ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 266
บทที่266
เย่อ้ายไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว “โอเค ในเมื่อไป๋ยี่เฟยไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ควรเชิญใครก็ได้ที่อยู่ที่นี่นอกจากเขา ที่มีสิทธิ์ในการออกเสียงมากที่สุดเป็นคนตัดสินใจ และเซ็นชื่อด้วยค่ะ”
พูดจบ บรรดาผู้บริหารของโหวจวี๋ก็พากันมองไปที่จางหรง
จางหรงโอดครวญอยู่ในใจ ไป๋ยี่เฟยเป็นคนยังไงเขารู้ซะยิ่งกว่ารู้อีก ถึงจะรู้ว่าตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเอาตัวยังจะไม่รอดเลยแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจโดยพลการอยู่ดี
“ผมว่านะ เรื่องนี้……ยังไงก็รอให้ท่านประธานกลับมาก่อนค่อยว่ากันดีไหมครับ?” จางหรงหัวเราะแห้งๆ
นอกจากหลี่เสว่แล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
สำหรับนิสัยของจางหรง ก่อนหน้านี้เย่อ้ายก็เคยศึกษามาก่อน แต่ตอนนี้เขากับพูดเข้าข้างไป๋ยี่เฟยซะงั้น
เย่อ้ายพูดด้วยเสียงที่ต่ำลง “ผู้บริหารจางคะ คุณคิดว่าท่านประธานของเราจะกลับมาได้จริงๆ เหรอคะ?”
“หรือผู้บริหารจางจะยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เหรอครับ?” ซุนฮุยถามขึ้น “ถ้าคุณยังดูไม่ออกละก็ ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะอธิบายให้ทุกท่านฟังนะครับ”
บรรดาผู้บริหารต่างพากันมองไปทางเขาโดยที่ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ซุนฮุยพูดต่อ “การที่โหวจวี๋ของพวกคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างทุกวันนี้ และผมนี่แหละครับคือต้นเหตุ!”
“ผมนี่แหละที่สั่งให้คนไปจัดการกับเรือขนสินค้าพวกนั้นเอง ดังนั้น พวกคุณถึงขาดรายได้อย่างหนักอยู่ทุกวันไง”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนี้? เพราะไป๋ยี่เฟยไปล่วงเกินจู้ติ่ง ทำให้ซุนเหว่ยต้องตาย เขาทำให้ผมต้องลำบาก ผมก็จะทำให้เขาอยู่ไม่สุขเหมือนกัน!”
“อะไรนะ?”
ครั้งนี้ทุกคนต่างตื่นตกใจแล้ว
พอหลงหลิงหลิงฟังจบ เธอก็เข้าใจได้ในทันที เธอหวนคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับจู้ติ่งในช่วงนี้ มันก็เข้าใจได้เลย แต่ว่า ท่านประธานเป็นคนฆ่าซุนเหว่ยจริงๆ เหรอ?
ไม่ เธอไม่เชื่อหรอกว่าท่านประธานจะเป็นคนแบบนั้น
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรับมือกับเสือที่จ้องจะตะครุบพวกนี้ก่อน
ซุนฮุย ที่ยังไม่สาแก่ใจ และพูดต่อว่า “ทางที่ดีพวกคุณควรคิดให้ดีก่อนนะ การที่ขาดไป๋ยี่เฟยไป พวกคุณคิดว่าโหวจวี๋จะทนได้นานเท่าไหร่เหรอครับ? ถ้าโหวจวี๋เกิดล้มละลายไปพวกคุณก็เตรียมตัวอดตายได้เลย!”
คำพูดสุดท้ายนี้ก็ได้กระตุ้นโดนบรรดาผู้บริหารเข้าจนได้
สิ่งที่พวกเขาสนใจมาโดยตลอดก็มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้น ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว
ว่าแล้วบรรดาผู้บริหารก็พากันมองไปที่จางหรง
“ผู้บริหารจาง ตอนนี้คุณเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในโหวจวี๋แล้วนะ ผมคิดว่าคุณเองก็ไม่อยากเห็นวันที่โหวจวี๋ล่มสลายหรอกใช่ไหมครับ?”
“ถูกต้อง ผู้บริหารจาง คุณช่วยเป็นตัวแทนของโหวจวี๋เซ็นสัญญาซื้อขายให้หน่อยนะครับ!”
“ผู้บริหารจาง เซ็นเถอะครับ!”
“เซ็นเลยครับ!”
“……”
ทุกคนต่างบีบให้จางหรงเซ็นชื่อ
จางหรงรู้สึกลำบากใจมาก ถ้าเขาเกิดเซ็นมันลงไป เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ของเขาจะต้องจบสิ้นแน่ๆ
ไม่ต้องถามเขาหรอกว่าทำไม?
เขาแค่รู้สึกอย่างนั้น
เย่อ้ายกับ ซุนฮุยจ้องไปที่จางหรง หลงหลิงหลิงเองก็จ้องไปที่จางหรงเหมือนกัน
ตอนนี้หลงหลิงหลิงรู้สึกร้อนรนมาก ถ้าจางหรงทำตัวเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีเหมือนก่อนหน้านี้ละก็ วันนี้โหวจวี๋คงต้องจบสิ้นแน่ๆ เลขาอย่างเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย!
หลี่เสว่ที่มองดูทุกคนที่กำลังโหวกเหวกกันอยู่ ความกลัวที่มีอยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นมาอีก
ในนี้ไม่มีใครที่เธอคุ้นเคยเลยสักคน ไม่มีไป๋ยี่เฟย ไม่มีหลิวเสี่ยวอิง ไม่มีโจรฉวี่เอ๋อ
ส่วนหลงหลิงหลิงนั้น เธอก็เพิ่งรู้จักเมื่อคืนนี้เอง
ทำไมเธอต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย?
พวกเขากำลังเอะอะอะไรกันอยู่?
ทำไมต้องใช้อารมณ์กันขนาดนี้ด้วย?
พวกเขาดูโกรธง่ายแถมยังดูน่ากลัวมากด้วย
หลี่เสว่ที่คิดไปคิดมา จู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมา
“แงงงง……”
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของหลี่เสว่ ทุกคนก็เงียบลงในทันที
หลงหลิงหลิงเองก็สังเกตเห็นเธอเหมือนกัน พอเห็นเข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจ ตอนนี้หลี่เสว่เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นนะ!
“เสว่เอ่อไม่ร้องนะ เดี๋ยวฉันพาออกไปข้างนอก” หลงหลิงหลิงพูดด้วยความอ่อนโยน
“สภาพจิตใจภรรยาของท่านประทานไม่ดี เรื่องในวันนี้ไว้เราค่อยคุยกันนะคะ เอาไว้ก่อน” ระหว่างที่พูด จางหรงเองก็จะตามออกไปเหมือนกัน
แต่ในตอนที่หลงหลิงหลิงกับหลี่เสว่เพิ่งยืนขึ้น ก็ได้มีผู้บริหารคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “ห้ามออกไปนะ!”
“ใช่ ห้ามไป!”
คนที่พวกผู้บริหารสั่งห้ามนั้นต้องเป็นจางหรงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันหมายถึงหลี่เสว่กับหลงหลิงหลิงด้วยหรือเปล่า?
ถึงแม้หลี่เสว่จะเป็นแค่เด็ก แต่อย่างน้อยตอนที่มีการเซ็นสัญญา คนที่เป็นเลขาอย่างหลงหลิงหลิงกับหลี่เสว่ที่เป็นภรรยาของท่านประธานก็ควรอยู่ด้วยเหมือนกัน
เมื่อหลี่เสว่ได้ยินเสียงตะโกนนี้ มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกกลัว แล้วก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังกว่าเดิม
“แงงงงงงง”
หลงหลิงหลิงหันไปถลึงตาใส่พวกผู้บริหาร “นี่พวกคุณจำเป็นต้องดุขนาดนี้เลยเหรอคะ? ภรรยาของท่านประธานเธอยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งนะคะ เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แล้วพวกคุณมาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง?”
ในขณะที่พวกผู้บริหารยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ประตูของห้องประชุมก็ถูกบางคนถีบออก
ทุกคนมองเป็นตาเดียวกัน และต่างอึ้งไปกับภาพที่เห็น
ภาพที่เห็นคือ เฉินห้าวกำลังพยุงไป๋ยี่เฟยที่ดูอ่อนล้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ข้างหลังของเขาก็มีไป๋หู่กับสวีลั่งที่ร่างกายกำยำยืนอยู่
ตอนอยู่ข้างนอก ไป๋ยี่เฟยก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหลี่เสว่ที่ดังมาจากข้างในแล้ว มันทำให้เขาปวดใจมาก
“เสว่เอ๋อ!”
หลังจากที่หลี่เสว่เห็นไป๋ยี่เฟย เธอก็ชะงักไป จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาไป๋ยี่เฟย พร้อมกับสะอื้นไปด้วย “คุณอา ในที่สุดคุณอาก็กลับมาสักที แงงง แงงง…”
พอเห็นแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ตบหลังของหลี่เสว่เบาๆ ปลอบเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดกับหลี่เสว่ว่า “เสว่เอ๋อ อากลับมาแล้วเธอไปกับหลิงหลิง ไปรอฉันที่ห้องทำงานก่อนได้ไหม?”
หลงหลิงหลิงที่รู้หน้าที่ ก็ได้พาหลี่เสว่เดินไปยังห้องทำงานของประธานบริษัท
พอเธอไปแล้ว ประตูของห้องประชุมก็ได้ปิดลงอีกครั้ง ไป๋ยี่เฟยที่มีเฉินห้านพยุงอยู่ ก็ได้เดินไปนั่งลงอย่างช้าตรงที่ ที่หลี่เสว่เคยนั่ง
ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งแหกคุกมาไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกล้ามาปรากฏตัวที่โหวจวี๋ล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เรียบเฉยว่า “ทำไม? พอผมไม่อยู่ พวกคุณก็คิดจะทรยศกันแล้วเหรอครับ?”
บรรดาผู้บริหารต่างพากันก้มหน้าก้มตา สำหรับไป๋ยี่เฟยแล้ว พวกเขาทั้งเคารพแล้วหวาดกลัว
และในตอนนั้น ซุนฮุยที่ตั้งสติได้ ก็ได้ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วพูดว่า “ไป๋ยี่เฟย แกเป็นแค่นักโทษหลบหนี ยังกล้ามาเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก แกเชื่อไหมว่าฉันจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย?”
“ตามสบาย” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างไม่แยแส
ซุนฮุยถึงกับอึ้ง และเขาก็ได้หยิบมือถือขึ้นมา “ได้ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย!”
ผ่านไปสักพัก ซุนฮุยก็คุยโทรศัพท์เสร็จ “ไป๋ยี่เฟย แกคอยดูเถอะ! ตำรวจจะมาจับตัวแกเดี๋ยวนี้แหละ”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่หันไปมองไป๋หู่
ไป๋หู่พยังหน้าอย่างรู้งาน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป ใช้เวลาไม่กี่วิเขาก็เดินกลับมา
แต่ตอนที่เขาเข้ามา เขายังได้หิ้วคนมาด้วยสองคน มีคนหนึ่งที่มือขาดไปข้างหนึ่งด้วย เหลือเพียงแค่ข้อมือที่ว่างเปล่า
ทันทีที่ไป๋หูโยนสองคนนี้ลงตรงหน้าของซุนฮุย ซุนฮุยก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา