ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 314
บทที่ 314
สาวสวยหัวเราะคิกคัก หยิบริบบิ้นเส้นหนึ่งออกมา “งั้นพวกเรามาplayมัดเชือกกัน!”
“มัดเชือก……” ซูต้าหลิวยิ้มลามก “พวกเธอช่างรู้จักเล่นจริงๆ ฉันชอบ……”
สุดท้าย ซูต้าหลิวก็ถูกสองสาวมัดไว้ จากนั้นยังใช้ริบบิ้นผ้าไหมมาปิดตาไว้ด้วย และสองสาวก็ลูบคลำไปมาบนตัวซูต้าหลิว ทำให้ซูต้าหลิวรู้สึกในใจคันยุบยิบขึ้นมา
เวลาเดียวกันนี้ ขณะที่ซูต้าหลิวถูกปิดตาไว้ กำแพงช่องหนึ่งในห้องถึงกับถูกคนดึงเปิดออก อันที่จริงไม่ใช่กำแพง แต่เป็นม่านต่างหาก
ที่ด้านหลังม่านคือคนกลุ่มหนึ่งกำลังทานอาหารกันอยู่ มีเย่อ้าย หลี่ฝาน ประธานอาวุโสบริษัทอื่นๆ และหวังไห่ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสหพันธ์ธุรกิจในเมือง
ทุกคนกำลังทานกันอยู่ จู่ๆ ม่านก็เปิดออก จึงตกใจจนสะดุ้งวาบ
“นี่มันอะไรกัน?”
สิ้นคำ ทุกคนก็หันไปมองทางนั้น ตอนที่เห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าก็ค่อยๆ แข็งค้างกันทันที
“นี่……”
“นี่คือ……ท่านประธานคนใหม่ของโหวจวี๋?”
“เหมือนจะใช่ ทำไมเขาถึง……”
“ช่างไร้ศีลธรรมจริงๆ!”
เย่อ้ายเก็บงำความรื่นรมย์ในแววตาไว้ จากนั้นก็มองไปที่หวังไห่ “ท่านหวัง นี่คือซูต้าหลิวเป็นท่านประธานคนใหม่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ปกติเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลว ไม่รู้เลยว่างานอดิเรกเขาจะถึงกับ……”
หวังไห่ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย กระแอมเบาๆ พลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เข้าใจได้ เข้าใจได้”
“หืม?” เย่อ้ายสงสัย หวังไห่เห็นฉากนี้แล้วจะไม่ตกใจเลยเหรอ?
เดิมทีทุกคนล้วนเป็นผู้รายงานความประพฤติของโหวจวี๋กรุ๊ป ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาสืบดูสถานการณ์จริง ตอนนี้ได้เห็นพฤติกรรมในครั้งนี้ของท่านประธานโหวจวี๋กรุ๊ป สมควรที่จะโกรธอย่างมาก อาจถึงขั้นสอบสวนโหวจวี๋กรุ๊ปได้เลย
.
แต่ตอนนี้……
ดูหวังไห่จะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขายกแก้วไวน์พลางกล่าวว่า “มาๆ พวกเราดื่มกันต่อ”
ทุกคนไร้การตอบสนองชั่วขณะ ในใจพวกเขาต่างคิดเหมือนกับเย่อ้าย ดังนั้นพอเห็นหวังไห่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้าง
เวลานี้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นม่านได้ถูกปล่อยลงมาอีกครั้ง กลายเป็นห้องส่วนตัวสองห้อง
เย่อ้ายเห็นหวังไห่ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องนี้ ในใจจึงไม่รู้สึกยินยอม “ท่านหวัง ท่านประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปทำเรื่องเช่นนี้ อันที่จริงเป็นการทำลายศีลธรรม ประกอบกับเรื่องเหล่านั้นที่พวกเราพูดก่อนหน้านี้ อันที่จริงก็ไม่ดีต่อการพัฒนาโหวจวี๋กรุ๊ปและเทียนเป่ยเช่นกัน”
“จริงด้วยๆ หากเกิดค่านิยมเช่นนี้ การพัฒนาธุรกิจในเทียนเป่ยก็อยู่ในอันตรายน่ะสิ!”
“นั่นสิ ท่านหวัง เรื่องนี้จะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้นะ!”
ทุกคนเริ่มเห็นพ้องกับคำพูดของเย่อ้าย
หวังไห่ถือแก้วไวน์ กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “นี่มีอะไร? ปกติทุกคนก็ยุ่งอยู่กับเรื่องในบริษัท แรงกดดันมหาศาล ออกมาปลดปล่อยไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?”
นี่เป็นคำที่ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสหพันธ์ธุรกิจในเมืองสมควรพูดหรือ?
ถ้าอย่างนั้นหากอิงตามที่เขาพูด ทุกคนก็สามารถออกมาปลดปล่อยเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่? อย่างนั้นสถานเริงรมย์ทั่วทั้งเทียนเป่ย จะไม่กลายเป็นสถานที่ลามกอนาจารหมดหรอกหรือ?
ทุกคนมองหวังไห่ สิ้นไร้คำพูด
เย่อ้ายเองก็ตะลึงไปพักหนึ่งเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหวังไห่ ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาจงใจมองข้ามเรื่องนี้? หรือเขากำลังพูดให้โหวจวี๋กัน?
หากหวังไห่พูดให้โหวจวี๋ ถ้าอย่างนั้นการที่พวกเขาจะทำลายโหวจวี๋ ก็จะยิ่งลำบากมากขึ้น
เวลาเดียวกันนี้ ใช่ว่าเธอเองจะไม่เลื่อมใสโหวจวี๋ ถึงกับติดสินบนหัวหน้าสหพันธ์ธุรกิจในเมืองอย่างหวังไห่ เพื่อให้เขาหลับตาข้างลืมตาข้าง
เย่อ้ายมองหวังไห่ กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ท่านหวัง แต่ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้งคะ? นั่นไม่ใช่เป็นการเพิ่มเรื่องไร้ศีลธรรมให้กับเทียนเป่ยหรอกหรือ? โหวจวี๋เป็นถึงผู้นำทางธุรกิจในเทียนเป่ย สมควรทำตัวเป็นแบบอย่างถึงจะถูก แต่นี่……”
“โธ่เอ๊ย คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณนี่ ทำไมถึงเข้มงวดยิ่งกว่าคนแก่อย่างผมอีกนะ? แค่ออกมาผ่อนคลายเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเรื่องผิดมนุษย์มนาสักหน่อย พวกคุณว่าจริงไหม?”
“เอาล่ะ ดื่มๆ” หวังไห่พูดพลางจิบไวน์หนึ่งอึก
เย่อ้ายกับประธานอาวุโสคนอื่นๆ หน้าง้ำทันที แต่เพื่อเห็นแก่หน้าของหวังไห่
จึงไม่กล้าแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเกินไปนัก ทำได้เพียงแสร้งยิ้มแล้วดื่มไวน์เท่านั้น
หวังไห่อาศัยท่าทางในการดื่มไวน์ กวาดตามองทุกคน พลางเย้ยหยันอยู่ในใจ คนเหล่านี้คิดอะไรเขาเข้าใจชัดเจนดี เขาไม่ใช่เด็กอายุสามขวบสักหน่อย
แต่ในเมื่อเป็นฝ่ายไปหาไป๋ยี่เฟยเพื่อขอความช่วยเหลือก่อน เขาย่อมจะทำตามที่สัญญาไว้ ยิ่งกว่านั้น คนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นแค่ท่านประธานบังหน้าเท่านั้น ท่านประธานตัวจริงคือไป๋ยี่เฟยต่างหาก
ไม่พูดไม่ได้ คนหนุ่มอย่างไป๋ยี่เฟยมีความสามารถอยู่หลายส่วนจริงๆ อย่างน้อยก็จัดการคนเหล่านี้ได้สบายๆ
หวังไห่ปัดเรื่องนี้ออกไป เขาอยู่อีกสักพัก ก็บอกว่าตนเองมีธุระ จากนั้นก็จากไป
หลังคนไปแล้ว ประธานอาวุโสบริษัทอื่นๆ ก็พากันซักถามเย่อ้าย
“ประธานเย่ ไหนคุณบอกว่าท่านหวังจะจัดการเองอย่างไรล่ะ?”
“ประธานเย่ ทำไมท่านหวังถึงช่วยพูดให้โหวจวี๋ล่ะ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“หากกระทั่งท่านหวังยังยืนอยู่ข้างโหวจวี๋ แล้วพวกเรายังจะเอาอะไรไปชนะอีก?”
เย่อ้ายได้ยินแล้วก็ไม่โกรธคนกลุ่มนี้เลยสักนิด สุดท้ายจึงสูดหายใจลึกพลางกล่าวว่า “พวกคุณใจเย็นกันก่อน ฉันเองก็ไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด ท่านหวังคงจะไม่ได้ถูกโหวจวี๋ซื้อตัวไป คิดว่าน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้”
“ทุกคนวางใจ โหวจวี๋จะต้องถูกพวกเรากินเรียบแน่ ฉันจะให้คนไปสืบท่านหวังคนนี้ดู หากสืบได้ความอะไร จะแจ้งให้ทุกคนทราบเป็นคนแรก”
เมื่อผ่านการปลอบขวัญไปแล้วครั้งหนึ่ง คนเหล่านี้มักถูกเย่อ้ายปลอบขวัญอย่างดีอยู่เสมอ แล้วค่อยส่งกลับไป
ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงเย่อ้ายกับหลี่ฝาน เย่อ้ายมองห้องที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เดินไปทางนั้น ผลักม่านเปิดออก มองซูต้าหลิวด้วยสายตาเย็นชา
คราวก่อนซูต้าหลิวคิดจะขืนใจเธอ ทำให้เธอเกลียดซูต้าหลิวจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน วันนี้ที่วางแผนเช่นนี้ออกมาก็เพื่อให้ซูต้าหลิวขายหน้า และถือโอกาสให้หวังไห่เล่นงานโหวจวี๋ด้วยเลย
แต่เธอคิดไม่ถึงว่า หวังไห่จะถึงกับช่วยพูดให้โหวจวี๋!
หลี่ฝานดันรถเข็นมาถึงข้างกายเย่อ้าย “พี่อ้าย ตอนนี้จะทำยังไงกันดี?”
เย่อ้ายถลึงตามองหลี่ฝาน กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังจะทำยังไงได้อีกล่ะ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ หลี่ฝานก็ดันรถเข็นตัวเองออกไป
เวลานี้ เพราะมีเพียงเย่อ้ายอยู่ที่นี่คนเดียว สาวสวยสองคนนั้นจึงไม่ได้ขยับเขยื้อนใดๆ ซูต้าหลิวไม่รู้สึกถึงคน “คนล่ะ? ไปไหนแล้ว?”
จะทำอย่างไรได้เมื่อตัวเองถูกมัดไว้ ไม่สามารถแก้ผ้าที่ปิดตาไว้ออก ทำได้เพียงร้องตะโกนต่อไป “สวยน้อยไปไหนกันแล้ว? อยากให้พี่ชายไปหาเองใช่ไหมจ๊ะ?”
“อย่างนั้นก็ช่วยแก้มัดให้ฉันเถอะ ไม่อย่างนั้นจะไปหาพวกเธอได้ยังไงกัน ใช่ไหม?”
เย่อ้ายมองหน้าตาอัปลักษณ์ของซูต้าหลิว ในใจโกรธแทบบ้า กัดฟันกล่าวว่า “ตีมันให้ฉัน!”
ด้วยเหตุนี้ สาวสวยที่ยังอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกเมื่อสักครู่จึงกลายเป็นวายร้ายในชั่วพริบตา กดซูต้าหลิวไว้บนโซฟาแล้วออกแรงตีทันที
“ไอหยา โอ๊ย……” ซูต้าหลิวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกคนตี ทั้งยังถูกมัดไว้อีก คิดจะโต้กลับก็ทำไม่ได้
……
ห้าวันผ่านไป ไป๋ยี่เฟยออกจากโรงพยาบาล
พอกลับมาถึงวิลล่า ก็ได้รับการดูแลจากหลี่เสว่ด้วยตนเอง
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในห้องรับแขก ดูข่าวเศรษฐกิจ ส่วนหลี่เสว่ปอกแอปเปิ้ลให้เขาอยู่ด้านข้าง
ผ่านไปไม่นาน แอปเปิ้ลที่หลี่เสว่ปอกก็ยื่นมาตรงหน้าไป๋ยี่เฟย
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยขยับมือเองได้แล้ว จึงยื่นมือไปหยิบมาหนึ่งชิ้น “ภรรยาฉันช่างเพียบพร้อมจริงๆ”
ประโยคนี้ทำให้หลี่เสว่หน้าแดง ไม่ยอมหันไปมองไป๋ยี่เฟย ทำเพียงก้มหน้าตอบว่า “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ฉันไปทำกับข้าวก่อนนะคะ”
พูดจบ หลี่เสว่ก็ลุกขึ้นเดินไปทางห้องครัว
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว เฉินห้าวก็มาหาไป๋ยี่เฟยพอดี ทั้งสองมาที่สวนด้านหลังของวิลล่า
”พี่ ผมสืบได้แล้ว ที่ดินสามผืนนั้นมีปัญหาอยู่จริงๆ”