาะหยันว่า “พวกแกช่างอวดดีนัก!”
“แกก็อวดดีมากเหมือนกัน!” ยีหยุนตอบอย่างเหยียดหยาม
ยีหยุนมีฝีมือพอตัว เธอมีต้นทุนที่อวดดีได้ อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอกลัวท่านดยุกคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ เธอไม่กลัว
หวังเจียจุ้นเห็นเช่นนี้ ก็เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ยังคงพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “จะอวดดีก็ต้องมีต้นทุนในการอวดดีได้!”
“ไม่มีต้นทุนในการอวดดีนั่นเรียกว่าโง่เขลา!”
ประโยคนี้พูดได้ถูกเผง
แต่สำหรับไป๋ยี่เฟยและพวกเขาแล้วไม่มีประโยชน์อะไร
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างกายหวังเจียจุ้นเป็นเพียงยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นต่ำเท่านั้น ไป๋ยี่เฟยกับยีหยุนเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นกลาง
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเพียงอยากจะดูว่าตระกูลหวังนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ จึงไม่อยากทะเลาะกับพวกเขา อย่างไรกลับไปให้จางหัวปินสืบดูก็รู้แล้ว
“อย่าเสียเวลากับพวกเขาอยู่ที่นี่เลย พวกเราไปกันเถอะ” ไป๋ยี่เฟยจับข้อมือหลงหลิงหลิงไว้แล้วพูดกับยีหยุน
ยีหยุนใช้สายตาเย็นชามองคุณชายหวังแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินตามไป๋ยี่เฟยไป
ต่อมาพวกเขาก็ถูกบอดี้การ์ดที่เป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งสองคนนั้นขวางไว้อีก
หวังเจียจุ้นพูดอย่างหยิ่งยโสเป็นอย่างมากว่า “ใครอนุญาตให้พวกนายไป?”
“ฉันบอกแล้วไง บนโลกนี้ไม่มีใครสามารถปฏิเสธฉันได้!”
“คิดว่าตัวเองมีฝีมือนิดหน่อยก็มีต้นทุนที่จะอวดดีแล้วเหรอ? ฉันจะบอกพวกนายให้ ความสามารถในการเตะต่อยแค่นั้นของพวกนาย ไม่เข้าตาคุณชายอย่างฉันเลยสักนิด!”