ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 146
บทที่146
เมื่อหลิ่วอู๋ฉงได้เห็นตำรวจก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที และยกมือสองข้างขึ้นมาอย่างจริงใจ
“คุณตำรวจครับ ผมไม่ได้ทำครับ”
สีหน้าของฉินหัวไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด ใช้ปืนจ่อไปที่หลิ่วอู๋ฉง และให้คนข้างหลังไปตรวจเขา
เมื่อเผชิญกับปืนของตำรวจ หลิ่วอู๋ฉงค่อนข้างจะเป็นคนขลาด เลยปล่อยให้เขาตรวจ จากนั้นได้ค้นพบปืนกระบอกหนึ่งจริงๆ แต่ว่า……
“หัวหน้าครับ เป็นปืนของเล่น”
“……”
ทุกคนจนคำพูด
สวีลั่งยิ่งอดไม่ได้ที่จะขำออกมา
เมื่อได้ยินเสียง หลิ่วอู๋ฉงรีบหันกลับ และชี้ไปที่สวีลั่งพร้อมตะโกนออกมา”คุณตำรวจครับ คนนี้ถึงจะมีปืนจริงๆ เมื่อกี้นี้เขาได้ใช้ปืน……”
แต่คำพูดยังพูดไม่จบ เขาก็เห็นว่า สิ่งที่อยู่มือของสวีลั่งไม่ใช่ปืน แม่งเป็นแค่โทรศัพท์เฉยๆ
ฉินหัวมองไปที่สวีลั่ง รู้สึกว่าคนนี้อันตรายมาก แต่ยังคงถามว่า”คุณมีปืน?”
เพิ่งพูดเสร็จ สวีลั่งยังไม่ทันได้ตอบ ไป๋ยี่เฟยก็พูดว่า”เขาไม่มีปืนในมือ ฉันสามารถเป็นพยานได้”
“โอเค นั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
หลิ่วอู๋ฉงตะลึงไปครู่หนึ่ง”คุณตำรวจครับ ทำไมผมต้องโดนตรวจ แล้วเขาไม่ต้องโดนล่ะ ถ้าเกิดเขามีปืนอยู่กับตัวจริงๆ นั้นพวกเราก็จะอันตรายมากนะ!”
ฉินหัวจ้องไปที่หลิ่วอู๋ฉงอย่างเย็นชา”ไม่ได้ยินคำพูดของนายไป๋เหรอ?เขาบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี”
“คุณตำรวจครับ ทำไมเขาบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีล่ะครับ?”
“เพราะฉันรู้จักเขาไง!”ฉินหัวมองไปที่หลิ่วอู๋ฉงอย่างกับมองคนโง่
หลิ่วจาวเฟิงที่อยู่ข้างๆก็จนคำพูดเช่นกัน พี่ชายของเขาทำไมถึงโง่ขนาดนี้ล่ะ?
ฉินหัวมองไปที่หลิ่วอู๋ฉง”แกใช้ปืนของเล่นมาทำเป็นปืนจริงและนำมาคุกคามคน พฤติกรรมนี้เลวร้ายมาก ดังนั้นรบกวนแกไปกับพวกเราสักเที่ยวหนึ่ง”
“อะไรนะ?คุณตำรวจครับ ปืนที่ผมถือนั้นไม่ใช่ปืนจริงนะ ผมก็แค่ล้อเล่นกับพวกเขาแค่นั้นเอง ต้องถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”
“เรื่องแบบนี้ล้อเล่นได้ยังไง?ถ้าแกไม่อยากก่อเรื่องร้าย แกจะเอาปืนมาล้อเล่นได้ยังไงล่ะ?”ฉินหัวพูดอย่างจริงจัง”คุณผู้ชาย รบกวนไปกับพวกเราสักเที่ยวหนึ่ง!”
พอพูดเสร็จ ตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็เดินขึ้นมาจับตัวหลิ่วอู๋ฉงและจากไป
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยส่งหลี่เสว่กลับมาถึงวิลล่า ระหว่างทางหลี่เสว่บอกกับเขาว่าคือหลิ่วจาวเฟิงที่เรียกเธอมา เพราะเขาบอกกับเธอว่ามีความลับเกี่ยวกับไป๋ยี่เฟยจะพูดให้เธอฟัง ดังนั้นเธอจึงมาที่ร้านกาแฟ
เมื่อหลี่เสว่ได้ผ่านเรื่องของเมื่อกี้นี้แล้ว ใบหน้าก็ซีดขาวมาก แต่ในใจยังคงนึกถึงความลับของไป๋ยี่เฟย จึงถามว่า”คุณยังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกกับฉันใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มขึ้นมา”คุณอยากรู้อะไร?ฉันล้วนบอกกับคุณ”
หลีเสว่ทำแก้มป่อง อยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้จะถามอะไรดี!
ในที่สุดหลี่เสว่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา”ช่างเถอะ ฉันไม่อยากรู้”
ไป๋ยี่เฟยหันกลับมา ยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากให้หลี่เสว่รู้ฐานะของเขาทันทีเลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่สามารถให้อารมณ์ของหลี่เสว่เกิดการแปรปรวน
หลังจากกลับมาถึงโหวจวี๋กรุ๊ป ไป๋ยี่เฟยก็ตกลงไปในท่ามกลางแห่งการครุ่นคิด
เขาใจร้อนมาก อยากจะรีบหาคนที่ใส่ยาพิษให้เจอ วันนี้เขาก็ได้รับสายแล้วถึงไปที่ร้านกาแฟ แต่หลังจากไปแล้วเห็นแต่หลิ่วอู๋ฉงและหลิ่วจาวเฟิง
ส่วนโทรศัพท์ของคนที่บอกข่าวกับเขานั้นก็ปิดเครื่อง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า มีคนจงใจที่จะนำทางให้เขา ส่วนคนๆนี้ถ้าไม่ใช่หลิ่วจาวเฟิง ก็คือหลิ่วอู๋ฉง
แต่เรื่องที่หลี่เสว่โดนยาพิษนั้น ปัจจุบันมีคนจำนวนน้อยมากที่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจะรู้ได้ยังไง แถมยังรู้ว่าเขากำลังหาคนใส่ยาพิษอีก?
หรือว่าคนใส่ยาพิษมีความเกี่ยวข้องกับหลิ่วอู๋ฉงหรือหลิ่วจาวเฟิง?
ครุ่นคิดไปนานมาก ไป๋ยี่เฟยปวดหัวมาก ช่วงนี้ถูกคนที่ใส่ยาพิษทำจนกินไม่เข้านอนไม่หลับ ร่างกายของหลี่เสว่ก็ยิ่งอ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเขาก็ยิ่งปวดหัวตามไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่า อาการของหลี่เสว่ไม่สามารถรอนานแล้ว และเขาก็รู้ว่า สาเหตุที่หลิ่วอู๋ฉงกล้าหยิ่งขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะว่ามีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แถมเขายังสงสัยว่าหลิ่วอู๋ฉงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องยาพิษด้วย ดังนั้น เพื่อการปกป้องหลี่เสว่ เขาต้องตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นในโหวจวี๋กรุ๊ปในช่วงหลายวันนี้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ณ ห้องประชุม
ไป๋ยี่เฟยกวาดสายตาไปยังกรรมการในบริษัทที่อยู่ในนี้ทุกคน จากนั้นเริ่มสั่งทีละคน
“ที่ดินของชานเมืองใต้นั้นเราต้องเอาลงมาให้ได้แน่นอน งานประมูลซื้อที่ดินของวันนั้นต้องเตรียมตัวให้ดี”
“ทุกแผนกการตลาดช่วยส่งรายงานการสรุปงบการเงินให้ฉันชุดหนึ่ง”
“แล้ว ต้นเหตุของแต่ละปัญหาเกิดขึ้นจากที่ไหน ล้วนไปตรวจสอบให้ละเอียด ถ้าสามารถตรวจสอบไปถึงคนที่น่าสงสัยและสามารถตรวจได้ว่าคนนั้นได้ติดต่อกับใครบ้างในช่วงนี้ก็ยิ่งดี”