ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 320
บทที่ 320
เฉินห้าวกับเหอชิวโหย่วเหมือนกันมาก พวกเขาไม่ได้อยากจะยากจนและหมดหนทางเช่นนี้ นั่นเป็นเรื่องที่ไร้ทางออกโดยสิ้นเชิง
และคนที่เป็นอย่างพวกเขา ก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนอับจนหนทาง และในสายตาคนอื่น ก็คือยากจน!
ไป๋ยี่เฟยคิด ก่อนที่เขาจะกลายเป็นท่านประธานของโหวจวี๋ เขาก็เคยเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?
โดยเฉพาะตอนที่น้องสาวโดนรถชน เขาเข้าตาจนจริงๆ ไม่มีเงินผ่าตัด เขาจึงไปขอร้องนายท่านหลี่ ต่อให้ถูกคนหยามหมิ่น เขาก็ยินดี
“โธ่……”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องกังวล อยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว พวกเราจะจัดการเอง หากคุณกลัวไม่มีงานทำ เอาอย่างนี้ ตอนนี้ผมเป็นท่านประธานของโรงพยาบาล ผมจะจ้างคุณเอง ส่วนจะทำหน้าที่อะไรนั้น ก็ดูที่ความสามารถของคุณ”
“ก่อนหน้านั้น ต้องรอหลังจากเด็กชายคนนั้นผ่าตัดเสร็จ และคุณทำเรื่องที่ควรทำเสร็จก่อน”
เหอชิวโหย่วพยักหน้าตอบรับทันที ทั้งยังต้องการจะคุกเข่าโขกศีรษะให้ไป๋ยี่เฟยด้วย แต่ไป๋ยี่เฟยห้ามไว้ทัน จึงขวางเรื่องนี้ไว้ได้
ไป๋ยี่เฟยเห็นเขาไม่เป็นไรแล้ว ก็หมุนตัวกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็นึกถึงมารดาของเขาได้ จึงหันหน้ากลับมากล่าวอีกครั้งว่า “รอเสร็จจากเรื่องนี้แล้ว คุณพาแม่คุณมาที่โรงพยาบาล ผมไม่เก็บเงิน”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็จากไป
ทั้งสามคนเดินไปได้ครึ่งทาง ก็เจอกับเฉินห้าวที่จัดการธุระเสร็จพอดี เฉินห้าวมีสีหน้าเคร่งขรึม “พี่ ญาติของเด็กคนนั้นมาแล้วครับ เอะอะโวยวายอยู่บ้าง”
“ไปดูหน่อย” ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วกล่าว
ดังนั้นคนทั้งสี่จึงเดินไปที่โถงใหญ่พร้อมกัน และได้ยินเสียงของพวกญาติๆ เหล่านั้นมาแต่ไกล
“คนชนอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“หากหลานชายฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่จบกับเขาแน่!”
“ออกมา!”
“ให้โรงพยาบาลของพวกคุณเอาคนที่รับผิดชอบออกมา เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
สองคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นหญิงวัยกลางคนและชายวัยกลางคนคนหนึ่ง คนผู้หญิงเป็นแม่ของเด็กชาย และคนผู้ชายเป็นลุงของเด็กชาย แต่กลับไม่เห็นพ่อของเด็ก
เฉินห้าวเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง โปรดเบาเสียงลงหน่อยครับ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ห้ามส่งเสียงดัง พวกคุณทำแบบนี้ จะเป็นการรบกวนคนไข้ได้”
“ฉันต้องสนพวกคุณด้วย? ในเมื่อโรงพยาบาลของพวกคุณซ่อนคนไว้ ก็มอบคนออกมาสิ!”
“ใช่ มอบตัวคนชนออกมา!”
เฉินห้าวกล่าวด้วยหน้าตาขึงขังว่า “โปรดอย่าส่งเสียงดัง ไม่อย่างนั้นพวกเราจะเรียกรปภ.”
“นายเป็นใคร?” คนผู้ชายจ้องมองเฉินห้าว เห็นเขาใส่ชุดทั่วไป ไม่ได้สวมชุดกาวน์ “นายเป็นแค่คนนอกจะพูดอะไรก็พูดได้เหรอ? มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็เดินมาหยุดตรงหน้าเฉินห้าว “สวัสดีครับ ผมเป็นท่านประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ที่ให้คุณมาก่อเรื่องได้ หากมีเรื่องอะไร ก็ไปคุยกันที่ห้องประชุม”
ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ก็มองไป๋ยี่เฟยขึ้นลง “คุณเป็นท่านประธานของโรงพยาบาล? ดีเลย คุณรีบมอบตัวคนชนออกมาให้ฉัน พวกเราต้องการคุยเรื่องเงินชดเชยกับเขา”
“ใช่ เอาตัวออกมา” คนผู้ชายพยักหน้ากล่าว
ไป๋ยี่เฟยเห็นพวกเขาไม่ได้สนใจลูกตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นห่วงแต่เรื่องเงินชดเชย ก็โกรธขึ้นมาทันที
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ที่ให้พวกคุณมาเอ็ดตะโร หากพวกคุณยังทำต่อไป ผมก็ไม่ถือสาที่จะส่งพวกคุณไปโรงพยาบาลบ้า!”
“แล้วก็ เด็กที่กำลังผ่าตัดคนนั้นเป็นลูกของพวกคุณใช่ไหม? พวกคุณคู่ควรเป็นแม่กับลุงของเขาแล้วหรือ? เด็กกำลังผ่าตัด พวกคุณไม่เป็นห่วงเขาก็ช่างเถอะ ยังมาเอะอะขอเงินอยู่ที่นี่อีก”
“พวกคุณลองถามตัวเองดู ว่ามีความจริงใจหรือไม่?”
สิ้นคำ ผู้ชายกับผู้หญิงก็ไม่กล้าส่งเสียงอีก รู้สึกขายหน้าอย่างมาก
เวลานี้ ไป๋ยี่เฟยก็กล่าวอีกครั้งว่า “พวกเราแจ้งตำรวจแล้ว สถานการณ์ที่เป็นรูปธรรม ตำรวจจะจัดการได้ดีกว่า ตอนนี้ ขอให้พวกคุณโปรดรอผลการผ่าตัดอย่างสงบด้วย”
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พาคนทั้งคู่ไปที่ห้องประชุม “พวกคุณดูเอาเองเถอะ!”
ผู้ชายกับผู้หญิงยังไม่เข้าใจความหมายอยู่บ้าง บนจอใหญ่ฉายภาพกล้องวงจรปิดขึ้นมา
บนจอ เหอชิวโหย่วกำลังคุกเข่าโขกศีรษะอยู่บนพื้นไม่หยุด “ขอร้องพวกคุณ……ช่วยเขาด้วย……”
“เห็นหรือยัง? เขาก็คือผู้ก่อเหตุคนนั้น แต่คนแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างเขากลับขอร้องให้หมอช่วยชีวิตลูกของพวกคุณ กลับเป็นพวกคุณเอง ที่มาแล้วก็ไม่รู้จักเป็นเป็นห่วงลูก รู้จักแต่เงิน ผมก็สงสัยนะว่า พวกคุณใช่ญาติของเด็กหรือเปล่า!” ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาอย่างไร้ความรู้สึก
พอเห็นฉากนี้ ญาติของเด็กก็ยิ่งขายหน้าแล้ว กระทั่งคนแปลกหน้าคนหนึ่งพวกเขาก็สู้ไม่ได้
อันที่จริงคนแบบนี้มีอยู่จำนวนไม่น้อย เพราะพอพวกเขารู้ว่าลูกตัวเองถูกรถชน พวกเขาก็จะได้เงินชดเชยก้อนหนึ่ง สำหรับครอบครัวธรรมดาพูดได้ว่า เงินชดเชยก้อนนี้มากพอดูทีเดียว
แต่ความคิดเช่นนี้อันที่จริงเป็นความผิดปกติทางจิตใจ เพราะอย่างไรชีวิตคนก็ไม่อาจนำเงินทองมาเทียบได้ มิหนำซ้ำ นั่นยังเป็นลูกหลานของตัวเองอีก
เพียงไม่นาน ตำรวจก็มาถึง และได้นำวิดีโอกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นมาด้วย จากนั้นก็พบว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เหอชิวโหย่วไม่มีความผิด ความผิดอยู่ที่เด็กชายคนนั้น
ตำรวจอธิบายว่า “เพราะเขาขี่ย้อนศร ดังนั้นความผิดทั้งหมดจึงอยู่ที่ตัวเขาคนเดียว”
และแสดงว่า เหอชิวโหย่วไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
คราวนี้พวกญาติๆ เงียบลงได้ในที่สุด ไม่มีใครโวยวายอีก
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง เด็กชายก็พ้นขีดอันตราย ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยทั่วไป
เหอชิวโหย่วกับพวกญาติๆ ต่างตกลงกันเป็นการส่วนตัว แต่ไป๋ยี่เฟยรู้สถานการณ์ของเหอชิวโหย่ว และเข้าใจสภาพครอบครัวของเด็กเช่นกัน จึงอาสาออกค่าผ่าตัดให้กับเด็กชายทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ เรื่องจึงแทบจะคลี่คลายลงได้
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากให้คนรู้ร่องรอยของเขา จึงให้เฉินห้าว หลงหลิงหลิงและหลิวเสี่ยวอิงกลับไป
ส่วนตนเองก็นั่งรถของหนิววั่งกลับไปเช่นกัน เพราะเขายังมีเรื่องบางอย่างต้องการมอบหมายให้หนิววั่ง
บนรถ ไป๋ยี่เฟยมองไฟถนนที่สวนไปเรื่อยๆ “เมื่อกี้ผมออกคำสั่งไปแล้ว ต่อไป คุณก็คือผู้อำนวยการโรงพยาบาล อีกอย่าง คุณรู้จักเหตุผล”
ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยโยนกิ่งสมอ*ไปให้หนิววั่ง เขาปฏิเสธ เพราะผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้มีบุญคุณต่อเขา เขามาเพื่อตอบแทนบุญคุณ
ส่วนไป๋ยี่เฟย เวลานั้นไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ เขาซื้อโรงพยาบาลมาแล้ว ทั้งยังให้หนิววั่งเป็นผู้อำนวยการ ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี
“จะทำยังไงได้ล่ะ?” หนิววั่งถอนหายใจกล่าว
“ผมรู้ว่าคุณมีเป้าหมายของคุณ ผมเองก็มีเป้าหมายของผม ผลลัพธ์เป็นอย่างนี้ไม่ดีมากหรอกเหรอ? จริงสิ พี่หนิว ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากจะไหว้วานคุณ”
*กิ่งสมอหมายถึงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ