ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1033
จางหัวปินสามารถตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดได้ทุกเส้นทางบนท้องถนน ถึงแม้ตระกูลหวังจะหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด
แต่ว่าพวกเขาจับตัวหลงหลิงหลิงไป ยังไงก็ต้องมีร่องรอยเบาะสายอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งเขาสามารถนำหลักฐานเล็กๆน้อยๆพวกนั้นมาวิเคราะห์อีกทีได้
และแล้วหลังจากที่ไป๋ยี่เฟยหันหลังกลับไป สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ประตูคฤหาสน์ แต่เป็นกำแพงที่สูงจนทะลุก้อนเมฆ ตัวกำแพงไม่มีประตูอยู่เลยด้วยซ้ำ
ไป๋ยี่เฟยผงะไปอย่างกะทันหัน
และชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋ยี่เฟยก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “คุณไป๋ ถึงแม้ดาบเล่มนั้นของคุณจะแปลกและเป็นเอกลักษณ์มาก แต่ถ้าคุณจะจัดการเฒ่าแก่อย่างฉัน มันยังรุนแรงไม่มากพอ”
“มีเรื่องบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนไปแก้ไขได้อีกเช่นกันและเจ้าบ้านตระกูลของเราก็อยากทำงานร่วมกันกับคุณให้สำเร็จ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานกัน แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากมีปัญหาที่รุนแรงกับคุณ”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมลืมบอกกับคุณ ผมคืออาจารย์ตั้งค่าย”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้ากลับไปเขาจำได้ว่าซาเฟยหยางเคยบอกกับเขาว่า บนโลกใบนี้นอกจากจะมีผู้ฝึกฝนวรยุทธแล้ว ยังมีอาจารย์ตั้งค่ายอาจารย์ฮวงจุ้ยและอาจารย์เวทมนต์
แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญและยอดฝีมือแบบหลังๆมีน้อยมาก ถึงแม้ระดับศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาจะอยู่ไม่สูง แต่ความสามารถในการต่อสู้ไม่ได้อ่อนไปกว่ากันแต่อย่างใดเลย เพราะพวกเขาสามารถใช้ความสามารถเฉพาะกายมาต่อสู้ได้
ก็เหมือนกับเมื่อกี้นี้การโจมตีของไป๋ยี่เฟยที่ชายชราสามารถรับไว้ได้นั้น คาดว่าเขาต้องใช้พลังเวทย์บางอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ไป๋ยี่เฟยจะไปสงสัยเรื่องพวกนี้ เขาพูดอย่างลุกลนว่า “ปล่อยฉันออกไป!”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือกำแพงที่ทั้งสูงทั้งหนา พอได้ทำการใช้หมัดชกใส่ทีนึง แต่กำแพงนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นเลย
“คุณไป๋อยู่ที่ต่อดีกว่านะครับ หลังจากที่ฟ้าสางผมจะปล่อยคุณออกไปเอง” ชายชรายิ้มพลางพูด “คุณไป๋ไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว คุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับคาถาเวทย์ คุณออกไปไม่ได้หรอก”
“ถึงแม้คุณจะเข้าใจจริง แต่ผมเชื่อว่าจากศักยภาพความสามารถของคุณในตอนนี้ แม้จะให้เวลาคุณทั้งชาติภพนี้คุณก็ออกไปไม่ได้หรอก”
ไป๋ยี่เฟยที่ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วรู้สึกโกรธมาก เขาจ้องเขม่นไปทางชายชรา
ชายชราอมยิ้ม “คุณไม่ได้เป็นห่วงครับ ผมรับประกันได้เลยว่าหลังจากที่ฟ้าสางผมจะปล่อยคุณออกไปเอง”
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจเมื่อได้ยินแบบนี้ก่อนจะพูด “ได้ สาเหตุที่หวังเจียจุ้นต้องตาหลงหลิงหลิงก็เป็นเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยผมไม่ใช่หรอ?”
“งั้นฉันจะบอกกับคุณตอนนี้เลยว่า ฉันได้ทำการไล่หลงหลิงหลิงออกแล้ว ถึงแม้หวังเจียจุ้นและหลงหลิงหลิงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ในทางกลับกันพวกคุณจะมีศัตรูเพิ่มอีกคนนึง”
“อยากเป็นศัตรูที่เอาเป็นเอาตายต่อกันหรือต่างคนต่างอยู่ คุณเลือกเองเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยเดาจุดประสงค์ของตระกูลหวังได้แล้ว ตระกูลหวังทำให้ตระกูลเย่ล้มละลายไปแล้ว จึงไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองรอดไปได้แน่นอน
พวกเขาก็แค่อยากฝืนบังคับให้มีความสัมพันธ์กับหลงหลิงหลิง ฝืนบังคับให้พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยจึงจะปฏิเสธเรื่องบางอย่างไม่ได้
สุดท้าย พวกเขาสามารถใช้ความสัมพันธ์ของหลงหลิงหลิง ค่อยๆกำจัดเฟยเสว่กรุ๊ป
แต่ทว่าถ้าพวกเขาอยากทำเรื่องพวกนี้ให้สำเร็จ ก่อนอื่นหลงหลิงหลิงต้องได้รับความสำคัญจากไป๋ยี่เฟยก่อน ไม่งั้นเรื่องทั้งหมดจะล้มเหลวทันที
เพราะฉะนั้นแล้วไป๋ยี่เฟยถึงได้บอกว่าได้ทำการไล่หลงหลิงหลิงออกแล้ว
แต่ชายชราแค่อมยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “คุณไป๋ครับ คุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
ไป๋ยี่เฟยย้อนถาม “ทำไมถึงไม่ใช่?”
ชายชรายิ้มพลางส่ายหน้าไปมา และรอยยิ้มนี้ยังเป็นไปด้วยความลึกลับอะไรบางอย่างอีกด้วย เขาบอกว่า “คุณไป๋ครับ มีเรื่องบางอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด อีกอย่างไม่ใช่ว่าคุณชายตระกูลเราดึงดันที่จะเอาหลงหลิงหลิง แต่เป็นเพราะเจ้าบ้านตระกูลของเราได้กำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นหลงหลิงหลิงคนเดียวเท่านั้น”
“แต่ว่าคุณชายเคยคิดเรื่องที่คุณบอกในเมื่อกี้นี้จริงๆ แต่เขายังไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เจ้าบ้านตระกูลหมายถึงทั้งหมด”
“คุณชายจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับหลงหลิงหลิงเท่านั้น นอกจากการได้ทำงานร่วมกันกับพวกคุณแล้ว แต่ยังทำเพื่อให้ตระกูลหวังของเราทำลายข้อห้ามด้วย”
“เรื่องนี้มีแค่หลงหลิงหลิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว
อะไรคือการทำลายข้อห้าม?
คำพูดของชายชราทำเขามึนงงไปทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยสัมผัสได้ถึงความลึกลับของตระกูลหวังอีกด้วย
การทำลายข้อห้ามมีแค่หลงหลิงหลิงคนเดียวเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้งั้นหรอ แล้วหลงหลิงหลิงมีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ายังไงไป๋ยี่เฟยก็ไม่อยากเห็นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจริง
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงต่ำ “ถึงแม้ฉันจะยังไม่ค่อยเข้าใจต่อสิ่งที่คุณพูดอย่างสมบูรณ์ แต่ฉันต้องห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้น”
สีหน้าอารมณ์ของชายชราเรียบนิ่งเหมือนเคย “แต่คุณไม่สามารถออกไปจากสนามนี้ได้ด้วยซ้ำ จะเข้าไปห้ามยังไง?”
“ไม่ใช่ว่าฉันหลงตัวเองหรอกนะ นักวรยุทธอย่างพวกคุณไม่เข้าใจค่ายมายาของฉันหรอก แม้ว่าท่านอาจารย์จื่ออีของคุณมาที่นี่ก็ไม่สามารถออกไปได้”
“ถึงแม้ทักษะเหล่านี้จะดูไม่โดดเด่น ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธอย่างพวกคุณก็ไม่แตะตาเช่นกันแต่ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ตั้งค่ายอาจารย์ฮวงจุ้ยหรืออาจารย์เวทมนต์ ก็สามารถฆ่าพวกคุณได้อย่างง่ายดาย”
“เพราะฉะนั้นแล้วอย่าเสียแรงเปล่าเลย คุณออกไปไม่ได้หรอกครับ!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกโมโหมาก ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูด เสียงโทรศัพท์ของชายชราก็ดังขึ้นมาก่อน
“คุณชายครับ เป็นไปตามที่คุณคาดหมายไว้จริงๆด้วยครับ บอดี้การ์ดของคุณได้เปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของคุณแล้ว เดี๋ยวผมจะช่วยคุณชายกำจัดคนที่ทรยศเอง”
“คุณชายครับ คุณสามารถเพลิดเพลินให้เต็มที่ได้เลยครับ มีผมอยู่จะไม่มีใครที่สามารถเข้าไปรบกวนคุณได้”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดสุดท้าย สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เพลิดเพลินให้เต็มที่!
เพลิดเพลินในเรื่องอะไรไม่ต้องพูดไป๋ยี่เฟยก็รู้เหมือนกัน
ไฟโกรธของไป๋ยี่เฟยพุ่งปรี๊ดถึงจุดสูงสุด สายตาของเขาแดงเถือกขึ้นมาภายในพริบตารังสีแห่งความอาฆาตในร่างกายพุ่งขึ้นมาหลายเท่าตัว
สีหน้าชายชราที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
และในตอนนี้เอง ไป๋ยี่เฟยหลับตาลงอย่างกะทันหัน
ตอนที่อยู่ในหนานเหมิน เขายังจำได้อยู่ว่าตัวเองได้ตกเข้าสู่สภาวะอีกบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นก็คือใช้ความรู้สึกของตัวเองไปสัมผัสสิ่งของต่างๆที่อยู่รอบกาย แต่ไม่ใช่ใช้สายตา
วินาทีที่เขาหลับตาลง เขาเห็นสีเลือดเป็นแผ่นกำแพงสูงที่อยู่รอบกายเขาหายไปแล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเป็นแค่กำแพงกั้นที่ธรรมดาๆ
มากไปกว่านั้นเขายังเห็นว่าในมือของชายชราที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล มีเส้นใยบางๆหลานเส้น และเหมือนบนเส้นใยจะมีเลือดเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเส้นใยอีกด้วย
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจขึ้นมาได้ภายในพริบตา
สาเหตุที่ชายชราใช้มือเข้ามาลากตัวเขาไว้ตลอด ทั้งหมดก็เป็นเพราะใช้เส้นใยพวกนี้ต้านรับกำลังแรงที่ปลดปล่อยออกมาจากไป๋ยี่เฟย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าศักยภาพความสามารถของชายชราไม่ได้อยู่ในระดับแดนเทพยุทธ์ เขาแค่ใช้เส้นใยพวกนี้มาลดพลังแรงของไป๋ยี่เฟยเท่านั้นเอง
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นในใจทีนึง “อาจารย์ตั้งค่าย ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากนิ!”
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ค่อยๆย่างเท้าเดินตรงเข้าไปหาชายชรา
เมื่อชายชราเห็นรังสีแห่งความอาฆาตที่เปี่ยมล้นไปทั่วทั้งตัวไป๋ยี่เฟย เขาก็ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย
ถัดจากนั้น ชายชราก็ค่อยๆคลายคิ้วออก พลางพูดอย่างเรียบนิ่ง “คุณไป๋ คุณไม่จำเป็นต้องโกรธมากขนาดนั้นหรอกครับ ในเมื่อคุณไม่สามารถออกไปจากสนามนี้ได้และไม่สามารถทำร้ายผมอีกด้วย เพราะเหตุใดถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยล่ะ?”
“อีกอย่างเดี๋ยวจะพักคุณชายตระกูลเราก็จะได้นอนบนเตียงเดียวกันกับคุณหญิงหลงหลิงหลิงแล้ว ถึงแม้คุณจะสามารถหลบหนีออกไปตอนนี้ได้ แต่ก็คงไปไม่ทันแล้วเช่นกัน”
ชายชราคิดว่าทั้งหมดกำลังถูกควบคุมอยู่ในกำมือของเขา เพราะไม่ว่ายังไงไป๋ยี่เฟยก็ไปไม่ทันแล้ว
และแล้วไป๋ยี่เฟยกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดว่า “หนี? ฉันไม่เคยบอก!”
หลังจากที่พูดจบ ไป๋ยี่เฟยใช้มีดฟันตรงเข้าไปทางชายชรา
ชายชราผงะเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ยี่เฟยจะโจมตีเขาอีกครั้ง
แต่เขารู้อยู่ว่าถึงแม้จะโจมตีแค่ไหนก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่ได้หรอก การที่โจมตีเขาอีกครั้งนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ?
เพราะฉะนั้นชายชราจึงหัวเราะอย่างมั่นใจ ก่อนจะพูดว่า “คุณไป๋ครับ ในเอกสารข้อมูลส่วนตัวของคุณบอกไว้ว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดมากๆ แต่ผมรู้สึกว่าคุณโง่เขลามากๆเลยเพราะเหตุใดถึงต้องทำเรื่องที่มันเสียแรงเปล่าด้วยล่ะ?”
จากการฟาดฟันตรงเข้าไปของดาบของไป๋ยี่เฟย ชายชรายื่นมือจะออกไปรับ
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพอดีเหมาะเจาะมาก เสียงที่ดังกระหึ่มส่งออกมาจากดาบเล่มใหญ่ก่อนที่ตัวดาบจะแตกสลายกลายเป็นแผ่นเหล็ก
ดาบที่แตกสลายเหมือนเป็นอาวุธลับ พุ่งตรงออกไปทั่วทุกทิศ
ชายชราตกตะลึง ก่อนจะรีบโบกสะบัดมือทั้งสองข้างของตัวเองไปมา อยากปัดเศษดาบที่พุ่งกระจายออกมาทิ้ง
และในตอนนี้เองสีหน้าอารมณ์ของไป๋ยี่เฟยตึงเครียดขึ้น ปล่อยฝ่ามือออกมาอย่างกะทันหัน ตบกระแทกลงบนหน้าอกของชายชรา
“อั่ก!”
ชายชรากระอักเลือดออกมาอย่างกะทันหัน ร่างกายก็เซถอยหลังกลับไปอย่างควบคุมไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยกลับก้าวเดินขึ้นไปหนึ่งก้าวในขณะที่ชายชรากำลังถอยหลัง เข้าไปบีบคอของชายชราไว้ ควบคุมกำลังภายในที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านในร่างกายของชายชรา
ชายชราถูกคนอื่นใช้แรงกดทับไว้ที่จุดสำคัญของร่างกาย ร่างกายสูญเสียกำลังภายในทำให้สูญเสียความสามารถในการขัดขืนไปอย่างสิ้นเชิง
ซาเฟยหยางเคยบอกไว้ว่าสายวิชาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทางอย่างพวกเขา เนื่องจากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากแต่อย่างใด อีกอย่างไม่สามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองขึ้นมาถึงระดับหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ทุกอย่างเหมือนที่ซาเฟยหยางเคยบอกไว้จริงๆ
ศักยภาพความสามารถของชายชราผู้นี้มากสุดก็แค่ระดับสองขั้นสูง
เขาก็แค่ใช้คาถาลดความเร็วในการโจมตีของไป๋ยี่เฟย จากนั้นค่อยใช้คาถาที่อยู่ในมือของตัวเองลดความแรงในการโจมตีของไป๋ยี่เฟย และจะทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเกรงกลัวศักยภาพความสามารถของเขาอีกด้วย