ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 141
บทที่ 141
“หลี่ซื่อในตอนนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถมาแตะต้องได้ ต่อให้เป็นโหวจวี๋ เขาก็ไม่มีความกล้านั้น!นับประสาอะไรกับแกพนักงานเล็กๆคนหนึ่ง มาพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ที่นี่?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน “งั้นหรอ? งั้นพวกเรามาคอยดูก็แล้วกัน!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็วางสายลง จากนั้นอุ้มหลี่เสว่ขับรถไปที่โรงพยาบาลในทันที
หลี่ฝานมองดูโทรศัพท์มือถือ ส่งเสียงชิออกมา ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของไป๋ยี่เฟยเลยแม้แต่น้อย’
หลังจากที่จัดการกับหลี่เสว่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็บอกกับจางหรงด้วยความโมโหจนถึงขีดสุด “กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป จัดการให้มันไปสู่ที่ตาย”
“หา? กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป?” จางหรงชะงักไปเล็กน้อย “ท่านประธาน หลี่ซื่อเดิมทีก็กำลังกดขี่พวกเรา พวกเราก็กำลังตอบโต้อยู่
เพียงแต่อุตสาหกรรมอื่นก็เกิดปัญหาขึ้นเช่นเดียวกัน เกรงว่าจะไม่มีกำลังมากขนาดนั้นน่ะสิครับ!”
ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ฉันบอกแล้ว จัดการหลี่ซื่อให้ไปสู่ความตายให้ฉัน ไม่ว่าจะจ่ายค่าตอบแทนอะไรก็ตาม”
จางหรงฟังออกถึงความโมโหของไป๋ยี่เฟย รีบพยักหน้าในทันที “ครับ ท่านประธาน ผมทราบแล้ว”
วางสายโทรศัพท์ลง จางหรงถอนหายใจออกมาทางปาก “เชี่ย!ใครโง่ยั่วให้ท่านประธานโมโห? ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยจำที่หลงหลิงหลิงเคยพูดเอาไว้ได้ว่า ช่วงนี้หลี่ซื่อกำลังเริ่มโปรเจกต์ใหม่โปรเจกต์นึงอยู่ ดูเหมือนว่าจะหาแบ็คใหม่ได้ กำเริบเสิบสานขึ้นมาแล้ว แต่แล้วนั่นจะยังไง? อยู่ที่เมืองเทียนเป่ย ไม่ว่าจะเป็นใคร โหวจวี๋ถึงจะคือพี่ใหญ่!
หลังจากนั้นสองชั่วโมง
หลี่ฝานได้รับสายโทรศัพท์จากเย่อ้าย “ฮัลโหลพี่อ้าย พี่…”
“แกแม่งโง่หรือเปล่า?” เย่อ้ายเริ่มด่าในทันที “น้ำเข้าสมอง หรือว่ากินขี้เข้าไปแล้ว? แม่งไปยั่วโหวจวี๋อีกทำไมกัน?”
หลี่ฝานนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ถึงได้ตอบกลับว่า “พี่อ้าย ผมเปล่ายั่วโหวจวี๋นะครับ? ไม่ใช่ คือไป๋ยี่เฟยล่ะมั้ง? มันผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่งยังมีความสามารถไปทำให้ท่านประธานโหวจวี๋จัดการเรื่องได้?”
“แม่งเอ๊ย!ไอ้โง่!” เย่อ้ายไม่รู้ว่าควรจะด่าหลี่ฝานยังไงดีแล้ว “แกตั้งใจฟังให้ชัดเจน อย่าไปยั่วไป๋ยี่เฟยอีก ไม่เช่นนั้น ฉันจะทำให้แกกลายเป็นขยะ”
“พี่อ้าย ไป๋ยี่เฟยเป็นเพียงแค่ผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่ง ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ?” หลี่ฝานยังไม่รู้สถานะของไป๋ยี่เฟย ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะคิดว่าตนเองนั้นมีที่พึ่ง
เย่อ้ายสูดหายใจเข้าเต็มปอด “โอเค งั้นฉันจะบอกแก อย่าไปยุแหย่โหวจวี๋กรุ๊ปอีก คราวนี้ฟังเข้าใจแล้วหรือยัง?”
“เข้าใจแล้วครับ” หลี่ฝานตอบกลับ “แต่ว่าพี่อ้าย เย่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้เป็นห้าอันดับแรกของทั่วทั้งมณฑลหรอกหรอครับ? โหวจวี๋แม้กระทั่งสิบอันดับแรกก็ยังไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาหรอกมั้ง?”
“ไอ้โง่!” เย่อ้ายโมโหจนพูดจาสะเปะสะปะ “ฉันพูดอย่างไหนก็ทำอย่างนั้น แกฟังไม่เข้าใจใช่หรือเปล่า? หากแกยังมาพูดจาไร้สาระอีก ฉันจะหาคนไปจัดการหลี่ซื่อเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ เย่อ้ายก็วางสายไปในทันที ยังอดไม่ได้ที่จะด่าออกมาอีกประโยค “ไอ้โง่!”
เย่ซื่อกรุ๊ปเป็นห้าอันดับแรกของทั่วทั้งมณฑลจริงๆ แต่คำพังเพยพูดเอาไว้อย่างดี มังกรที่แข็งแกร่งไม่สามารถเอาชนะงูเจ้าถิ่นได้ สำนักงานใหญ่ของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเทียนเป่ย ที่อยู่ที่เมืองเทียนเป่ยเป็นเพียงแค่บริษัทย่อยเท่านั้น จะไปสู้กับโหวจวี๋เขาได้ยังไงกัน?
หลี่ฝานมองดูโทรศัพท์มือถือของตนเอง ตกตะลึงอยู่นาน
เขาคิดไม่ตกจริงๆ ไป๋ยี่เฟยผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่ง ยังสามารถทำให้คนของทั้งโหวจวี๋ต่างก็เชื่อฟังคำพูดของเขาได้ด้วยหรอ?
โรงพยาบาล
หลังจากที่หลี่เสว่ฟื้นขึ้นมา บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็เลยคิดว่าจะกลับคฤหาสน์ไปพร้อมกับไป๋ยี่เฟย
บังเอิญ หลิวจื่อหยุนกับหลี่ตงเฉียงก็เข้ามาพอดี
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอดูแลเสว่เอ๋อยังไง คนดีๆ ยังภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่ก่อนทำไมไม่เห็นหล่อนภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะต้องเป็นเธอที่ดูแลเสว่เอ๋อไม่ดีอย่างแน่นอน!” หลิวจื่อหยุนบนไม่หยุดสักวินาที
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไร หลี่เสว่คราวนี้ไม่ใช่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่หลิวจื่อหยุนพูดถูก คือความผิดของเขา หากไม่ใช่เขา จะเกี่ยวพันไปถึงหลี่เสว่โดนยาพิษได้ยังไงกัน?
อีกทั้ง เขารู้ว่า เป็นเพราะหลิวจื่อหยุนเป็นห่วงเสว่เอ๋อถึงได้เอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบโต้
“เสว่เอ๋อชีวิตรันทดจริงๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีประโยชน์ขนาดนี้”
“หากเธอรู้จักผิดชอบชั่วดี ก็รีบไปจากเสว่เอ๋อ!”
หลิวจื่อหยุนยังคงกำลังพูดถึงอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมหยุด
หลี่เฉียงตงเห็นเช่นนี้จึงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ เสว่เอ๋อไม่ใช่ว่าฟื้นขึ้นมาแล้วหรอกหรอ? ต่อไปบำรุงมากหน่อยก็ดีแล้ว”
“ใช่ค่ะ!แม่ อีกอย่าง นี่ไม่เกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยนะคะ แม่พูดน้อยลงซักสองประโยคเถอะค่ะ!” หลี่เสว่เอ่ยขึ้นตาม
หลิวจื่อหยุนเห็นสองพ่อลูกต่างก็ว่าเธอ อารมณ์ก็เลยขึ้น “ฉันพูดไม่ถูกหรอ? ในตอนแรกหากไม่ใช่คุณที่ให้เสว่เอ๋อแต่งงานกับสวะที่ไร้ประโยชน์นี่ เสว่เอ๋อจะเป็นเหมือนกับตอนนี้ ขยับไม่ขยับก็สลบหรอ?”
“แล้วก็เสว่เอ๋อ ให้ลูกหย่ากับเขา ลูกก็ดันไม่ฟัง ดูลูกในตอนนี้ แต่งงานออกไปใช้ชีวิตอะไรกัน?”
หลี่เสว่รู้ดีว่าเวลานี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยบอกว่าง่วง ให้หลิวจื่อหยุนประคองเธอกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เมื่อก่อนเป็นเพราะเธอไม่อยากแต่งงานกับหลิ่วจาวเฟิง ดังนั้นจึงแต่งงานกับไป๋ยี่เฟย แต่ตอนนี้ เธอใช้ใจกับไป๋ยี่เฟยจริงๆแล้ว จะต้องหย่ากับเขาคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ในห้องรับแขก เหลือเพียงแค่หลี่เฉียงตงกับไป๋ยี่เฟย
หลี่เฉียงตงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “ตระกูลหลี่มีการเปลี่ยนแปลง”
“คราวนี้อาจจะคือศัตรูที่แข็งแกร่ง ทางที่ดีที่สุดคุณระวังหน่อย”
“ผมทราบ ได้ส่งคนไปตรวจสอบก่อนแล้ว” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยขึ้นอย่างรับประกัน “ผมยังจะให้คนที่ทำร้ายเสว่เอ๋อชดใช้ค่าตอบแทน!”
พูดจบ ก็เดินจากไปโดยที่ไม่หันหลังกลับ
ในเวลานี้ หลิวจื่อหยุนก็ลงมาข้างล่าง “สวะนั่นไปแล้ว?”
หลี่เฉียงตงรู้สึกลำบากใจ “จะอย่างไรก็คือลูกเขยของคุณ สวะๆทั้งวัน ไม่น่าฟัง”
หลิวจื่อหยุนอุทานออกมา “หากมันมีประโยชน์ เสว่เอ๋อจะเป็นแบบนี้?”
“ฉันรู้ค่ะ ที่จริงแล้วไป๋ยี่เฟยดีมาก แต่เสว่เอ๋ออยู่กับเขามีชีวิตที่ไม่ดี ฉันไม่ชอบ”
หลี่เฉียงตงตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลิวจื่อหยุนจะรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยดีมาก
“เมื่อครู่นี้เสว่เอ๋อพูดกับฉันแล้ว มีครั้งหนึ่งพวกเขาทานอาหารกันที่ด้านนอก พบเข้ากับคนโรคประสาทคนหนึ่ง คือไป๋ยี่เฟยที่เข้าไปต่อสู้กับคนๆนั้นโดยไม่สนใจชีวิต ปัดขวดน้ำกรดทิ้ง กำมีดปอกผลไม้เอาไว้”
“แต่ว่า ร่างกายของเสว่เอ๋อดูเหมือนจะแย่กว่าเมื่อก่อนแล้ว จะต้องเป็นเขาที่ไม่ได้ดูแลเสว่เอ๋อให้ดีอย่างแน่นอน!”
หลี่เฉียงตงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ที่แท้ยังมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น
“ฉันว่าเสว่เอ๋อจำเป็นจะต้องหย่ากับเขา แบบนี้ต่อไปอีก ร่างกายของเสว่เอ๋อไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างนะคะ? อีกอย่าง เสว่เอ๋อเป็นแบบนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะออกไปข้างนอก!ไม่รู้จักดูแลคนอื่นเลยแม้แต่น้อย!”
ที่จริงแล้วที่หลิวจื่อหยุนพูดต่างก็คือคำพูดเพราะความโมโห ยี่สิบกว่าปีแล้ว หลิวจื่อหยุนไม่รู้ว่าพูดไปกี่รอบว่าจะหย่ากับหลี่เฉียงตง
สุดท้ายล่ะ?
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยไปนั้นเพื่อรับประกันความปลอดภัยของเสว่เอ๋อ จึงให้ไป๋หู่อยู่ที่คฤหาสน์ ตนเองไปที่โหวจวี๋
เพียงแต่ที่หน้าประตูโหวจวี๋ พบเข้ากับเย่อ้าย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกระแวงเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้บอกสถานะของตัวเองกับเย่อ้าย ถ้างั้นเย่อ้ายรู้ได้ยังไงกันว่าเขาอยู่ที่โหวจวี๋?
หลังจากที่เย่อ้ายมองเห็นไป๋ยี่เฟย ก็ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นถึงสีหน้าของเขายังไงอย่างงั้น แต่กลับหัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “บังเอิญจริงๆนะคะ? คุณมาที่นี่ทำไมกันคะ เจรจาธุรกิจหรอ?”
“คุณมาที่นี่ทำไม?” ไป๋ยี่เฟยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
เย่อ้ายหัวเราะขึ้น “มาโหวจวี๋สามารถทำอะไรได้? แน่นอนว่าคาดหวังที่จะร่วมลงทุนธุรกิจกับโหวจวี๋น่ะสิคะ”
“ร่วมลงทุน?” ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ด้านนอกต่างก็กำลังมีข่าวลือว่าโหวจวี๋ตอนนี้กำลังเกิดปัญหาขึ้นมากมาย คุณยังมาหาโหวจวี๋เพื่อร่วมลงทุนธุรกิจ?”
เย่อ้ายอุทานเฮ้อออกมา “เปิดบริษัทที่ไหนมีไม่เกิดปัญหา อีกอย่าง โหวจวี๋น่ะเป็นถึงนายทุนหัวมังกรของเมืองเทียนเป่ย มีปัญหามากกว่านี้ เชื่อว่าก็จะไม่ส่งผลกระทบมากเท่าไรนัก”