ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 11
บทที่ 11
แต่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ?
นี่มันโลกมหัศจรรย์หรอ?
หลี่เสว่นั่งในรถด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เห็นสัญญาเอกสารในมือ ในที่สุดจึงแน่ใจว่า เธอได้เจรจาทางการเงินจริงๆ
หลังจากรอให้ความรู้สึกภายในใจสงบลงอย่างสิ้นเชิง หลี่เสว่ก็ไม่ได้กลับไปที่บริษัท แต่มุ่งตรงกลับไปยังบ้าน
จากจุดเริ่มต้นที่ไป๋ยี่เฟยพยายามให้เธอร่วมมือกันเรื่องนี้ ฉะนั้นเธอจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไป๋ยี่เฟยอย่างแน่นอน เธอจึงอยากไปลองถามดู
หลังจากถึงบ้าน เป็นไปตามคาดว่าต้องพบไป๋ยี่เฟย เขากำลังทำอาหาร
ไป๋ยี่เฟยมองหลี่เสว่ ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณกลับมาแล้วหรอ? วันนี้กลับเร็วจัง?”
หลี่เสว่ตอบอืมมาคำนึง หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว กลับเข้าห้อง หลังจากนั้นก็มายังห้องครัว
มองภาพที่ไป๋ยี่เฟยกำลังยุ่งวุ่นวาย หลี่เสว่กล่าว: “วันนี้ฉันเจรจาทางการเงินสำเร็จแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะอย่างเย็นชา: “คุณอยากจะถามอะไรฉัน?”
“ทำไมคุณต้องพยายามให้ฉันไปร่วมมือกับบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปด้วย?” หลี่เสว่ถามออกมาตรงๆ
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจในสิ่งที่เธอถามทันที ดังนั้นจึงตอบกลับว่า: “ฉันมีเพื่อนนักเรียนคนนึงอยู่ในนั้น”
หลี่เสว่ได้ยินแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เพื่อนนักเรียนคุณมีตำแหน่งใหญ่โตมากเลยหรอ?”
“อื้ม” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ไม่ได้พูดถึงว่าอยู่ในตำแหน่งอะไรกันแน่
หลี่เสว่ร้องอ๋อ ไม่ได้ถามอะไรให้มากอีก แต่กล่าวว่า: “ขอบคุณนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ยี่เฟยมีเพื่อนนักเรียนอยู่ที่บริษัทโหวจวี๋กรุ๊ป เธอคาดว่าเดิมทีเธอคงเจรจาทางการเงินไม่สำเร็จ
ไป๋ยี่เฟยยิ้มๆ มองหลี่เสว่แล้วกล่าวว่า: “ฉันเป็นสามีคุณนะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”
หลี่เสว่หน้าแดง จ้องมองไป๋ยี่เฟยตาปริบๆ แล้วก็หันกลับเข้าห้องไป
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ใจเต้นตุบๆ สายตานั้นที่หลี่เสว่จ้องมองเขา ช่างน่ารักซะเหลือเกินจริงๆ
หลี่เสว่กลับไปยังห้อง คลำๆหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าวเล็กน้อยอย่างเขินอาย นึกถึงคำพูดไป๋ยี่เฟยเมื่อกี้นี้ ก็อบอุ่นภายในใจ
เช้าวันที่สอง คนของตระกูลหลี่รวมตัวกันที่ห้องประชุม
ทุกคนล้วนท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวด แค่คิดก็รู้แล้วว่า การเจรจาทางการเงินเมื่อวานไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก
โดยเฉพาะหลี่ฝาน
เดิมทีหลี่ฝานได้เจรจากับหลิ่วจาวเฟิงไว้อย่างดีแล้ว ผลสุดท้ายดีใจอย่างมาก เดิมทีวงศ์ตระกูลก็จัดการให้หลี่เสว่เข้ามาเจรจากับหลิ่วซื่อกรุ๊ป
ทันทีหลังจากที่หลิ่วจาวเฟิงรู้เรื่องนี้ก็โกรธเป็นอย่างมาก ยังบอกอีกว่า: “ให้หลี่เสว่มาเจรจากับฉัน นอกจากเธอแล้ว ฉันไม่เจรจากับใครทั้งนั้น! ฮึ! พวกคุณล้วนไม่มีคุณสมบัตินี้!”
เวลานี้หลี่ฝานโกรธจนหน้าเขียว อันที่จริงก็ถูกหลิ่วจาวเฟิงเชิญให้มา
จนกระทั่งหลังจากหลี่ฝานเห็นหลี่เสว่เดินเข้ามาในห้องประชุม ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโมโห จ้องมองหลี่เสว่อย่างจะฆ่าให้ตาย
“ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่อันตรายไปทุกชั่วขณะ ตอนนี้ทุกคนล้วนไม่สามารถเดินหมากได้ จะมีเพียงหลี่เสว่ก็เท่านั้นที่ยังผ่อนคลายสบายใจ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้เอาเรื่องบริษัทอาใส่ใจ เสียแรงที่บริษัทอุปถัมภ์ค้ำชูมาโดยตลอด ช่างใจคอโหดเหี้ยมเสียจริงๆ!”
เพราะด้วยความโกรธอย่างมาก หลี่ฝานจึงพูดไปอย่างไม่ปกปิดเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการขายหน้าเป็นอย่างมาก
คนทั้งห้องประชุมนี้ต่างก็ได้ยิน ทั้งหมดล้วนเคยเห็นแล้ว
นายท่านหลี่นิ่งเงียบ ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะน่าขายหน้าเป็นอย่างมาก เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไร
คนอื่นๆอีกหลายคนเห็นแบบนี้แล้ว ก็คิดว่านายท่านหลี่ยอมรับแต่โดยดี ต่างก็เริ่มเหน็บแนมหลี่เสว่กันอย่างเซ็งแซ่
“เชอะ! แน่นอนว่าต้องพาลรีพาลขวางอยู่แล้ว รู้ว่าเจรจาไม่สำเร็จ ก็เลยถือโอกาสให้ตนเองลอยนวลไปอย่างสบายใจ!”
“จะบอกฉันว่า หลี่เสว่สามารถไร้หัวจิตหัวใจแบบนี้ บางทีอาจจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้บริษัทอยู่ในสถานการณ์อะไร มิน่าล่ะถึงได้ยังเป็นแค่เพียงพนักงานตัวเล็กๆ!”
“ทุกๆอย่าง คือเธอไม่พอใจตระกูลหลี่! รู้สึกว่าตระกูลหลี่ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ยุติธรรม เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน ว่าฐานะตนเองเป็นอะไร?”
หลี่เสว่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน คำพูดที่เย็นชาเหล่านี้ เธอเคยชินเสียแล้ว
นายท่านหลี่ปรายตามองคนทั้งหมด กระแอมเบาๆทีนึง คนทั้งหลายจึงไม่ได้ยิน
“ต่างก็พูดถึงสถานการณ์เมื่อวานว่าเป็นยังไง?”
คำพูดจบลง ทุกคนล้วนไม่กล้าเงยหน้า เพราะว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยสักคน
เวลานี้ หลี่เสว่กล่าวอย่างนิ่งๆว่า: “คุณปู่ ผู้จัดการจางของอสังหาริมทรพย์หลันโปกั่งเห็นชอบในการจัดหาเงินทุน และยังอัดฉีดเงินอีกร้อยล้านอีกด้วย”
“เคล้ง!”
เสียงดังชัดเจนมาจากบนพื้น ถ้วยชาในมือของนายท่านหลี่หล่นลงบนพื้น แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายชิ้น
ผู้ช่วยให้คนเข้ามาทำความสะอาดทันที
คนทั้งหลายต่างก็มีท่าทีที่ตกตะลึง
“เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปได้ยังไง?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ฝานก็ดึงสติกลับมา กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า: “หลี่เสว่ คุณคิดว่าพอคุณพูดคำโกหกหลอกลวงแบบนี้ออกมาแล้วคิดว่าตนเองจะหลุดพ้นจากโทษของความผิดพลาดหรอ? หลันโปกั่งคือธุรกิจอะไร นั่นคือภายใต้การบริหารของบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ป แล้วอีกคือคุณมีฐานะอะไร เป็นพนักงานตัวเล็กๆคนนึง ยังจะมีหน้ามาหวังลมๆแล้งๆที่จะร่วมมือกับบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปหรอ?”
“ใช่ ทำไมบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปถึงยอมจัดหาเงินทุนได้ง่ายๆล่ะ? กิจการผลไม้หลี่ซื่อของพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ดูแล้วพวกเราล้วนไม่เข้าตา!”
“ชิ แต่มองก็รู้แล้วว่าพูดโกหก อย่าว่าแต่คนอื่นจะเต็มใจอัดฉีดเงินให้เลย ต่อให้เต็มใข จะเอาเงินร้อยล้านมาได้ยังไง?”
หลี่เสว่ขมวดคิ้ว หยิบสัญญาข้อตกลงออกมา “นี่คือเอกสารสัญญาของพวกเขา คุณปู่สามารถอ่านคร่าวๆได้ ผู้จัดการจางบอกว่าถ้ายืนยันแล้วว่าไม่มีผิดพลาด ก็ให้คนมานำกลับไปลงนามประทับตา”
ทุกคนนิ่งอึ้งไป
นายท่านหลี่รับเอกสารสัญญา
หลี่ฝานเห็นว่าสถานการณ์เร่งด่วน จึงกล่าวอย่างไม่ยินยอมว่า: “หลี่เสว่ คุณเอาเอกสารปลอมมาตบตาคน คุณเห็นว่าพวกเราโง่นักหรือไง?”
“ชิ! คนอื่นก็คือแสดงละครเจตนาหลอกลวงทั้งนั้น เอกสารสัญญาปลอมก็ต้องเตรียมมาแน่ๆ!”
“มีประโยชน์อะไร? ของปลอมทั้งนั้น แต่ไหนมาคนอื่นก็ไม่สามารถออกทุนได้!”
นายท่านหลี่ได้ฟังเสียงของทุกคน ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ความดีใจและตื่นเต้นในสายตานั้นยังไงก็ระงับเอาไว้ไม่อยู่ “ทุกคนหุบปาก!”
ทันใด ทุกคนก็เงียบสนิท และตกใจ
“หรือว่า เอกสารสัญญานี้เป็นของจริง?”
ทำไมนายท่านหลี่ถึงดูไม่ออกนะว่าเอกสารสัญญาว่าจริงหรือปลอม เพราะเป็นเช่นนี้ เขาจึงตื่นเต้นมาก จัดหาเงินทุนหนึ่งร้อยล้าน คนอื่นต้องการเพียงแค่แบ่งหุ้นส่วนจากตระกูลหลี่สิบเปอร์เซ็นต์ สำหรับตระกูลหลี่แล้ว มันก็เหมือนพายชิ้นใหญ่ชิ้นนึงจริงๆ หรือว่าไม่ต้องการเงินอะไรอย่างนั้น
หลี่ฝานกำมือแน่น ผิดหวังอย่างมาก ถ้ารู้มาก่อนว่าหลันโปกั่งเจรจาได้ง่ายดายขนาดนี้ เขาก็จะไม่ยอมแลกเปลี่ยน อย่าว่าแต่เขาจะถูกหลิ่วจาวเฟิงทำให้อับอายขายขี้หน้าเลย ยังถูกขับไล่ออกมาอีก!
หลังจากที่นายท่านหลี่ดูหลายรอบแล้ว ก็นำเอกสารสัญญาส่งให้หลี่เสว่อีกครั้ง ยิ้มด้วยความเมตตาและอ่อนโยนอย่างมาก “เสว่เอ๋อ” ครั้งนี้ทำได้ดีมาก นับแต่นี้ต่อไปคุณคือผู้รับผิดชอบโครงการนี้ หลังจากนี้หากคุณต้องการอะไรก็บอกมา ปู่จะพยายามช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่”
เป็นครั้งแรกที่หลี่เสว่เห็นว่านายท่านหลี่นั้นเมตตากับเธอแบบนี้ รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย
เพียงแต่ว่า ทุกอย่างล้วนกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
หลี่เสว่รับสัญญาเอกสารมา ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วปรายตาไปมองทางด้านหลี่ฝานทีนึง
เมื่อหลี่ฝานเห็นแบบนี้แล้วก็คิดว่าเป็นการยั่วยุของหลี่เสว่
หลี่เสว่จึงกล่าวอย่างนิ่งๆว่า: “เมื่อวานก็พูดไปแล้ว ฉันสำเร็จแล้ว การจัดหาเงินทุนครั้งนี้ คุณพูดว่าคุณจะทำอะไร?”
ตาคู่นั้นของหลี่ฝานจ้องมองหลี่เสว่อย่างโกรธแค้น “ก็แค่ล้อเล่นก็เท่านั้นเอง คุณคิดว่าจริงจังหรอ? จะว่าไปแล้วนะ ถ้าไม่ใช่ฉันแลกเปลี่ยนกับคุณ คุณจะทำสำเร็จไหม?”
หลี่เสว่ร้องฮึมาคำนึง “ล้อเล่นหรอ?”
“ถ้าเปลี่ยนแล้ววันนี้ฉันทำไม่สำเร็จ พวกคุณจะเป็นยังไง? ปรารถนาให้ฉันประกาศออกจากความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่ทันที ปรารถนาให้ฉันออกจากตระกูลหลี่ ใช่ไหม?”
“พวกคุณ!” หลี่เสว่กวาดสายตามองคนทั้งหลาย “พวกคุณแต่ละคนล้วนพยายามทำให้ฉันอับอายขายขี้หน้า เยาะเย้ยฉัน แม้กระทั่งให้ฉันคุกเข่าก้มหัวให้กับหลี่ฝาน ใช่ไหม?”
เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ชำเลืองมองหน้ากัน คำพูดนี้นั้นไม่ผิดเลย แค่คิดก็รู้แล้วว่า พวกเขาจะทำอะไร
หลี่เสว่มองไปยังนายท่านหลี่ หวังว่าเขาจะมองที่เอกสารการเจรจาทางการเงินของเธอดด้วยความยุติธรรมสักเล็กน้อย
นายท่านหลี่เพียงแค่กระแอมมาทีนึง แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูด
หลี่เสว่หัวเราะอย่างเย็นชา เธอนี่ช่างไร้เดียงสาซะจริงๆ กระทั่งเวลานี้แล้ว ยังจะมาหวังอะไรอีก?
แต่เธอก็ไม่พอใจเล็กน้อย จริงๆเธอต้องการให้หลี่ฝานคุกเข่า แต่ถ้านายท่านหลี่ไม่ได้เอ่ยปาก เดิมทีแล้วเธอก็ไม่สามารถทำได้
สำหรับการเจรจาทางการเงินกับบริษัทหลิ่วซื่อกรุ๊ปแล้ว หลี่เสว่ก็ไม่ได้มีค่าเลยแม้แต่น้อย!
นายท่านหลี่ก็ล้วนลำเอียงให้กับหลี่ฝานมาโดยตลอด สถานการณ์ขณะนี้ เธอจะออกเสียงมาได้ยังไง?
ฮึ! ไม่ว่าจะทำยังไง หลี่เสว่สถานะของเธอนั้น ก็สู้หลี่ฝานไม่ได้ตลอดมา!
หลี่เสว่ไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว เพียงแค่มองหลี่ฝานแล้วกล่าวว่า: “คุณจะคุกเข่าหรือไม่คุกเข่า เดิมทีฉันก็ไม่ได้แยแสอยู่แล้ว การจัดหาเงินทุนของบริษัทหลิ่วซื่อกรุ๊ปฉันก็ไม่ได้แปลกใจ ฉันเพียงแค่อยากให้คุณรู้ไว้ว่า อย่าคิดว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำเรื่องต่างๆได้ดี คนอื่นเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณ!”
พูดจบ หลี่เสว่ก็มองหน้าหลี่ฝานด้วยความสุดทน เดินจากที่ประชุมด้วยความผ่าเผย แล้วก็ออกไป