ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 166
บทที่166
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ดูเหมือนว่านายท่านหลี่จะได้เสพข่าวแย่ๆ มามากพอแล้ว สีหน้าจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
หลี่เสี่ยวรีบอธิบาย “ผมได้อ่านสัญญาฉบับนั้นแล้ว พี่ฝานเป็นคนที่ยกกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปให้ไป๋ยี่เฟยไปเอง เพื่อแลกกับหุ้นของโหวจวี๋กรุ๊ปที่ไป๋ยี่เฟยถืออยู่ในมือ แต่หลังจากที่สัญญามีผลบังคับใช้ไปแล้ว ผลปรากฏว่า ไป๋ยี่เฟยยังคงเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอยู่ ส่วนกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ตกเป็นของไป๋ยี่เฟยไปแล้วครับ”
ในตอนนั้นหลี่เสี่ยวเพิ่งได้รู้ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นถึงประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ป ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ แต่ต่อให้ตกใจแค่ไหน ก็เทียบกับการที่กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปตกไปเป็นของไป๋ยี่เฟยไม่ได้เลย
หลี่ต้าไห่ฟังจบ ตาก็เหลือกขึ้นข้างบนจนเกือบจะเป็นลมไป โชคยังดีที่หลี่เอ้อซานรับไว้ได้ทัน จึงไม่ได้ล้มลงไป
“ไอ้ชาติชั่ว!”
ส่วนคนของตระกูลหลี่คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางกระบาล
“ไป๋ยี่เฟยเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่สิ กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นของไป๋ยี่เฟยไปแล้วเหรอ?”
“นี่มัน……”
และในตอนนั้นเอง ร่างของนายท่านหลี่ก็ล้มลงกับพื้น โดยไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะอีกต่อไป
“พ่อ!”
“คุณปู่!”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
นายท่านหลี่ไม่ได้ใจเย็นเหมือนกับที่แสดงออกมา เขาแค่อดกลั้นมันไว้เท่านั้น แต่หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่หลี่เสี่ยวพูดมา เขาก็เครียดจนหมดสติไปเลย
กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นสิ่งที่เขาสร้างมากับมือ ทุ้มเทหยาดเหงื่อไปตั้งหลายปี ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกับเขามากที่สุดแล้ว นับตั้งแต่ที่หลี่เฉียงตงเริ่มเข้ามายุ่มย่ามกับหลี่ซื่อ กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ
นายท่านหลี่ที่เครียดสะสมมานาน หลังจากที่ได้รู้ว่ากิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปได้ถูกไป๋ยี่เฟยยึดไปแล้ว เขาก็ทนต่อไปอีกไม่ไหวจนล้มลงในที่สุด
คุณหมอรีบเข้ามาดูอาการและพาตัวนายท่านหลี่เข้าไปในห้องผู้ป่วยทันที หลังตรวจอาการไปรอบหนึ่ง คุณหมอก็ได้พูดขึ้นว่า “ท่านคงได้รับรู้เรื่องราวที่กระทบจิตใจมากเกินไป บวกกับความวิตกกังวลที่สะสมมานาน การที่จะทรุดลงแบบนี้ก็ไม่แปลกครับ”
“ทางที่ดีพวกคุณไม่ควรให้ท่านเครียดมาก ร่างกายสำคัญที่สุดนะครับ”
คนตระกูลหลี่พากันพยักหน้ารับปาก
แต่ว่า มันจะเป็นไปได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นสิ่งที่นายท่านหลี่ทุ่มเทมาทั้งชีวิต ทุกคนต่างทำหน้าเคร่งเครียด หลี่ฝานถูกทำร้ายจนพิการหลี่ซื่อก็ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว นายท่านหลี่ยังมาทรุดหนักอีก ตระกูลหลี่คงจบสิ้นแล้วจริงๆ สินะ……
………
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ป
“ไป๋หู่ เอาไอ้สะกดรอยตามที่อยู่ข้างหลังผมมาให้ที” ไป๋ยี่เฟยพูดกับคนในสาย
เสียงที่ทุ้มลึกของไป๋หู่ดังขึ้นในสาย จากนั้นก็วางสายไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ไป๋หู่ก็มาถึง และเขายังลากชายคนหนึ่งมาด้วย ชายคนนี้เป็นคนที่ดูแสนจะธรรมดา ถ้าไปยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นเขาอย่างแน่นอน
ชายที่อยู่ในมือเขากำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงที่ห้องประชุม ไป๋หู่ก็ปล่อยมือ ชายคนนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น “พี่ใหญ่! ไว้ชีวิตผมเถิด……”
ไป๋ยี่เฟยนั่งลงบนโซฟา โดยมีหลงหลิงหลิงยืนอยู่ข้างหลังเขา ส่วนไป๋หู่ก็ไปยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู
“ไว้ชีวิตเหรอ? แล้วคุณไปทำอะไรมาหล่ะ ผมถึงต้องเอาชีวิตคุณ?”
คนๆ นั้นอึ้งไป จากนั่นก็ค่อยๆ พูดออกมา “พวกคุณจะจับผมมาทำไม? ผมไม่ได้รู้จักพวกคุณสักหน่อยนะ”
พูดจบ เขาก็แอบมองไปที่ไป๋หู่ทีหนึ่งแล้วตัวก็เริ่มสั่น
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น “ถ้าคุณยังไม่รู้ งั้นผมก็ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่เลยครับ” ”ห๋า?” คนๆ นั้นเงยหน้าขึ้นมาอย่างงงงวย
หลงหลิงหลิงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ทำหน้างุนงงไม่แพ้กัน เธอเพิ่งถูกไป๋ยี่เฟยเรียกตัวเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง จึงไม่มีทางรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งไม่รู้เลยว่าชายคนนี้ไปทำอะไรมา ไป๋ยี่เฟยถึงต้องสั่งให้ไป๋หู่ไปจับตัวเขามา?
“ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมคุณถึงต้องตามผมมาด้วย?”
คนๆ นั้นตัวหดลงในทันที จากนั้นก็รีบส่ายหน้า “ผมไม่ได้ตามนะ! ผมไม่ได้……”
“คุณไม่ได้อะไร?” ไป๋ยีเฟยถามลอยๆ
“ผมไม่ได้สะกดรอยตามคุณนะครับ ผม……” พอพูดออกมาได้คำเดียวเขาก็ต้องหยุดลง
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมา “เมื่อกี้ผมพูดแค่คำว่าตาม แต่ไม่เคยพูดถึงการสะกดรอยตามเลยนะครับ พูดมาเถอะครับว่าคุณสะกดรอยตามผมไปเพื่ออะไร?”
ชายคนนั้นไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ไป๋หู่ “กระทืบมัน กระทืบจนกว่ามันจะยอมเปิดปากพูด”
ไป๋หู่ก้าวมาข้างหน้า แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชายคนนั้น หิ้วคอเสื้อของชายคนนั้นขึ้นมา หนึ่งกำปั้นถูกปล่อยออกไป ปะทะเข้ากับหน้าท้องของชายคนนั้น ความจุกปะทุขึ้นภายในท้องน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา
ไป๋ยี่เฟยที่มองดูอยู่ ก็รู้สึกว่าชายคนนี้ใจแข็งใช้ได้เลย
หลงหลิงหลิงไม่เคยเห็นด้านที่โหดร้ายแบบนี้มาก่อน รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน
ช่วงเวลาต่อมาก็คือการลงมืออย่างโหดเหี้ยมของไป๋หู่ แต่ไม่ว่าจะลงมือยังไงชายคนนี้ก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ต่อให้เจ็บก็ไม่ปริปากร้องออกมาแม้แต่แอะเดียว
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว คนอย่างเขาคงต้องผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดี ดูท่าการที่จะถามอะไรจากเขาคงไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“พอได้แล้ว” ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมารอยๆ
ไป๋หู่หยุดมือ
ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้น ใบหน้ายังดูดีอยู่ แต่ว่าร่างกายนั้นเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำที่มองไม่เห็น ดูจากการที่เขานอนกองอยู่กับพื้นจะลุกยังลุกไม่ไหวแค่นี้ก็รู้แล้ว
ไป๋ยี่เฟยไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ถ้าถามแล้วไม่ยอมตอบ งั้นก็คงต้องใช้ลูกไม้อย่างอื่นแล้ว
“หลิงหลิง ช่วยไปตามจางหรงมาหาผมทีครับ”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานไป
ผ่านไปสิบนาทีหลงหลิงหลิงก็พาจางหรงกลับเข้ามา
“ท่านประธาน เรียกผมมามีอะไรให้รับใช้ครับ?” จางหรงยิ้มจนแก้มปริ แต่ภายในใจนั้นกำลังร้อนรนมาก ในเวลาแบบนี้ท่านประธานจะเรียกเขามาทำไม? จะจัดการเขาเหรอ?
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากมาย เพียงแค่มองไปยังชายที่นอนอยู่บนพื้น แล้วพูดขึ้นว่า “เห็นน้องชายคนนี้ไหมพอดีลงมือหนักไปหน่อย คุณช่วยพาเขาไปหาหมอทีครับ จากนั้นก็พาเขาไปเลี้ยงอาหารดีๆ สักมื้อ ช่วยดูแลเขาให้ดีๆ ด้วยนะครับ”
“ห๋า?” จางหรงมองตามสายตาของเจ้านายไป แล้วก็พบเข้ากับชายที่นอนอยู่บนพื้น แล้วเขาก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น
คนๆนี้ดูแล้วน่าจะโดนหนักเอาเรื่องเลย จางหรงกลืนน้ำลายลงคอไปด้วยความกดดัน ท่านประธานตั้งใจทำให้เขาเห็นว่าถ้าเขาไม่ทำงานอย่างซื่อสัตย์ละก็ ตัวเองก็คงจะมีจุดจบอย่างนี้เหมือนกันสินะ?
“ท่านประธานวางใจได้เลยครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ไปทันทีเลยครับ” จางหรงพูดไปก็พยุงชายคนนั้นให้ลุกขึ้นมาด้วย
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จางหรงจึงพาตัวชายคนนั้นออกไปอย่างเร่งรีบ
พอเห็นคนจากไปแล้ว หลงหลิงหลิงจึงรีบถามขึ้นว่า “ท่านประธานคะ ผู้บริหารจางเขา……”
“ผมรู้แล้ว” สิ่งที่จางหรงแสดงออกมาระหว่างการประชุมในตอนเช้านั้น มันคือการแสดงออกของนกสองหัวชัดๆ แต่ไป๋ยี่เฟยไม่เพียงไม่ลงโทษจางหรง แถมยังมอบหมายงานให้เขาไปทำอีก มันจึงทำให้หลงหลิงหลิงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“คนอย่างเขามีเยอะจะตาย ผู้บริหารคนอื่นๆ ก็มีความคิดที่ไม่ต่างจากเขามากนักหรอก เพียงแค่เขาเป็นคนแรกที่เปิดเผยมันออกมาก็เท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อเอาเขาไปเทียบกับผู้บริหารคนอื่นๆ แล้วการเอาเขามาใช้งานนั้นผลลัพธ์ที่ได้น่าจะออกมาดีกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ”
หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเฉินห้าวทันที
“ห้าวจื่อ จับตาดูคนที่จางหรงพาไปให้ดี พอเขาวางสายจากคนแรกที่โทรหาแล้วให้รีบชิงโทรศัพท์เขามาทันที”